ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 808 ยาที่มี ‘รสชาติ’
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 808 ยาที่มี ‘รสชาติ’
จอห์นสันตอบตกลงให้ความร่วมมือกับการทดลองโดยไม่ลังเล
นักวิจัยจีนที่ชื่อจ้าวชูเซวียนบอกเขาว่าการทดลองทางคลินิกที่เกี่ยวข้องได้ถูกทดลองกับหนูเพียงแค่สองครั้ง ดังนั้น ความเสี่ยงจึงมีสูง แต่สำหรับจอห์นสันแล้ว มันเป็นโอกาสเดียวที่จะให้เขากลับโลกได้
ถ้าเขาไม่สามารถกำจัดแบคทีเรียดาวอังคารออกจากร่างกายได้ เขาอาจจะต้องอยู่ที่ปราสาทจันทราไปทั้งชีวิต เขาอาจจะถูกแยกตัวหรือตัดขาดจากระบบนิเวศของโลก
เขายังมีครอบครัวรออยู่ที่โลก รอให้เขากลับไปหาที่บ้าน
เขานั่งลงที่เตียงและรอให้นักวิจัยสองคนเตรียมยาอย่างเงียบๆ ผ่านไปสักพัก นักวิจัยจีนเดินมาหาเขาพร้อมแคปซูลสามเม็ดและน้ำเปล่า
“กินนี่นะครับ”
จอห์นสันรับแคปซูลมาจากจ้าวชูเซวียนและไม่ได้ลังเล เขาโยนมันเข้าปากแล้วกลืนลงไปพร้อมกับน้ำ
จอห์นสันรอเงียบๆ อยู่ที่เตียงพยาบาลอยู่ห้านาที เขามองไปรอบๆ อย่างกระสับกระส่ายและเห็นว่าทุกคนในห้องแล็บจ้องมองเขา เขาถามอย่างประหม่า “เป็นอย่างไรบ้างครับ?”
“ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ” จ้าวชูเซวียนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เราจะรู้ผลในอีกชั่วโมงสองชั่วโมง ผมแนะนำให้คุณนอนหลับไปสักพักนะ”
จอห์นสันถามต่อ “ผมถามได้ไหมว่าแคปซูลมาจากไหน? ผมแค่สงสัย…?
ศาสตราจารย์เลสลี่และศาสตราจารย์จ้าวชูเซวียนมองหน้ากัน จ้าวชูเซวียนตอบกลับ “คุณไม่จำเป็นต้องรู้มากนักหรอก”
จอห์นสันถามต่อ “มันเป็นความลับเหรอ?”
“ก็ไม่เชิง” เลสลี่ยักไหล่และพูดว่า “มันก็แค่…มีเพียงคนเดียวที่มีปฏิกิริยาต้านทานแบคทีเรีย”
จอห์นสันขมวดคิ้วและถามว่า “แล้วยังไง?”
ศาสตราจารย์เลสลี่กระแอมและพูดว่า “แบคทีเรียส่วนใหญ่อยู่ในลำไส้ใหญ่…”
จอห์นสันหน้าซีดลง
“เวร…งั้นมัน…”
“ถูกแล้ว มันคืออุจจาระ…ไม่สิ สารสกัดจากอุจจาระ ไม่ใช่อุจจาระเอง”
จอห์นสันรู้สึกมวนท้อง เขาฝืนอาเจียนและถามว่า “คุณคิดว่าสิ่งนี้…จะได้ผลใช่ไหม?”
“ไม่…ค่อยแน่ใจ” ศาสตราจารย์เลสลี่ยิ้มประหม่าและพูดว่า “บางครั้งต้องลองก่อนถึงจะรู้ จริงไหม?”
จอห์นสันอยากจะพูดบางอย่างแต่จู่ๆ เขารู้สึกง่วงรุนแรงมาก เขาเริ่มนวดขมับตัวเอง
ศาสตราจารย์เลสลี่เห็นปฏิกิริยาของเขาแล้วเธอรู้สึกตื่นเต้นกะทันหัน
จอห์นสันใกล้จะหมดสติแล้ว และเขาได้ยินบทสนทนาของสองคนนี้ได้อย่างเลือนราง
“พระเจ้า…สมมติฐานของเรานั้นถูกต้อง!”
“แอนตี้บอดี้ที่สามารถฆ่า X-0172 ก็สามารถถูกสกัดได้จากเมตาบอไลต์ของชาวอาณานิคมคนที่ 3!”
“รายงานการวิจัยของเราให้โลกรู้ดีกว่า”
“…”
…
ระหว่างที่นักวิจัยปราสาทดวงจันทร์กำลังสำเร็จการทดลอง…
ที่โลก สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง
ลู่โจวได้สังเกตการทดลองอย่างใกล้ชิด หลังจากเขาได้ยินว่าการทดลองประสบผลสำเร็จ เขารีบไปที่ห้องแล็บ X-0172 ที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ เขาถามศาสตราจารย์หลิวจัวปิงผู้รับผิดชอบโครงการเกี่ยวกับการวิจัยที่ปราสาทจันทรา
“ชาวอาณานิคมอีกสองคนเป็นอย่างไรบ้าง?”
