ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 703 มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรหรอก
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 703 มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรหรอก
ได้ตั๋วรถไฟมาแล้ว
แต่ผู้อำนวยการหลี่ยังเดินทางไปจินหลิงไม่ได้
พอผู้อำนวยการหลี่ก้าวเท้าออกจากตึกกระทรวงป้องกันราชอาณาจักร เขาก็ได้รับสายที่โทรมาจากคนเบื้องบน พวกเขาขอให้ผู้อำนวยการหลี่เข้าร่วมการประชุมครั้งสำคัญที่ถนนฉางอาน
หัวข้อการประชุมก็หนีไม่พ้นเรื่องการปล่อยยานสกายโกลว์ที่สำเร็จไปได้ด้วยดี
ภายในห้องประชุมที่ถนนฉางอาน
กว่าผู้อำนวยการหลี่จะมาถึงงาน ก็มีคนหลายคนมาถึงก่อนหน้าแล้ว
ผู้อำนวยการหลี่ทักทายผู้นำองค์กรหลายคน ก่อนที่เขาจะนั่งลงที่โต๊ะของตัวเอง เขามองไปรอบๆ ห้องแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ
เขาไม่ได้ประหลาดใจที่ในห้องประชุมมีผู้นำองค์กรมาด้วย แต่แปลกใจที่จำนวนผู้นำองค์กรกับเจ้าหน้าที่ยศสูงหลายคนมีมากกว่าที่คิด คนจากกระทรวงการต่างประเทศก็มา แล้วยังมีคนจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงยุทโธปกรณ์กองทัพอากาศ…แม้แต่รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศก็อยู่ที่นี่ด้วย
จำนวนคนที่มาช่างน่าประทับใจนัก
ผู้อำนวยการหลี่ไม่เสียเวลากับการสังเกตคนอื่นต่อ เขายื่นมือไปหยิบไฟล์เอกสารหนา 1 นิ้วตรงหน้าเขาขึ้นมา
เมื่อเขาเห็นชื่อเรื่องของเอกสาร เขาก็เข้าใจในที่สุดว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร
[โปรเจกต์เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์บนอากาศและอวกาศ]
เข้าใจแล้ว…
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมการประชุมครั้งนี้ถึงจัดขึ้นมาอย่างกะทันหันนัก
ไม่นาน การประชุมก็เริ่มขึ้น
ไม่ได้มีพิธีกล่าวเปิดอะไรมากนัก หลังจากผ่านไปไม่นาน การประชุมก็เข้าสู่ประเด็นสำคัญ
คนที่พูดขึ้นมาเป็นคนแรกนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจากรัฐมนตรีฉินจากกระทรวงยุทโธปกรณ์กองทัพอากาศ
ชายสูงวัยยืนขึ้นแล้วพูดน้ำเสียงที่มั่นคงและทรงพลังว่า “การปล่อยยานสกายโกลว์ประสบความสำเร็จแล้ว เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยเครื่องขับดันพลังไอออนนั้นใช้ได้เป็นอย่างดี ผมคิดว่า ด้วยภารกิจในอวกาศที่มีจำนวนมากขึ้น รูปแบบสงครามที่เราคุ้นเคยกันดีในปัจจุบันจะต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โชคดีที่พวกเราเป็นฝ่ายนำหน้าในวงการนี้ ผมคิดว่า พวกเราควรจะรักษาข้อดีนี้ของเราไว้ และใช้เทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยเครื่องขับดันพลังไอออนในการป้องกันราชอาณาจักร พวกเราควรจะพัฒนายานบินและอวกาศทางทหารของพวกเราให้สามารถบินได้สูงกว่า 100 กิโลเมตร!
