ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 682 อึ้ย!
ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูที่สวยงามที่สุดของจินหลิง
ความร้อนจากฤดูร้อนยังสาดส่องผ่านต้นไม้อยู่เมื่อวานนี้เอง ไม่ทันไรใบไม้สีทองก็ปกคลุมไปทั่วพื้นดินแล้ว กลุ่มคนหนุ่มสาวเดินเหยียบใบแป๊ะก๊วยที่ร่วงหล่นตามทางเดินบนภูเขา
“ฉันเหนื่อยจัง”
“ใครบอกให้คุณใส่ส้นสูงมา”
“ฉันคิดว่าจะมีรถพาเราไปโรงแรม ใครจะไปรู้ว่าต้องเดินไป เจ็บจังเลย”
“ดูนั่น มีคนหล่อๆ จากแผนกคณิตศาสตร์มาด้วย”
“นั่นไง ศาสตราจารย์ลู่ก็มา…”
“…”
ลู่โจวไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เขารู้สึกว่ามีคนจ้องมองเขามาจากข้างหลัง
และไม่ใช่แค่คนคนเดียวที่จ้อง
หวังเผิงเดินใกล้ๆ ลู่โจว เขามองไปที่ภูเขาและพูดออกมา “ผมอยู่ที่จินหลิงเกือบสองปีแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาที่นี่”
หลัวเหวินเซวียนพูด “ของผมหนักกว่าเยอะ ผมเรียนปริญญาตรีที่นี่สี่ปี เรียนปริญญาโทอีกสองปี หลังจากนั้นก็ไม่ได้อยู่ที่นี่อีกเลย”
“เรียนปริญญาโทสองปีเหรอ” หวังเผิงดูประหลาดใจ
“ใช่ครับ ผมได้รับข้อเสนอจากพรินซ์ตันตอนปีสอง ผมก็เลยไปที่นั่นเลย”
หลัวเหวินเซวียนค่อนข้างจะภูมิใจ
แม้แต่มหาวิทยาลัยชั้นนำอย่างจินหลิง การได้รับข้อเสนอปริญญาเอกจากศาสตราจารย์มีชื่อ เอ็ดเวิร์ด วิทเทน นับเป็นความสำเร็จที่พิเศษ
อย่างที่คิดไว้ว่าหลินอวี่เซียงที่ยืนใกล้ๆ เขา จะต้องปรบมือให้
“สุดยอดค่ะ”
อีโก้ของหลัวเหวินเซวียนพุ่งทะลุเพดาน
“ฮ่าฮ่า ครับ”
ลู่โจวอดไม่ได้จึงพูด “แปลว่ากว่าจะเรียนจบคุณใช้เวลาตั้งหกปีเหรอ”
หลัวเหวินเซวียนไอออกมา
“นั่นเป็นเพราะวิทเทนอยากให้…โอเค เลิกพูดเรื่องนี้ได้ไหม”
หานเมิ่งฉีอยู่ใกล้ๆ ตอนที่เธอได้ยินที่พวกเขาพูดกัน เธอก็อดขำไม่ได้ ส่วนศาสตราจารย์คนอื่นจากแผนกคณิตศาสตร์ก็ยิ้มเช่นกัน
บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข หลัวเหวินเซวียนรีบเปลี่ยนเรื่อง เขาเริ่มพูดถึงประสบการณ์ของเขาที่เซิร์นและช่วงที่เขาไปฝึกงานที่ห้องปฏิบัติการแห่งชาติบรูคเฮเวน
ลู่โจวยอมรับว่าคนคนนี้มีประสบการณ์เยอะ ลู่โจวอยากจะไปที่ห้องปฏิบัติการแห่งชาติบรูคเฮเวนมาโดยตลอด แต่เขาก็ทำได้แค่พูดคุยกับวิลกเซคเกี่ยวกับสัญญาณ 750 จิกะอิเล็กตอนโวลต์ที่ศูนย์อาหารใกล้ๆ ห้องทดลองเท่านั้นเอง
หลังจากที่เดินไปได้ห้าหรือหกกิโลเมตร พวกเขาพักที่ศาลา หลังจากนั้นก็เดินทางต่อจนในที่สุดก็มาถึงจุดหมายปลายทาง