“การนอนหลับของพวกเขาคงที่ และเราลองหลายวิธีเพื่อปลุกพวกเขา เช่น อุณหภูมิเย็น อุณหภูมิร้อน การช็อตไฟฟ้า เป็นต้น ไม่มีอะไรทำให้พวกเขาตื่นได้” ศาสตราจารย์หลิวกล่าว “ในภาพรวม การทดลองถือว่าประสบความสำเร็จ อย่างน้อยที่สุด มันได้ยืนยันสมมติฐานของเรา จากตัวอย่างเมตาบอไลต์ ร่องรอยของสปอร์ถูกพบในชาวอาณานิคมทั้งสองคน”
ลู่โจวพูดทันทีว่า “ซึ่งนั้นหมายความว่าร่างกายของทราวิสสามารถสร้างแอนตี้บอดี้ X-0172 ได้”
“ในทางทฤษฎี มันถูกต้อง” ศาสตราจารย์หลิวพยักหน้าและถอนหายใจ จากนั้นเขาพูดว่า “แต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือถึงเราจะมีแอนตี้บอดี้ เราสามารถเก็บ X-0172 จากชาวอาณานิคมได้แค่บางส่วน มันยากที่จะฆ่าสปอร์แบคทีเรียที่เหลือ
สปอร์หรือที่เรียกกันว่าเอ็นโดสปอร์มีโครงสร้างไม่สามารถสืบพันธุ์ได้และพักตัวที่แบคทีเรียสร้างขึ้น พวกมันยังเป็นที่รู้จักว่าเป็นสิ่งที่มีชีวิตที่ต้านทานได้มากที่สุดในโลก พวกมันมีคุณสมบัติต้านทานความร้อน สารเคมี และรังสีได้ดีมาก
ดูจากคลอสไทรเดียม โบทัลลีนัมเป็นตัวอย่างได้ มันต้องต้มในน้ำร้อน 5 ถึง 9.5 ชั่วโมงถึงจะฆ่าสปอร์ได้ ในอีกแง่หนึ่ง ทักษะการต้านรังสีของแบคซิลลัส เมกาเทเรียม แข็งแกร่งเป็น 36 เท่าของเซลล์อีโคไล แม้แต่การฉายรังสีโดยตรงของรังสีอัลตร้าไวโอเล็ทและรังสีพลังงานสูง แบคซิลัส เมกาเทเรียมก็สามารถรอดชีวิตได้นาน
สปอร์ไม่มีผลเมตาบอลิกที่ชัดเจน มันยังมีความเสี่ยงที่จะแตกหน่อ พวกมันถูกเรียกว่าสิ่งมีชีวิตลับ เพราะเมื่อสภาพแวดล้อมนั้นเหมาะสมที่สุด สปอร์สามารถเพาะตัวไปในเซลล์พืชได้ทุกเวลา
มันเป็นเหมือนกับซองผักแห้งที่มาพร้อมกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ผักแห้งจะเปล่งอีกครั้งเมื่อมันได้สัมผัสกับน้ำ
ดังนั้น ถ้าพวกเขาไม่สามารถฆ่าสปอร์ได้ จะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว
ทั้งห้องแล็บตกอยู่ในความเงียบ
ศาสตราจารย์หลิวจัวปิงจ้องมองธีสิสที่มาจากปราสาทจันทรา เขาเริ่มที่จะครุ่นคิด
ลู่โจวสัมผัสได้จากท่าทีสง่างามของศาสตราจารย์ชราว่าปัญหานี้ไม่สามารถแก้ได้ง่าย ถึงแม้ว่าพวกเขาได้ผนึกกำลังทีมวิจัยและพัฒนาด้านชีวการแพทย์ มันก็ยากที่จะหาทางแก้ได้
ลู่โจวถามขึ้น “มีอะไรที่เราพอจะจัดการสปอร์ได้บ้าง?”
“ถ้ามันมี เราคงลองไปแล้ว” ศาสตราจารย์หลิวส่ายหัวและพูดว่า “ผู้เชี่ยวชาญนานาชาติได้จัดประชุมหลายครั้ง วิธีที่พึ่งได้ที่สุดน่าจะเป็นการกำจัดเชื้ออย่างไม่ต่อเนื่อง โดยการแอคทิเวตสปอร์ต่อเนื่องก่อนฆ่าพวกมัน แต่มันมีอยู่ปัญหาหนึ่ง เราอาจจะลดปริมาณแบคทีเรีย X-0172 ในชาวอาณานิคมพวกนี้ได้ แต่มันยากมากที่จะกำจัดแบคทีเรียให้หมด”
ลู่โจวถามต่อ “มันเป็นเหมือนเซลล์มะเร็งที่กระจายไปทั่วร่างกายใช่ไหมครับ?”
ศาสตราจารย์หลิวตอบ “ก็ไม่เชิง ประมาณนั้นครับ”
ลู่โจวคิดอยู่สักพักและถามขึ้นทันที “แล้วสารสกัดแอนตี้บอดี้ล่ะ? เรามีมันอยู่ในห้องแล็บไหม?”
ศาสตราจารย์หลิวชี้ไปที่ขวดแก้วที่ถูกปิดผนึกไว้บนโต๊ะ
“มันอยู่ตรงนี้…ทำไมครับ?”
ลู่โจวถาม “ผมขอสำเนามันไปทำวิจัยเองได้ไหม?”
ศาสตราจารย์มองดูลู่โจวด้วยสายตาแปลกๆ และตอบไป “คุณเอาไปได้…แต่ผมไม่คิดว่ามันจะได้อะไรขึ้นมา”
เขาเชื่อในทักษะการวิจัยของลู่โจว แต่สิ่งนี้ไม่สมเหตุสมผลเลย
มันเป็นแค่สารสกัดเมตาบอไลต์ มันไม่ได้มีแบคทีเรีย X-0172
ทำไมเขาถึงอยากวิจัยสารสกัดจากเมตาบอไลต์ล่ะ?
ลู่โจวยิ้มอย่างสบายๆ และตอบกลับว่า “ผมว่าเดี๋ยวเราก็รู้ คุณไม่มีทางรู้หรอก”
………………………………………..