ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 642 บางทีนี่อาจเป็นโชคชะตาก็ได้ / ตอนที่ 643 ถ้าผมไม่ขายให้ล่ะ
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 642 บางทีนี่อาจเป็นโชคชะตาก็ได้ / ตอนที่ 643 ถ้าผมไม่ขายให้ล่ะ
ตอนที่ 642 บางทีนี่อาจเป็นโชคชะตาก็ได้
เวอร์จิเนีย สำนักงานใหญ่ของซีไอเอ
มีเสียงตะโกนภายในห้องทำงานของผู้อำนวยการจนเกือบจะทำให้หน้าแตกได้
“ไอ้พวกงี่เง่าที่ไร้ประโยชน์! อุปกรณ์มันหลุดออกมาได้ยังไง?” ผู้อำนวยการซีไอเอทุบรายงานจากยุโรปบนโต๊ะและตะคอก “ตู้คอนเทนเนอร์สามตู้! สาม! ไหนบอกว่าหาไม่เจอ?”
จาเร็ด ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการซีไอเอยุโรป ก้มหน้าลงและกระซิบเบาๆ “ท่านครับ… เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน”
“ซับซ้อนงั้นหรอ? คดีของเราทั้งหมดมันก็มีความซับซ้อนทั้งนั้นแหละ!”
เจมส์กล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ตามข้อมูลล่าสุดจากฮอร์นที่อิตาลี เรายังไม่แน่ใจว่าอุปกรณ์เหล่านี้จะถูกส่งไปยังที่ไหน แต่คงไม่ใช่ประเทศจีน…”
“คิดว่าฉันโง่เหรอ? ประเทศอื่นไหนอีกหละที่อยากได้อุปกรณ์เหล่านี้มากๆ ?”
จาเร็ดคิดว่า แน่นอน คุณมันโง่
แต่เขาตัดสินใจเก็บความคิดของเขาไว้ในใจไม่พูดออกไป
เขาก้มศีรษะลงและพยายามพูดตามตรง
“แต่ผม…”
“ไม่มีแต่!” ผู้อำนวยการควบคุมความโกรธของเขา จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ เขาดื่มน้ำแล้วพูดว่า “ตอนนี้การสอบสวนถึงไหนแล้ว?”
จาเร็ดมองไปที่ผู้อำนวยการและเรียบเรียงคำพูดของเขาอย่างระมัดระวัง “เราพยายามหาชาวอิตาลีชื่อ ซาเช่ ฟาบิเอล แต่เราหาเขาไม่พบครับท่าน เราสงสัยว่าอาจจะเป็นตัวตนปลอม”
“พัสดุ… แล้วที่อยู่พัสดุล่ะ? เพราะมันคือกุญแจสำคัญ! เราสามารถย้อนรอยระบบไปรษณีย์และค้นหาพวกมันได้!” เขานึกย้อนกลับไปเมื่อสิบนาทีที่แล้วเมื่อเขาโยนกระดาษที่ขยี้แล้วซึ่งมีตัวอักษรแปลกๆ ที่เขียนอยู่ทิ้งลงในถังขยะ สิ่งนี้ทำให้เลือดของเขาร้อนราวกับมันจะเดือดออกมา
ในความเห็นของเขา อาชญากรเหล่านี้กำลังดูถูกเขามาก!
และไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่นี่มันเป็นการดูถูกทั้งซีไอเอ!
“ท่านครับ?”
ผู้อำนวยการมองจาเร็ดและขมวดคิ้ว
“มีอะไร?”
“วิธีที่คุณแนะนำ… เราได้คิดดูแล้ว และเราพบที่อยู่ทางไปรษณีย์ของพัสดุผ่านระบบขนถ่ายของดีเอชแอล ที่อยู่สุดท้ายชี้ไปที่เฟรนช์เกียนา เราติดต่อตัวแทนในอเมริกาใต้และพบบุคคลที่ส่งพัสดุภัณฑ์ครับ เป็นชายหนุ่มที่ยังอยู่ในโรงเรียนมัธยมและเขาบอกว่าเขาไม่รู้ว่าใครคือซาเช่ ฟาบิเอลเลยซักคน มีคนส่งอีเมลถึงเขาและบอกว่าเขาจะได้รับหนึ่งร้อยยูโรถ้าเขาส่งพัสดุไป”
“แล้วที่อยู่อีเมลล่ะ?”