โดยจากสิ่งที่ผมกำลังเสนออยู่นี้ ผมได้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญที่ศูนย์วิจัยยุทโธปกรณ์กองทัพอากาศและสรุปเนื้อหาออกมาเป็นรายงานเรียบร้อยแล้ว รายงานนี้จะอยู่ในส่วนที่ 3 หน้าที่ 24 ของเอกสารในมือของทุกท่าน
ผมหวังว่าพวกท่านทุกคนจะพิจารณาข้อเสนอของผมอย่างจริงจังครับ”
มีคนบางกลุ่มเห็นด้วยกับคำพูดของรัฐมนตรีฉิน
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นอย่างนั้น
หลังจากที่รัฐมนตรีฉินนั่งลง ตัวแทนจากหน่วยงานอีกแห่งก็ยืนขึ้นแล้วพูดอย่างระมัดระวังว่า
“ผมคิดว่าเรื่องนี้ควรจะมีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนมากกว่านี้ ในตอนนี้ มุมมองของพวกเราในสังคมนานาชาตินั้นยังไม่ถือว่าดีนัก ถ้าพวกเราเลือกจะนำเทคโนโลยีการบินและอวกาศนี้ไปใช้กับทางการทหารแล้วพัฒนาอาวุธอวกาศขึ้นมาล่ะก็ มันจะทำให้ประเทศอื่นตื่นตัวได้นะครับ”
สีหน้าของรัฐมนตรีฉินยังไม่เปลี่ยนแปลงในขณะที่เขายืนขึ้นแล้วพูดอีกรอบ
“การวางแผนป้องกันเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกันราชอาณาจักร นี่ยังไม่นับว่าพวกเราเป็นคนกลุ่มเดียวที่สามารถวิจัยอาวุธทางการบินและอวกาศได้ พวกอเมริกันมีโปรเจกต์ X-37B กับ X-43 แถมยังทำการทดสอบการบินครั้งแรกสำเร็จไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว ส่วนพวกรัสเซียก็มีโปรเจกต์โค้ดเนม ‘H5’ ซึ่งบ่งบอกถึงจุดประสงค์ในการสร้างเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ทางการบินและอวกาศอย่างเห็นได้ชัด โดยจะมีความเร็วระดับ 10 มัค และความสามารถในการยิงขีปนาวุธลงพื้นดินในระยะความสูงมากกว่า 100 กิโลเมตรได้
ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ควรเพิ่มความขัดแย้งทางการทหาร แต่พวกเราก็ต้องหาทางรับมือกับอาวุธพวกนี้อย่างจริงจังครับ!”
การสนทนาดำเนินต่อไปอีกครึ่งชั่วโมง
จนเสียงกระแอมเบาๆ ดังขัดขึ้นมา
ท่านประธานาธิบดีที่นั่งอยู่ปลายโต๊ะประชุมพยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ผมเห็นด้วยกับรัฐมนตรีฉิน
พวกเราต้องพัฒนายานบินทั้งทางการบินและอวกาศ
และแน่นอน พวกเราก็ยังต้องปฏิบัติตามสนธิสัญญาสากลด้วย
พวกเราควรจะกำหนดข้อจำกัดของการพัฒนาอาวุธอวกาศเอาไว้ รวมถึงเน้นไปที่อาวุธตามแบบ พวกเราไม่อยากเป็นชนชาติแรกที่พัฒนาและนำอาวุธนอกแบบมาใช้ พวกเราไม่ควรจะเป็นฝ่ายที่เริ่มส่งอาวุธนอกแบบขึ้นไปในอวกาศ นอกเสียจากว่าจะมีประเทศอื่นทำไปก่อนแล้ว”
อันที่จริง ความแตกต่างระหว่างอาวุธตามแบบกับอาวุธนอกแบบบางครั้งก็มีแค่เรื่องการเปลี่ยนหัวรบของอาวุธให้ไม่เหมือนเดิม แต่การบอกว่ามันยังเป็นอาวุธตามแบบจะช่วยลดแรงกดดันจากนานาชาติได้
ท่านประธานาธิบดีเว้นจังหวะการพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “อีกเรื่องหนึ่ง ก่อนหน้านี้พวกเราได้ประเมินความสำคัญของการค้นคว้าทางอวกาศต่ำไป และได้จัดความสำคัญของโปรเจกต์การบินและอวกาศไว้ในระดับต่ำ ผมคิดว่าพวกเราควรจะมีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์เสียหน่อย นอกจากโปรเจกต์การบินและอวกาศที่เน้นไปทางการทหารแล้ว พวกเราควรจะให้ความสำคัญกับโปรเจกต์ที่เกี่ยวข้องกับการบินและอวกาศโดยตรง ซึ่งรวมถึงโปรเจกต์ไปดวงจันทร์ด้วย”
