ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 656 เราแตกต่างกันตรงนี้เองเหรอ?
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 656 เราแตกต่างกันตรงนี้เองเหรอ?
“เขาโกหกชัดๆ ! “
จ้าวหวนพูดขณะที่ลู่โจวกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ เธอรู้สึกกระวนกระวายใจ
เธอเห็นทุกอย่างกับตา ทั้งเลือด เหงื่อ และน้ำตา ที่ลู่โจวเสียไปกับการแก้นี้
แต่อยู่ๆ ก็มีคนมาพูดว่าศาสตราจารย์ลู่ขโมยผลงานวิจัยของเขา
เธอคิดว่ามันน่าแค้นใจมาก
แต่ลู่โจวกลับใจเย็นมากๆ แถมยังอ่านบทความด้วยความสนอกสนใจ
หลังจากที่ลู่โจวอ่านบทความจบเขายิ้ม และพับหนังสือพิมพ์พร้อมยื่นกลับไปให้เธอ
“โอเคครับ”
เมื่อจ้าวหวนเห็นว่าลู่โจวไม่ทำอะไรต่อ เธอนิ่งไปครู่หนึ่งแต่ก็อดไม่ได้จึงถาม “คุณไม่สนใจเลยเหรอคะ”
“ไม่มีอะไรให้ผมต้องสนใจนี่นา” ลู่โจวหยิบปากกาและร่างแผนการในกระดาษบนโต๊ะ เขาพูด “ไม่มีทางที่สื่อจีนจะพูดถึงเรื่องนี้ มันจึงไม่ได้กวนใจผมนัก ส่วนสื่อต่างชาติผมยิ่งไม่ต้องสนใจเลย เดี๋ยวคนอื่นก็เป็นพยานให้ผมเอง”
ในแวดวงวิชาการ มีคนที่มีความคิดคล้ายๆ กันตลอดเวลา แต่การที่จะพูดว่าลู่โจวลอกเลียนแบบความคิดของคนอื่น มันค่อนข้างจะน่าขำ
วิทยานิพนธ์ของเจฟฟ์ในวารสารวิทยานิพนธ์คณิตศาสตร์ประจำปีได้รับการตีพิมพ์มานานกว่าห้าปี ศาสตราจารย์ไบรอันไม่ใช่คนเดียวที่คิดข้อพิสูจน์นี้ขึ้นมา เขาก็แค่เป็นคนแรกที่เกือบจะทำสำเร็จ
หลัวเหวินเซวียนคือคนที่ให้ไอเดียนี้กับลู่โจว และเขาก็ตื่นเต้นมากๆ ที่เห็นชื่อตัวเองบนวิทยานิพนธ์ของลู่โจว
แล้วทำไมศาสตราจารย์ไบรอันต้องทำแบบนี้ด้วย…
เขาน่าจะรู้ดีว่าเขาทำตัวไม่มีเหตุผล และเขาไม่อยากมีเหตุผล
เพราะนี่คือโอกาสของเขาในการสร้างชื่อให้ตัวเอง ไม่ใช่แค่นักวิชาการไม่มีชื่อเสียงที่ต้องการความสนใจ แต่นักวิชาการระดับรางวัลโนเบลก็ต้องการเช่นกัน
ลู่โจวตัดสินใจที่จะลืมเกี่ยวกับบทความในเดลีเมลและไม่อยากจะเอาเรื่องที่ศาสตราจารย์คนนั้นกล่าวหาเขา เขาอยากจะศึกษาปฏิกิริยาไฟฟ้าแก่มากกว่า
แม้ว่าจะเข้าใกล้ความจริงเข้าไปทุกที แต่เขายังต้องการเวลาในการไขปัญหานี้ เช่นเดียวกับที่วิธีการการเสียสมมาตรได้รับการแนะนำในสาขาฟิสิกส์ทฤษฎีในช่วงปี 1960 แต่ไวน์เบอร์กใช้เวลาหลายปีกว่าจะพิสูจน์ทฤษฎีปฏิกิริยาไฟฟ้าอ่อนได้
บางครั้งอุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้
แม้ว่าลู่โจวจะไม่ได้ตั้งใจที่จะหาคำตอบ แต่คำตอบก็มาหาเขาเอง
ลู่โจวได้รับอีเมลแปลกๆ หลายฉบับ บางฉบับเป็นคำเชิญสัมภาษณ์จากสื่อ ส่วนฉบับที่เหลือเป็นข้อความเกลียดชังล้วนๆ ต้องขอบคุณเสี่ยวไอที่ช่วยเขาคัดแยกอีเมลสแปม
ลู่โจวนิ่งเงียบแบบนี้ไปตลอดไม่ได้
หลังจากคิดทบทวนดีแล้ว ลู่โจวตัดสินใจให้ผู้ช่วยของเขาจัดแถลงข่าวกับสื่อต่างชาติจากหลายช่อง
ลู่โจวคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเมื่อการสัมภาษณ์ครั้งที่สองเริ่มขึ้น เขาต้องถูกถามถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
“ศาสตราจารย์ไบรอันได้ให้สัมภาษณ์ กับ BBC เดลีเมล และสื่อจากช่องอื่นๆ ว่าคุณลอกเลียนแบบงานวิจัยของเขา…คุณคิดว่าอย่างไรครับ”
ลู่โจวหัวเราะเบาๆ
“ผมไม่คิดอะไรทั้งนั้น”
นักข่าวพูด “คุณ…ไม่มีความเห็นอะไรเลยเหรอครับ”
“ใช่ครับ” ลู่โจวพยักหน้าและตอบอย่างใจเย็น “ถ้าคุณไบรอันสามารถพิสูจน์สมการหยาง-มิลส์โดยการตั้งค่าแมนิโฟลด์กาลอวกาศได้ ผมจะมอบเกียรติทั้งหมดให้เขาในฐานะที่สามารถไขปัญหารางวัลมิลเลนเนียมได้”
ลู่โจวนิ่งเฉยตอนที่พูดออกไป ราวกับว่าเขาไม่สนใจสักนิด
นักข่าวที่อยู่ข้างๆ เขาอึ้งไป
เงินที่ได้จากรางวัลมิลเลนเนียมทั้งหมด!