จาเร็ดมีสีหน้าเจ็บปวด
“ที่อยู่อีเมลนี้หายไปแล้วครับ”
ทุกคนไม่พูดอะไรต่อ
ผู้อำนวยการถอนหายใจและขมวดคิ้ว เขาเงียบเป็นเวลานาน
จาเร็ดมองไปที่ผู้อำนวยการและกระซิบ “ท่านครับ?”
“มีอะไรเหรอ? ”
“ตอนนี้…จะเอายังไงต่อเหรอครับ?”
“ไม่รู้ อย่าเพิ่งถาม” ผู้อำนวยการเอื้อมมือไปหยิบเอกสารจากโต๊ะทำงานก่อนจะพูดว่า “นี่เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่มาก สิ่งนี้จะส่งผลกระทบอย่างจริงจังต่อการเจรจาฟิวชั่นที่ควบคุมได้… บ้าจริง แล้วฉันจะพูดอะไรกับประธานาธิบดียังไงเนี่ย…”
…
ในขณะที่หน่วยข่าวกรองตะวันตกครึ่งหนึ่งอยู่ในความโกลาหลเนื่องจากมีอุปกรณ์ที่หายไป แต่ตอนนี้ตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุอุปกรณ์ได้เดินทางผ่านคลองปานามา ผ่านทะเลจีนตะวันออก และเทียบท่าที่ท่าเรือไห่โจว
ณ สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง
ลู่โจวมาที่นี่ในตอนเช้าและไปที่สถาบันฟิสิกส์พร้อมสำเนาวิทยานิพนธ์
เมื่อลู่โจวมาถึงห้องทำงานของผู้อำนวยการ หลัวเหวินเซวียนยืนอยู่ข้างเครื่องชงกาแฟเพื่อรอให้น้ำเดือดขณะอ่านเอกสารบางอย่าง
ลู่โจวเคาะประตูและวางกองเอกสารลงบนโต๊ะ “ผมได้อ่านวิทยานิพนธ์อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ผมคิดว่าเป็นความคิดที่ดี”
“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน… ส่วนหลักคือค่าของ m” หลัวเหวินเซวียนรินกาแฟให้ตัวเองแล้วมองไปที่ลู่โจว “ซักแก้วไหม?”
ลู่โจว “ไม่ล่ะ ขอบคุณ… ฉันชอบกาแฟสำเร็จรูปมากกว่า”
หลัวเหวินเซวียนใส่น้ำตาลสองก้อนลงในถ้วยแล้วส่ายหัว เขากล่าวว่า “กาแฟสำเร็จรูปคือการดื่มอย่างไร้ศิลปะ”
ลู่โจว “…”
หลัวเหวินเซวียน เดินไปที่โต๊ะของเขาและดูวิทยานิพนธ์ที่ลู่โจวเอามาซึ่งเต็มไปด้วยความคิดเห็นที่เป็นลายลักษณ์อักษรต่างๆ เขาจิบกาแฟก่อนจะถามว่า “คุณคิดว่าไง มีไอเดียอะไรไหม”
ลู่โจว “มั้ง”
“เหอะ!”
หลัวเหวินเซวียนพ่นน้ำลายใส่กาแฟลงในคอมพิวเตอร์ของเขา เขาสำลักออกมา จากนั้นจึงรีบหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดวิทยานิพนธ์
ลู่โจวอึ้ง เขาขมวดคิ้วและถามว่า “คุณตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ไม่ตื่นเต้นเลยซักนิด! ไม่หรอก จริงๆ ผมตื่นเต้น” หลัวเหวินเซวียนสูดหายใจเข้าลึกๆ และพยายามสงบสติอารมณ์ เสียงของเขาดังขึ้นในขณะที่เขาพูด “คุณกำลังจะบอกว่าคุณมีไอเดียงั้นเหรอ”
“ใช่” ลู่โจวพยักหน้าและมองไปที่กระดานดำในขณะที่เขาพูดว่า “คุณต้องการให้ผมอธิบายให้ฟังไหม?”
หลัวเหวินเซวียน “ได้เลย!”
“ไม่ใช่ว่าสมการนี้สามารถแก้ไขได้โดยคนเดียว ผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณด้วย” ลู่โจวหยิบชอล์กขึ้นมาชิ้นหนึ่งจากโต๊ะข้างๆ และเขียนคำหนึ่งบรรทัดบนกระดานดำ
หลัวเหวินเซวียนจ้องที่บรรทัดคำเป็นเวลานานด้วยคิ้วของเขาย่นเล็กน้อย
“สนามพลังงาน… ควอนตัมหยาง-มิลส์?”