ผู้เข้าร่วมการประชุมเกือบทุกคนต่างก็เห็นด้วยกับคำกล่าวของท่านประธานาธิบดี
แม้แต่คนที่ไม่เห็นด้วยกับการพัฒนาเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์หรือคนที่ตั้งคำถามกับระดับความสำคัญของโครงการอวกาศก็ไม่มีใครเห็นต่างในเรื่องความสำคัญของโปรเจกต์ไปดวงจันทร์
การเจรจาเรื่องฟิวชั่นที่ควบคุมได้นั้นใกล้จะได้ข้อยุติแล้ว ในระหว่างการนำฟิวชั่นที่ควบคุมได้ไปแลกเปลี่ยนกับประเทศอื่นนั้น ประเทศจีนก็ได้รับเทคโนโลยีสำคัญหลายอย่างมาจากพวกเขา ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะนำวิศวกรรมการบินและอวกาศไปใช้เป็นกลยุทธ์ในการขู่ให้สหรัฐอเมริกากับทวีปยุโรปกลัว
ยิ่งเมื่อมีความสำเร็จของสกายโกลว์เมื่อไม่นานมานี้ด้วยแล้ว แม้แต่คนที่มีสมองแค่ครึ่งซีกก็มองเห็นอนาคตของยุคอวกาศที่กำลังใกล้เข้ามาได้
เมื่อปัญหาเรื่องพลังงานได้รับการแก้ไขแล้ว ลำดับต่อไปก็จะเป็นเรื่องปัญหาทรัพยากรแทน
ผู้ที่ได้ควบคุมดวงจันทร์จะเป็นผู้ที่ควบคุมอนาคต
การประชุมมีข้อถกเถียงและอภิปรายกันมากมาย
รวมถึงเรื่องการจัดตั้งพื้นที่อุตสาหกรรมการบินและอวกาศไฮเทคแห่งใหม่ริมแม่น้ำจากจินหลิงไปจนถึงแม่น้ำซีเจียง อัตราดอกเบี้ยต่ำ นโยบายสนับสนุนให้บริษัทเอกชนในสาขาการบินและอวกาศ และอื่นๆ อีกมากมาย
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว การประชุมใกล้จะถึงจุดสิ้นสุด
ครั้งนี้ ผู้นำขององค์การอวกาศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นคนพูด
องค์การอวกาศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นหน่วยงานระดับสอง ปกติแล้วจะไม่มีสิทธิ์เป็นผู้พูด แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่พิเศษกว่าปกตินิดหน่อย
“มีอีกเรื่องหนึ่งครับ…เกี่ยวกับศาสตราจารย์ลู่” ผู้นำขององค์การอวกาศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนกระแอมด้วยท่าทางอึดอัดก่อนจะพูดขึ้นว่า “เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน พวกเราได้รับข้อมูลมาจากศูนย์บัญชาการที่จุดปล่อยยานจินหลิงครับ พวกเขาบอกว่า…ศาสตราจารย์ลู่อยู่บนสกายโกลว์”
ทุกคน “…”
ชายสูงวัยในชุดทหารคนหนึ่งถอดแว่นตาออกมาแล้วพึมพำว่า “ผมว่าถึงเวลาหาแฟนให้เขาได้แล้วล่ะ”
ชายสูงวัยท่าทางใจดีอีกคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ส่ายหัวแล้วยิ้มออกมา
“เวลาเปลี่ยน เรื่องต่างๆ มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ผมเกรงว่าพ่อหนุ่มคนนี้จะไม่สนใจนักหรอก ทุกครั้งที่ผมถามลูกชายเรื่องแฟน เขาก็โมโหใส่ผมทุกที…”
“ทะ…ทำไมคุณถึงพูดเรื่องนี้ล่ะ?!”
“แล้วพวกเราจะทำอย่างไรได้บ้างครับ?”
ท่านประธานาธิบดีถอนหายใจ
“ช่างมันเถอะ ให้เขาทำตามใจตัวเองไป
มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรหรอก”
…………………………………………….