แม้ว่านักข่าวจะไม่เคยได้ยินใครเคยพูดว่าจะมอบเกียรติให้อีกคน แต่เกียรติที่ว่าสามารถทำให้ศาสตราจารย์ไบรอันกลายเป็นนักฟิสิกส์คณิตศาสตร์ที่โดดเด่นที่สุดในศตวรรษ…
บางทีลู่โจวอาจจะคิดว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ เขามองนักข่าวและพูด “แน่นอนครับ และรวมไปถึงเงินรางวัลล้านดอลลาร์ที่ได้จากสถาบันเคลย์อีกด้วย”
“ผมจ่ายล่วงหน้าให้เลย”
…
บทสัมภาษณ์ถูกถ่ายทอดที่สถานีโทรทัศน์โคลัมเบียบรอดแคสติงซิสเตมเป็นที่แรก
และได้รับการถ่ายทอดไปยังเว็บไซด์หลักอย่างยูทูป
เนื่องจากสื่ออังกฤษเป็นผู้ถ่ายทอดสถานการณ์ทั้งหมด ทำให้ผู้คนพากันเข้าข้างศาสตราจารย์ไบรอัน แต่หลังจากที่สื่อได้ยินสิ่งที่ลู่โจวพูด พวกเขาก็เริ่มไม่มั่นใจในตัวศาสตราจารย์ไบรอันเท่าไหร่นัก
ลู่โจวไม่ได้สนใจชื่อเสียงเงินทองเลยแม้แต่น้อย เขาไม่มีแรงผลักดันที่จะทำอะไรแบบนั้น
บางที…
เรื่องนี้อาจมีสองด้าน
ภายในออฟฟิศมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด
ศาสตราจารย์ไบรอันจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยความโกรธขณะกำลังดูบทสัมภาษณ์ของลู่โจว หลังจากที่ได้ยินว่าลู่โจวจะให้เงินรางวัลกับเขา เขาก็แทบจะพ่นไฟออกมา
ไม่มีทางที่ไบรอันจะยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง
“คุณควรรักษาคำพูดนะ คุณลู่โจว”
ศาสตราจารย์ไบรอันปิดโน้ตบุ๊คและดึงกระดาษออกมาจากลิ้นชัก
“ผมจะพิสูจน์ให้ดู…
“ว่าวิธีการนี้เหมาะสมที่สุด…
“คุณจะต้องชดใช้กับสิ่งที่คุณพูด! “
เวลามักจะผ่านไปเร็วเสมอเมื่อเราหมกหมุนอยู่กับงานวิจัย
ถึงแม้ว่าไบรอันจะไม่ได้ทำงานวิจัยที่เอาจริงเอาจังขนาดนี้มานานแล้ว แต่ความแค้นและความโกรธของเขากลายเป็นเชื้อเพลิงที่ทำให้เขามีพลังมากกว่าเดิม การใช้อารมณ์มากเกินไปไม่ใช่เรื่องดี ไบรอันจึงเปลี่ยนมันเป็นแรงขับเคลื่อนและแรงบันดาลใจแทน
หนึ่งเดือนผ่านไป
หนวดเคราของศาสตราจารย์ไบรอันยาวรุงรังเหมือนสัตว์ป่า เขาดูไม่เหมือนคุณชายที่มีชาติตระกูลอีกแล้ว คนแทบจะจำเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ
นักศึกษาปริญญาเอกนั่งอยู่ตรงมุมออฟฟิศ เขามองไปที่ศาตราจารย์และพึมพำกับตัวเองเบาๆ “ศาสตราจารย์บ้าไปแล้ว…”
นักศึกษาปริญญาเอกเคยศึกษาจิตวิทยามาก่อนที่จะเรียนฟิสิกส์
จากประสบการณ์ของเขา นี่คือสัญญาณที่บ่งบอกว่าคนคนหนึ่งกำลังจะเป็นบ้า
นักศึกษาปริญญาเอกที่นั่งติดกันก็พูดเหมือนกัน
“เงียบไว้ อย่าให้ศาสตราจารย์ไบรอันได้ยินเข้า”
ออฟฟิศไม่ได้กว้างขนาดนั้น ทำให้ไบรอันได้ยินทุกอย่างที่พวกเขาพูด
แต่ไบรอัน คาโร ไม่สนอะไรอีกแล้ว…