“ใช่” ลู่โจวพยักหน้าและกล่าวว่า “กลไกฮิกส์ และสนามพลังงานหยาง-มิลส์ ได้ถูกนำมาใช้เพื่ออธิบายส่วนปฏิสัมพันธ์แบบไฟฟ้าอ่อนของแบบจำลองมาตรฐานสำหรับทฤษฎีสนามควอนตัมเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ส่วนปฏิสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งของทฤษฎีหยาง-มิลส์ ไม่สามารถแก้ไขได้โดยใช้การหักแบบสมมาตร รู้ใช่มั้ย ว่าผมหมายถึงอะไร?”
ดวงตาของหลัวเหวินเซวียนค่อยๆสว่างขึ้น เขาทำได้เพียงพูดคำเดียว
“ดังนั้น…”
“ใช่” ลู่โจวพยักหน้าและพูด “คุณคงรู้แล้วว่าผมจะพูดอะไร เพื่อที่จะแก้ปัญหานี้ เราต้องตั้งค่าสนามควอนตัมที่สอดคล้องกับปัญหาดังกล่าว นั่นคือสนามควอนตัมหยาง-มิลส์”
หากพวกเขาสามารถสร้างสนามควอนตัมหยางมิลส์ได้ พวกเขาสามารถหามวลอนุภาค m ได้อย่างง่ายดาย และปัญหาที่ไม่มีมวลของการปฏิสัมพันธ์ที่รุนแรงจะได้รับการแก้ไขอย่างไม่ต้องสงสัย
ลู่โจวกำลังจะอธิบายความคิดของเขาเพิ่มเติมเมื่อโทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาเริ่มดังขึ้น
ลู่โจววางชอล์กลงแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา
เขาเห็นหมายเลขผู้โทรที่โทรหาเขา
กระทรวงป้องกันราชอาณาจักร?
ลู่โจวรู้สึกงง เขารับสายและวางโทรศัพท์ไว้ข้างหู
หลัวเหวินเซวียนเดินไปด้านข้างและดื่มกาแฟขณะนั่งอยู่บนโซฟา เขารออย่างเงียบ ๆ รอให้ลู่โจวเสร็จสิ้นการโทร
เวลาผ่านไปห้านาที
ในที่สุดการโทรก็สิ้นสุดลง
ลู่โจวหยิบโทรศัพท์ใส่กระเป๋าและมองไปที่หลัวเหวินเซวียน
“ทำไมผมถึงมีปัญหาทุกครั้งที่ผมพูดถึงปัญหากับคุณกันนะ”
หลัวเหวินเซวียนหยุดชั่วครู่หนึ่งแล้วยิ้ม
“ไม่รู้… มันคงเป็นโชคชะตาล่ะมั้ง”
ลู่โจว “…”
ลู่โจวไม่มีความสุขเลย
แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่
…………………………………………..
ตอนที่ 643 ถ้าผมไม่ขายให้ล่ะ
ในขณะที่การเจรจากับยุโรปตะวันตกยังคงดำเนินต่อไป ตอนนี้ไม่มีใครรู้เลยว่ามีสมบัติที่ล้ำค่าถูกซ่อนไว้ในกองข้าวโพดบนเรือ เมื่อเครื่องจักรถูกขุดออกมาจากกองข้าวโพด เจ้าหน้าที่ศุลกากรก็แปลกใจ พวกเขารายงานข่าวนี้ต่อผู้บังคับบัญชาทันที
ข่าวถูกรายงานไปยังกระทรวงป้องกันราชอาณาจักรทันทีเพราะมันเป็นเรื่องสำคัญ
เนื่องจากหน่วยงานป้องกันต้องติดต่อวิศวกรสองคนจากเสิ่นหยางแมชชีนทูล เพื่อตรวจสอบเครื่องจักร จึงทำให้ข่าวลือเริ่มแพร่กระจายไปสู่สาธารณะ
มีผู้ผลิตเครื่องมือกลรายใหญ่หลายรายในประเทศจีน ส่วนใหญ่เป็นเสิ่นหยางแมชชีนทูล ฉีฉีฮวา เอฟวี่อีควิปเมนท์คอร์เปอร์เรชั่น และบีวายเจซีแมชชีนทูล พวกเขายึดครองตลาดแมชชีนทูลของจีนเอาไว้ และทุกคนก็ตั้งเป้าที่จะผลิตเครื่องมือกลระดับไฮเอนด์
ปัญหาคือทุกบริษัทต้องการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และพวกเขาทั้งหมดมั่นใจว่าพวกเขาสามารถย้อนกลับวิศวกรเครื่องมือเครื่องจักรส่งออกระดับไฮเอนด์นี้ได้ อย่างไรก็ตาม มีเครื่องมือกลเพียงสองชิ้นเท่านั้นที่มีชิ้นส่วนไม่เพียงพอ