ชื่อของโรงแรมเรียบง่าย ตั้งชื่อตามเพอร์เพิลเมาน์เทน การตกแต่งงดงาม มีสปาด้านใน แต่ลู่โจวไม่แน่ใจว่าเป็นสปาที่สร้างขึ้นมาหรือเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
หลังจากที่แผนกคณิตศาสตร์มาถึงโรงแรม พวกเขาก็เข้าไปเช็คอิน หลังจากนั้นสักพักแผนกภาษาต่างประเทศก็เดินทางมาถึงโรงแรม
ลู่โจวมองไปรอบๆ โรงแรมพร้อมกุญแจห้องในมือ แผนกภาษาต่างประเทศจะคล้ายๆ กับแผนกคณิตศาสตร์ นอกจากศาสตราจารย์ที่อายุเยอะแล้วแต่รูปร่างยังดีอยู่ คนส่วนใหญ่ก็ยังหนุ่มสาวกันทั้งนั้น สิ่งเดียวที่ต่างกันคือเพศ และพวกเขาดูจะเด็กกว่า แถมยังมีอาจารย์ต่างชาติสวยๆ อยู่หลายคน
เหตุผลที่ลู่โจวไม่อยากมาก็เพราะคนเยอะ แต่คำเชิญของคณบดีฉินทำให้เขาไม่กล้าปฏิเสธ
อีกอย่างงานที่ต้องทำเขาก็ทำใกล้จะเสร็จหมดแล้ว การพัฒนาแบตเตอรี่ฟิวชั่นอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย อีกอย่างงานของเขาก็ไม่ได้ยุ่งมาก จึงถึงเวลาแล้วที่เขาควรจะพักบ้าง
นี่คือสิ่งที่เฉินยู่ซานบอกเขาทางโทรศัพท์เมื่อคืน
และมันเป็นหนทางที่เขาสามารถพักผ่อนได้
ลู่โจวหยิบกระเป๋าเดินทางและเตรียมขึ้นบันได
ทันใดนั้นผู้จัดการโรงแรมเดินเข้ามาที่ห้องรับรองและยิ้มให้คนในแผนก
“พวกคุณทั้งหมดมาจากมหาวิทยาลัยจินหลิงใช่ไหม ยินดีต้อนรับนะครับ! “
ดูเหมือนคณบดีฉินจะรู้จักกับผู้จัดการ เขาเดินเข้าไปจับมือผู้จัดการ
“ผู้จัดการซง คุณใจดีมาก”
“ใจดีอะไรกัน ทางโรงแรมเล็กๆ ของเราเป็นเกียรติมากที่ได้ต้อนรับนักวิชาการเหล่านี้”
คณบดีฉินยิ้มและพูด “โรงแรมนี้ไม่ได้เล็กเลยนะ”
ผู้จัดการซงยิ้มและไม่ได้พูดอะไรต่อ เขามองไปที่ลู่โจวที่ยืนด้านหลังคณบดีฉิน สีหน้าเขาแสดงความประหลาดใจตอนที่พูด “คุณคือ…ศาสตราจารย์ลู่เหรอครับ”
ลู่โจวตกใจเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะเคยออกข่าวสองสามครั้ง แต่คนแทบจะจำเขาไม่ได้
“ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
ลู่โจวยิ้มอย่างสุภาพ
“เป็นเกียรติอย่างมากครับ” ผู้จัดการซงจับมือลู่โจวและพูด “ไม่คิดเลยว่าคุณจะมาที่นี่”
“คุณรู้จักผมด้วยเหรอครับ”
“แน่นอนครับ ลูกสาวผมนับถือคุณมากๆ เธอติดตามและคอมเมนต์ในเว่ยป๋อของคุณตลอดเลย”
“พ่อคะ” เด็กสาวที่แอบด้านหลังผู้จัดการซงพูด เธอดึงแขนพ่อของเธอและพูด “พอเถอะค่ะ”
ลู่โจวไม่คิดว่าจะได้เจอแฟนคลับที่นี่ เขายิ้มประหม่า
ฉันเดาว่านี่คงเป็นข้อเสียของการเป็นคนดัง
ลู่โจวถาม “หนูอายุเท่าไหร่”
เด็กสาวเขินอายและพูด “หนูอยู่มัธยมต้นค่ะ”
เล่นเว่ยป๋อตั้งแต่มันธยมต้นเลยเหรอ
ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย
ลู่โจวเริ่มให้คำแนะนำกับเธอ
