ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 693 ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 693 ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย
ณ กรุงปักกิ่ง
กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ
ชายชราผมบางคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ หลังจากที่เขาอ่านรายงานในมือจบ เขาก็ส่ายหัวแล้วค่อยๆ วางรายงานนั้นลงบนโต๊ะ
“ไม่เหมาะสมเอาเสียเลย”
เมื่อวานตอนบ่าย การประชุมผู้เสนอของโปรเจกต์ไปดวงจันทร์ได้สิ้นสุดลง ข้อมูลของการประชุมถูกส่งมาที่โต๊ะเขาอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้โปรเจกต์ไปดวงจันทร์จะมีหน่วยงานรัฐบาลชั้นสองเป็นผู้รับผิดชอบ แต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนก็มีความสำคัญอย่างมากกับโปรเจกต์นี้ คนเบื้องบนสอบถามเรื่องโปรเจกต์หลายต่อหลายครั้ง ดังนั้นแล้ว ในฐานะผู้นำกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ เขาต้องใช้ความพยายาม 110% กับเรื่องนี้
แต่ใครจะไปคิดว่าจะมีความขัดแย้งใหญ่โตเกิดขึ้น…
ให้เลือกระหว่างการขับเคลื่อนด้วยเครื่องขับดันพลังไอออนกับการขับเคลื่อนด้วยจรวดเคมีเหรอ?
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากเลือกทั้งสองทางเลย น่าเสียดายที่งบประมาณของโปรเจกต์ไปดวงจันทร์นั้นมีจำกัด ถึงแม้เงินลงทุนจากประเทศจะมีจำนวนมาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีขีดจำกัดเลย
การต้องเลือกระหว่างสองอย่างนี้เป็นการตัดสินใจที่ยาก
เลขาธิการวัยกลางคนมองผู้นำองค์กรที่นั่งอยู่อย่างเงียบๆ เขาพยายามคิดให้ออกว่ารัฐมนตรีกระทรวงหมายความว่าอย่างไร
เขาไม่พอใจกับการกระทำของผู้อำนวยการหลี่หรือเปล่า?
หรือเขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร?
เลขาธิการหยุดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “เรื่องที่เดิมพันกันไม่มีสัญญาเป็นเรื่องเป็นราว มีเพียงสัญญาปากเปล่าเท่านั้น…ผมควรจะคุยกับทั้งสองฝ่ายแล้วให้พวกเขายอมถอยและยกเลิกเดิมพันไหมครับ?”
รัฐมนตรียิ้มแล้วส่ายหัว
“ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นหรอก”
ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นเหรอครับ
แต่ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนบอกเหรอว่ามันไม่เหมาะสม?
เลขาธิการสับสน
แต่ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร จากประสบการณ์ก่อนหน้าที่เขาทำงานในหน่วยงานนี้ เขาก็รู้ว่าทางเลือกที่ดีที่สุดของเขาคือการหุบปากแล้วอยู่เงียบๆ
รัฐมนตรีเหลือบตามองเลขานุการแล้วเอ่ยขึ้นว่า “เลขาธิการหลี่ สถานการณ์นี้มันไม่เหมาะสมก็จริง แต่ก็ไม่ได้ผิดไปเสียหมดหรอกนะ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการเขาสามารถถกเถียงกันได้ตามใจชอบ พวกเราค่อยตัดสินใจหลังพวกเขาถกเถียงกันเสร็จก็ได้”
“ท่านจะบอกว่า เราควรปล่อยพวกเขาไว้อย่างนี้เหรอครับ?”
“ก็ไม่เชิงหรอก” รัฐมนตรีส่ายหัวแล้วเอ่ยขึ้นว่า “หากเปรียบเทียบกับองค์การเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์การบินและอวกาศแห่งประเทศจีนแล้ว สตาร์สกายเทคโนโลยียังด้อยเกินไป หากให้พูดตรงๆ พวกเราควรจะช่วยศาสตราจารย์ลู่”
ชื่อเสียงของศาสตราจารย์ลู่ทำให้เขาไม่กังวลกับการที่องค์การเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์การบินและอวกาศแห่งประเทศจีนจะใช้กลยุทธ์ร้ายกาจอะไร
การปล่อยให้สองบริษัทห้ำหั่นกันอย่างยุติธรรมนั้นมีประโยชน์อยู่
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ไม่ว่าอย่างไร ประเทศก็จะเป็นผู้ชนะอันดับหนึ่งในตอนท้ายเสมอ…
รัฐมนตรีอดยิ้มเยาะไม่ได้
องค์การเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์การบินและอวกาศแห่งประเทศจีนนั้นลอยลำอยู่คนเดียวมานานแล้ว ถึงเวลาต้องเพิ่มแรงกดดันให้พวกเขาบ้าง
เลขาธิการเอ่ยถามขึ้นทันที “แล้วท่านวางแผนจะช่วยพวกเขาอย่างไรครับ?”
รัฐมนตรีคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบว่า “ติดต่อกระทรวงยุทโธปกรณ์กองทัพอากาศเพื่อสอบถามว่าพวกเขาสนใจไหม
ฉันไม่รู้เรื่องกระสวยอวกาศกับระบบขับเคลื่อนด้วยเครื่องขับดันพลังไอออนมากนัก คุณก็เช่นกัน
ถ้าอยากรู้ว่ามันคุ้มค่าต่อการทำวิจัยหรือไม่แล้วล่ะก็…
ให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ตัดสินขั้นสุดท้าย!”
…
นักวิชาการโจวยินดีกับข้อเสนอวิจัยร่วมกันจากลู่โจวอย่างเห็นได้ชัด
สถาบันวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงมีชื่อเสียงในด้านวัสดุศาสตร์เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นด้านสิ่งอำนวยความสะดวก อุปกรณ์เครื่องใช้ หรือความเป็นมืออาชีพของนักวิจัย ก็ต่างได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในระดับท็อปของโลกทั้งนั้น
ยังไม่นับถึงความสำเร็จครั้งใหญ่เบ้อเริ่มของการช่วยในโปรเจกต์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่มหาวิทยาลัยออโรร่ากับสถาบันเทคโนโลยีฮาร์บินจะปฏิเสธการร่วมมือ
นอกจากข้อได้เปรียบทางทรัพยากรแล้ว การมีผู้ได้รับรางวัลโนเบลร่วมอยู่ในโปรเจกต์ก็หมายถึงการจะได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชนอีกด้วย สิ่งนี้ดีกว่าการให้นักวิชาการเพียงคนเดียวเป็นผู้นำโปรเจกต์มาก
หลังจากลงนามในข้อตกลงวิจัยและพัฒนาร่วมกันกับสถาบันเทคโนโลยีฮาร์บินแล้ว ลู่โจวก็ขึ้นเครื่องบินกลับเมืองจินหลิงในวันถัดมา ในระหว่างทางกลับ เขาส่งข้อมูลโปรเจกต์วิจัยให้กับนักวิจัยของเขาและมอบหมายงานให้กับทีมวิจัยแต่ละทีม
หากพูดง่ายๆ แล้ว โปรเจกต์วิจัยที่สถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูงทำอยู่สามารถแบ่งได้เป็นสองส่วน ส่วนแรกคือ ‘อินเทอร์เฟซนิวทรัล’ และอีกส่วนคือ ‘กระดูกเทียม’
อันแรกมีสถาบันวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณเป็นผู้รับผิดชอบร่วมกับสถาบันวิศวกรรมสารสนเทศที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ สิ่งนี้มีความสำคัญอยู่ในระดับเดียวกับ โปรเจกต์ ‘ชิปคาร์บอน’ ที่เริ่มขึ้นเมื่อหนึ่งปีก่อน ส่วนอันที่สองเป็นโปรเจกต์ร่วมระหว่างสถาบันเทคโนโลยีฮาร์บินกับสถาบันวัสดุศาสตร์เชิงคอมพิวเตอร์ มีความสำคัญในระดับที่ต่ำกว่า ‘แบตเตอรี่ลิเธียมแอร์’
ส่วนโปรเจกต์อย่างเซอร์โวมอเตอร์กับสัญญาณไฟฟ้านิวทรัลที่นำไปใช้ในแขนกล สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงยังไม่ได้รับสมัครคนมาทำงานในสาขานี้ ลู่โจวจึงตัดสินใจปล่อยไปก่อน
ถึงแม้เทคโนโลยีพวกนี้จะมีความสำคัญเท่าๆ กัน แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาสนใจเลย
มีโปรเจกต์ตั้งหลายอย่าง เขาก็คงสนใจทุกอย่างไม่ได้หรอก ใช่ไหมล่ะ?