ดังนั้น หยางจงเฉวียน หัวหน้าวิศวกรของเสิ่นหยางแมชชีนทูล ได้ยินเกี่ยวกับข่าวนี้ เขาจึงหยุดการรับประทานข้าวเที่ยงและขึ้นเครื่องบินกับหวู่เพื่อนร่วมงานของเขาทันที
ทั้งสองนั่งบนโซฟาในเลานจ์ของสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง
เลขาหวู่มองไปที่ประตูแล้วลดเสียงลง
“คุณหยางครับ เครื่องจักรนี้มีความสำคัญมากสำหรับโรงงานของเรา เราต้องพยายามให้ได้มันมาอยู่ในมือเราให้ได้ จะยิ่งดีเลยถ้าได้ทั้งคู่ครับ”
หยางจงเฉวียนจิบชา เขาไม่มีอาการใดๆ
“แน่นอน”
ทันใดนั้น ประตูก็ถูกเปิดออก และทั้งสองก็หยุดพูดทันที
ลู่โจวทักทายทั้งสองและนั่งตรงข้ามกันบนโซฟา เขามองดูพวกเขาและถามว่า “พวกคุณมาไกลเพื่อผมเหมือนกันนะ ผมอยากรู้ว่าพวกคุณต้องการอะไร?”
หยางจงเฉวียนกำลังจะพูด แต่เลขานุการหวู่ก็ไอเล็กน้อยก่อนจะเริ่มตอบกลับไป เลขามองไปที่ลู่โจวและกล่าวว่า “เรารู้ว่าคุณเป็นที่ค่อนข้างยุ่ง ดังนั้นฉันจะพูดตรงประเด็นเลยแล้วกัน คุณซื้อเครื่องนั้นใช่ไหม?”
ลู่โจวยืนยัน “ใช่”
บอกตามตรงลู่โจวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ผู้จัดการนัดครั้งนี้เป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงป้องกันราชอาณาจักร แต่กลับมีนักธุรกิจบริษัทสองคนนี้มาแทน
เลขาหวู่ถามว่า “คุณใช้เงินไปเท่าไหร่?”
ราคานี้ไม่มีค่าพอที่จะเก็บเป็นความลับได้ ดังนั้นลู่โจวจึงตอบอย่างเป็นกันเองว่า “ประมาณยี่สิบล้านยูโร”
“แค่ยี่สิบล้านยูโรเท่านั้นเหรอ?” หยางจงเฉวียนไม่ค่อยอยากที่จะเชื่อเขาเลย เขามองดูลู่โจวด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็นและถามทันที “คุณไปเอามันมาจากไหน?”
จากประสบการณ์ของเขา ถ้ามีคนในจีนต้องการซื้อเครื่องระดับไฮเอนด์แบบนั้น พวกเขาจะต้องส่งเครื่องโดยประเทศอื่น และราคามักจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหรือมากกว่าแค่ยี่สิบล้านยูโรแน่ๆ นี่เป็นข้อตกลงที่ดี
และนี่ก็ไม่ใช่ประเด็นหลักด้วยซ้ำ
คงจะเป็นเรื่องยากที่จะซื้อเครื่องมือกลอุตสาหกรรมรุ่นใหม่ล่าสุดในราคาปกติถึงสามเท่า โดยเฉพาะเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตเครื่องยนต์อากาศยาน อย่างแรกคือพ่อค้าคนกลางในประเทศบุคคลที่สามต้องการทำกำไร แต่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงมากเกินไป อย่างที่สองคือบริษัทในยุโรปมีกระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติที่เข้มงวดและข้อตกลงสิทธิ์การใช้งานสำหรับผู้ใช้ปลายทาง แต่สิ่งนี้อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันในตลาดของพวกเขา และทุกคนก็รู้ว่าบริษัทจีนมักจะละเลยกฎและข้อบังคับต่างๆ
การรู้ว่าเครื่องจักรสองชิ้นนี้มาจากไหน ย่อมมีค่ามากกว่าการซื้อจากมือของลู่โจวเสียอีก
หยางจงเฉวียน และเลขานุการหวู่รู้สึกตื่นเต้น พวกเขาแทบรอไม่ไหวที่จะหาว่าลู่โจวสามารถหาเครื่องจักรสองชิ้นนี้ในประเทศได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม ลู่โจวซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามกับทั้งสองคนกลับรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