“อย่ามัวแต่เล่นเว่ยป๋อทั้งวันทั้งคืน ต้องตั้งใจเรียนจะได้เข้าโรงเรียนดีๆ ตอนมัธยมปลายนะ”
“ค่ะ”
เด็กสาวพยักหน้า
ดูเหมือนว่าเด็กสาวตั้งใจฟังคำแนะนำของลู่โจว
ลู่โจวยิ้มและถามต่อ “แล้วหนูคอมเมนต์ในเว่ยป๋อว่าอะไร”
เด็กสาวเงียบ
ผู้จัดการซงยิ้มและลูบไหล่ลูกสาว
“ว่าไง พ่อเองก็อยากรู้เหมือนกัน ลูกไม่เคยให้พ่อดูโทรศัพท์เลย”
เด็กสาวลังเลอยู่นานก่อนที่จะมองไปที่ลู่โจว ในที่สุดเธอก็ตอบด้วยเสียงเล็กๆ “ก็พวก อึ้ย…”
“หนูเห็นใครๆ ก็คอมเมนต์แบบนี้ หนูก็เลยคอมเมนต์ตาม แต่คุณก็หล่อมากเลยนะคะ”
ห้องรับรองเงียบไปครู่หนึ่ง
หลัวเหวินเซวียนแทบจะหัวเราะออกมา หานเมิ่งฉีรีบเอามือปิดปากและหันหลัง เธอพยายามกั้นหัวเราะและมันทำให้เธอดูเหมือนกำลังเจ็บปวดอยู่
ในส่วนของลู่โจว เขาคิดไปเรื่อยเปื่อย
อึ้ยเหรอ
อึ้ยคืออะไร
ผู้จัดการซงรีบดึงลูกสาวออกมา
“นี่มันคืออะไรกัน”
“ก็พ่อบอกให้หนูพูดออกไปเองนะ” เด็กสาวพูด
คณบดีฉินกระแอมและพยายามแก้ไขสถานการณ์ เขาพูด “เธอยังเด็กอยู่ ศาสตราจารย์ลู่คงไม่ถือสาหรอก”
ลู่โจว “…”
จริงๆ แล้วลู่โจวไม่ได้สนใจสิ่งที่เด็กสาวพูด
เพราะเขาค่อนข้างมั่นใจในหน้าตาของตัวเอง
แต่ผู้จัดการซงดูไม่ปลื้มใจนัก
เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้โต๊ะของอาจารย์ได้ปูนึ่งอร่อยๆ เพิ่มมา แม้แต่ลู่โจวที่ไม่ได้ชอบอาหารทะเล ยังทานปูไปหลายจานเลย
“มันเข้ากับแอลกอฮอร์ได้ดีนะ” ผู้เฒ่าถังพูดขณะกำลังแกะก้ามปูพลางดื่มไวน์ไปด้วย
ศาสตราจารย์อีกคนตอบ “ฮ่าฮ่า เราควรกลับมาอีกรอบในฤดูใบไม้ผลิ”
“เพอร์เพิลเมาน์เทนอีกแล้วเหรอ”
“โอเค ทริปหน้าผมจะเป็นคนจัดการเอง เราไปเป่ยไต้เหอกันแทน”
“เป่ยไต้เหอในฤดูใบไม้ผลิเนี่ยนะ เป็นความคิดที่แย่มาก”
ขณะที่ศาสตราจารย์คณิตศาสตร์กำลังพูดคุยกัน ลู่โจวที่กำลังทานปูเงียบๆ อยู่ดีๆ เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“บ่ายนี้เราจะทำอะไรกันครับ”
ศาสตราจารย์ถัง พูดขณะกำลังเติมน้ำในแก้ว “ผมคิดว่าเราไปเดินป่ากัน”
เดินป่า…
ฟังดูน่าเบื่อจัง
ลู่โจวคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบ “ผมไม่ไปได้ไหม”
ศาสตราจารย์ถังยิ้มและพูด “ไม่ไปก็ได้ แต่เรามีบาร์บีคิวบนเขาในตอนค่ำนะ ผมจะบอกอะไรให้ ท่านผู้เฒ่าลู่เข้าเมืองไปซื้อถังใส่ปลาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ คงน่าเสียดายน่าดูถ้าคุณพลาดบาร์บีคิวครั้งนี้”
หลังจากที่ลู่โจวได้ยินว่าจะมีการย่างปลา เขาลังเลเล็กน้อย
แม้ว่าเขาจะไม่ได้สนใจการเดินป่าเลย แต่เขาสนใจเรื่องกิน
โดยเฉพาะเมื่อเป็นการย่างปลา
“งั้นผมไปก็ได้”
………………………………………..