ดวงตาที่หมองมัวของเขาจ้องเขม็งไปยังกระดาษกองโต ศาสตราจารย์ไบรอันพึมพำกับตัวเอง คำๆ เดียวที่เขาพูดมาตลอดทั้งเดือน “เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้…”
แต่ครั้งนี้ น้ำเสียงของเขากลับมามีชีวิตชีวาขึ้น
เขาวางปากกาแล้วมองเพดาน และพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ผมพิสูจน์ได้แล้ว”
ทันทีที่เขาพูดคำนั้นออกไป ทุกคนในออฟฟิศถึงกับตกตะลึง
10 วินาทีแห่งความเงียบผ่านไป
ผู้ช่วยของเขาเป็นคนแรกที่กล้าทำลายความเงียบนั้น
ชายหนุ่มวัยยี่สิบกลืนน้ำลายและพูดด้วยน้ำเสียงน่าเหลือเชื่อ เสียงของเขาสั่นเครือ
“คุณ…พิสูจน์แล้วเหรอ?! “
เขาพิสูจน์แล้ว
ถ้าศาสตราจารย์ลู่เป็นคนรักษาคำพูด ไบรอันจะไม่ใช่แค่ได้รับเงินล้านดอลลาร์เท่านั้น แต่เขายังได้รับเกียรติที่สามารถแก้ปัญหาการมีอยู่ของหยาง-มิลส์และมวลพื้น และยังเป็นนักคณิตศาสตร์ที่เก่งที่สุดในศตวรรษ
“ใช่” ไบรอันมองดูกระดาษและพูดด้วยน้ำเสียงปนความตลกร้าย “ผมใช้เวลาหนึ่งเดือนในการพิสูจน์ว่าแมนิโฟลด์สนามสเกลาร์กาลอวกาศไม่สามารถใช้ในการวิจัยแรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม…นี่คือหลักฐานทางคณิตศาสตร์”
ไม่ว่าจะเป็นค่าคงที่ปริภูมิทอรัส-ยูคลิเดียนหรือค่าสัมพัทธ์คงที่กริด…
ข้อผิดพลาดทั้งหมดยิ่งเด่นชัดมากขึ้น
หลัวเหวินเซวียนไม่ได้มองภาพรวม ไบรอันก็เช่นกัน
ปัญหาหลักของวิทยานิพนธ์ของไบรอันคือแมนิโฟลด์สนามกาลอวกาศไม่สามารถนำมาใช้ในการศึกษาแรงนิวเคลียร์อย่างเข้มได้ ก็เหมือนที่ 1+1 ไม่มีทางเป็น 3 ไม่ว่าเขาจะแยกตัวประกอบสักเท่าไหร่ เขาก็ไม่มีทางล้มล้างสัจพจน์ของเพอาโนได้
ลู่โจวต้องรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นแน่ๆ เพราะแบบนี้เขาจึงมั่นใจมากกว่าไบรอันไม่มีวันทำได้
ในที่สุดไบรอันก็เข้าใจ
แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีพรสวรรค์เหมือนลู่โจว แต่เขาก็ยังพิสูจน์มันด้วยหลักการทางคณิตศาสตร์
บางทีเขาน่าจะเรียกมันว่าหลักการของไบรอัน หรือหลักการที่ไม่ได้มาตราฐาน
ในขณะที่เขากำลังชิงชังตัวเอง ไบรอันก็เกิดดวงตาที่เห็นธรรมขึ้น
ณ ขณะนั้นเอง ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าศาสตราจารย์ลู่หมายความว่าอะไรกันแน่
“ถ้าคุณไบรอันสามารถพิสูจน์ปัญหาการมีอยู่ของหยาง-มิลส์และมวลพื้นด้วยการตั้งค่าแมนิโฟลด์กาลอวกาศเหรอ…คุณหมายความแบบนั้นใช่ไหม” ไบรอันพูดพลางเข้ายูทูปและเห็นบทสัมภาษณ์ของลู่โจว
หลังจากที่ดูวีดีโอเสร็จ เขายิ้มเฝื่อน
“ผมกับเขาแตกต่างกันตรงนี้เองเหรอ”
แค่สัญชาตญาณทางคณิตศาสตร์ของลู่โจวเพียงอย่างเดียวก็สามารถเอาชนะไบรอันที่ใช้เวลาศึกษาเป็นสิบปี ในหัวของไบรอัน ลู่โจวก็เหมือนปีศาจ
ทำไมผมรู้สึกว่า…
ตัวผมเองที่ไม่สนใจอะไรเลย
…………………………………………….