น้ำเสียงของทั้งคู่ทำให้เขาไม่ค่อยพอใจ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ลู่โจวอยากจะเปิดเผยออกไปอย่างง่ายดาย
ลู่โจวพิงโซฟาและไม่สุภาพเหมือนตอนแรก
“ผมพบเพื่อนบางคนระหว่างเรียนต่างประเทศ ผมก็แค่ขอร้องเขา อะไรกัน? นี่ผมต้องบอกพวกเขาด้วยเหรอ”
บรรยากาศในห้องก็ตึงเครียดขึ้นมาทันใด
เลขานุการหวู่ สังเกตเห็นการแสดงออกของลุ่โจว
ลู่โจวดูเด็กมาก ดังนั้นเลขาหวู่จึงพูดแบบทั่วๆ ไปโดยไม่รู้ตัว เขากำลังจะพูดอย่างสุภาพมากขึ้นเพื่อกอบกู้การสนทนา แต่หยางจงเฉวียนพูดก่อน
หยางจงเฉวียนมองไปที่ลู่โจวสักครู่แล้วโบกมือ
“ลืมมันไปเถอะ ผมไม่สนหรอกว่าเครื่องจักรมาจากไหน ผมจะจ่ายให้คุณยี่สิบล้านยูโร และคุณจะให้เครื่องจักรกับเรา”
เมื่อหลู่โจวได้ยินข้อเรียกร้องของชายชรา เขาก็ขมวดคิ้ว
“ผมไม่คิดจะขาย”
หยางจงเฉวียนจ้องมาที่เขาและพูดว่า “คุณรู้ไหมว่าคุณซื้ออะไรมา”
ลู่โจวกล่าวว่า “เครื่องเชื่อมห้าแกนที่มีความแม่นยำสูงสองตัวจากซีเมนส์?”
สองชิ้นนี้เป็นเครื่องจักรที่แพงที่สุดในบรรดาอุปกรณ์ต่างๆ เนื่องจากมีความเที่ยงตรงสูง จึงมีราคาแพงกว่าเครื่องมือเครื่องเชื่อมแบบหกหรือเจ็ดแกน
หยางจงเฉวียนพ่นลมออกและเอนตัวลงบนโซฟา
“ก็ดี งั้นแสดงว่าคุณรู้”
ลุ่โจวอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้หยางจงเฉวียน
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมไม่ขายให้คุณ”
หยางจงเฉวียนกล่าวว่า “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ ผมหวังว่าศาสตราจารย์ลู่จะนึกถึงภาพที่ใหญ่ขึ้นออกนะ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
เมื่อทั้งสองโต้เถียงกันทำให้เลขาหวู่ก็รู้สึกกังวล แต่เขาไม่มีโอกาสได้พูดอะไร นอกจากจ้องไปที่หยางจงเฉวียนด้วยสายตาที่สิ้นหวัง
หัวหน้าของเขาโกรธจัด เขาไม่สนใจเลขาหวู่เลยแม้แต่น้อย
ลู่โจวมองไปที่ใบหน้าของชายชราและยิ้ม เขาหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าและกดหมายเลข
“โอ้ผู้บังคับการกรมไต้นี่เอง? คุณช่วยอะไรผมหน่อยได้ไหมครับ”
ผู้บัญชาการกองทหารไต้รับสายทันทีเมื่อเขาเห็นชื่อหลู่โจวบนหน้าจอ “ได้สิ ต้องการอะไรล่ะ”
“มีชุดอุปกรณ์อยู่ที่ท่าเรือไห่โจว มันมีความลับของรัฐ ดังนั้นคุณช่วยกรุณาส่งมันไปที่สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงได้ไหม”
“ตกลง”
เป็นการคุยกันผ่านโทรศัพท์แค่สี่ประโยคเท่านั้น
ทำให้ดวงตาของหยางจงเฉวียนเบิกกว้าง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงสดขณะที่ชี้นิ้วไปที่ลู่โจว
“แก! รู้ไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่!”
“รู้สิ” ลู่โจวยัดโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแล้วยิ้ม เขาตอบว่า “แต่มันเป็นความลับของรัฐ ดังนั้นผมจึงไม่สามารถบอกอะไรคุณได้หรอกนะ”
คุณคิดว่าผมกลัวคุณไหมล่ะ?