ต่อให้คนอื่นไม่สนใจ โปรเจกต์พวกนี้ทั้งหมดก็จะดูดพลังของเขาไปหมดอยู่ดี
แน่นอนว่า ถึงแม้โปรเจกต์เหล่านี้จะน่าสนใจมาก แรงกายแรงใจของเขาก็จะไปทุ่มเทให้กับการบินและอวกาศเสียส่วนใหญ่
หลังจากที่เที่ยวบินของลู่โจวลงจอดที่เมืองจินหลิง เขายังไม่ได้เดินทางกลับบ้าน เขารีบไปที่ศูนย์ประกอบกระสวยอวกาศและเจอคนที่เป็นหัวหน้าที่นั่น โฮ่วกวง
ลู่โจวเห็นหัวหน้าวิศวกรร่างผอมสูงคนนี้และกำลังจะเอ่ยปากทัก แต่หัวหน้าวิศวกรกลับเป็นคนพูดก่อน
“ผมได้ยินซีอีโอเฉินคุยเรื่องเดิมพันของคุณแล้ว”
“ดีเลย ผมจะได้ไม่ต้องอธิบาย” ลู่โจวขอบคุณเฉินยู่ซานในใจแล้วพูดว่า “ตารางเวลาแน่นเอี๊ยด ผมรู้ว่านี่เป็นเรื่องยากมาก แต่นี่สำคัญกับโปรเจกต์ของพวกเรามาก ผมหวังว่าพวกเราจะได้ตัวต้นแบบที่ใช้งานได้ในช่วงมกราคมปีหน้านะ”
“มกราคมปีหน้าเหรอครับ?” โฮ่วกวงพยักหน้าด้วยท่าทีไม่มั่นใจนักในขณะที่พูด “ผมจะทำให้ดีที่สุด”
ถึงภารกิจที่ได้มาจะยาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย
ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ได้เห็นความสามารถในการทำงานของโรงงานนี้ด้วยตาตัวเองแล้ว
อีกทั้งองค์ประกอบเครื่องยนต์ส่วนใหญ่ก็ได้รับการพัฒนาเรียบร้อย พวกเขายังสามารถอ้างอิงถึงเงินสำรองทางเทคนิคแผน 863 เพื่อแก้ปัญหาทางเทคนิคที่เหลืออยู่ ตราบใดที่ปัญหาทางเทคนิคสำคัญๆ ไม่กี่อย่างได้รับการแก้ไขจนเสร็จสิ้น การสร้างตัวต้นแบบก็ไม่ควรจะเป็นปัญหาใหญ่
อย่างมากก็…
ฉันต้องนอนค้างที่ออฟฟิศสักสองสามคืน!
โฮ่วกวงกัดฟันตัวเองแล้วพูดขึ้นว่า “ยังมีอีกเรื่องครับ”
ลู่โจวถาม “มีอะไรเหรอ?”
“พวกเรายังขาดนักบินอวกาศที่จะเข้าทดสอบตัวต้นแบบครับ” โฮ่วกวงหยุดพูดครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “แน่นอนว่า…นักบินอวกาศยังมีหลายสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้นเราควรได้มาสักสองคนครับ”
ลู่โจวลูบหัวตนเอง
“ผมเกือบลืมเรื่องนี้เสียสนิทเลย…โอเค ผมจะหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้ เรื่องนี้เร่งด่วนไหม?”
โฮ่วกวงพูดขึ้น “ไม่ได้เร่งด่วนมากครับ แต่ก็อยากให้เสร็จได้ภายในหนึ่งเดือนครับ”
ภายในหนึ่งเดือนเหรอ?
ลู่โจวลูบคางลูบคางตัวเอง
ไม่มีทางที่ฉันจะฝึกนักบินอวกาศได้ทันเวลาแน่ๆ
นักบินกระสวยอวกาศเป็นที่ต้องการมากกว่านักบินทั่วไปมาก ไม่เพียงแต่พวกเขาต้องมีสภาพร่างกายที่แข็งแรงกว่านักบินทั่วไปเท่านั้น แต่พวกเขายังต้องมีสภาพจิตใจที่แข็งแรงกว่าอีกด้วย การหาคนหรือฝึกคนที่สามารถทำการบินได้ในลักษณะนี้จะต้องเป็นสิ่งที่ยากมากแน่ๆ ยิ่งเมื่อนับรวมเวลาที่จำกัดและเงินทุนด้วย
ลู่โจวดูมีท่าทีกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
ฉันไม่อยากจะสร้างปัญหาให้เขาเท่าไร…
แต่ดูเหมือนฉันจะต้องใช้คอนเนกชันของฉันแล้ว…
…………………………………………