ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 854 ด่าผมเหรอ?
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 854 ด่าผมเหรอ?
จัดการรายงานเหรอ
น่าประทับใจจริงๆ!
ดูเหมือนว่าลู่โจวจะยังไม่ยอมแพ้
คนที่ใช้งานเว็บไซต์แมทโอเวอร์โฟลวต่างก็เป็นนักคณิตศาสตร์ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้น่าชื่นชมเหมือนเทอเรนซ์ เต๋า แต่พวกเขาก็เป็นนักวิชาการที่น่าเคารพ
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินใครสักคนคัดค้านต่อคำวิจารณ์ของฟาลติ้งส์
ผู้คนเริ่มพิจารณาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ระหว่างฟาลติ้งส์และลู่โจว
[เขาจะเผชิญหน้ากับฟาลติ้งส์ตัวต่อตัวเหรอ]
[ดูเหมือนว่าวิทยานิพนธ์ในคณิตศาสตร์ประจำปีจะเป็นคนสร้างปัญหานี้]
[ศาสตราจารย์ลู่เคยทำงานพาร์ทไทม์เป็นบรรณาธิการให้กับวิทยานิพนธ์ในคณิตศาสตร์ประจำปี ผมมั่นใจว่าวิทยานิพนธ์ในคณิตศาสตร์ประจำปีต้องโอเคกับเรื่องนี้]
[บางทีพวกเขากำลังอภิปรายเรื่องวิชาการกันอยู่]
[ฉันสมัครไปแล้ว! จองโรงแรมและตั๋วไปจินหลิงแล้วด้วย! ฉันรู้ว่าการรายงานครั้งนี้ต้องตื่นเต้นแน่ๆ !]
[พวกเขาจะทะเลาะกันไหม ฉันพนันเลยว่าศาสตราจารย์ลู่จะชนะในศึกครั้งนี้ (ยิ้ม)]
[ศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์อาจจะไม่เข้าร่วมด้วยซ้ำ ฉันรู้สึกว่าการรายงานนี้สำคัญมากๆ โดยเฉพาะกับนักวิชาการในสาขาคณิตศาสตร์เชิงวิเคราะห์ ไม่ว่าใครจะถูกหรือผิด แต่การรายงานที่จัดขึ้นโดยลู่โจวควรค่าแก่การเข้าฟัง]
[พวกคุณรู้ไหมว่าเว็บไซต์มหาวิทยาลัยจินหลิงล่ม ทิคเก็ตมาสเตอร์จะต้องขึ้นราคาตั๋วการรายงานเป็น 1000 ดอลลาร์แน่ๆ ]
[อะไรวะเนี่ย]
จริงๆ แล้ว หนึ่งชั่วโมงหลังจากที่มหาวิทยาลัยจินหลิงมีการประกาศเรื่องการรายงาน เว็บไซต์ของแผนกคณิตศาสตร์ถูกปิดเนื่องจากผู้เข้าใช้งานเป็นจำนวนมาก
ทางมหาวิทยาลัยไม่ได้มีระบบเซิร์ฟเวอร์ที่ดีที่สุด ขนาดตอนที่นักศึกษาลงตารางเรียนก็แทบจะไม่ได้ด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่ผู้ใช้งานน้อยกว่าครั้งนี้ที่มีคนจากทั่วโลกใช้งานหลายเท่า
ไม่มีใครคาดคิดว่าการรายงานทางวิชาการจะได้รับความนิยมขนาดนี้
แม้ว่าแผนกวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จะมีการเตรียมตัวสำหรับเหตุการณ์นี้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจัดการกับจำนวนผู้คนที่หนาแน่นขนาดนี้ได้ หลังจากที่รู้ว่ามีการขายตั๋วรอบสองพวกเขาต้องปิดการสมัครในเว็บไซต์ และการซื้อตั๋วแต่ละครั้งจะมีการพิจารณารายคนและต้องใช้หนังสือเดินทางในการยืนยันอีกด้วย
อีกนัยหนึ่งก็คือทุกคนต้องใช้ข้อมูลหนังสือเดินทางในการสมัคร
แต่ถึงอย่างนั้นสถานการณ์ก็ไม่ได้ดีขึ้นสักเท่าไหร่
ไม่เพียงแค่นั้น ตั๋วที่ขายในทิคเก็ตมาสเตอร์ยังราคาสูงขึ้นด้วย
ศาสตราจารย์ส่วนใหญ่ต่างรู้สึกสับสน
พวกเขาไม่เคยเห็นเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน
เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาจัดการรายงาน ตั๋วแทบจะขายไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
พวกเขาไม่เคยได้ยินว่ามีการขายตั๋วการรายงานจนหมดมาก่อน
คณบดีลู่มองศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่กำลังยุ่งกับเซิร์ฟเวอร์ เขาถือกาน้ำร้อนในมือและพูดขึ้นทันที “ท่านผู้เฒ่าฉิน แผนกคณิตศาสตร์บ้าไปแล้ว! “
คณบดีฉิน “ครับ…”
คณบดีลู่พูด “ครั้งที่แล้วก็จัดที่หอประชุมเหมือนกันใช่ไหม แต่มันไม่แย่ขนาดนี้เลยนะ”
คณบดีฉิน “ครับ…”
คณบดีฉินไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
“เซิร์ฟเวอร์ได้รับการแก้ไขแล้ว จะรีสตาร์ทตอนไหนก็ได้” ศาสตราจารย์วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์พูด เขาทำงานมาตลอดห้าชั่วโมงที่ผ่านมา เขาเช็ดเหงื่อบนหน้าผากและพูด “แต่ดูจากคนที่เยอะขนาดนี้ ผมไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหนนะครับ”
คณบดีฉินเงียบไปครู่หนึ่ง เขาถอนหายใจและพูด “มันก็น่าจะโอเคแล้วล่ะ หลังจากที่การสมัครเสร็จสิ้นเราจะปิดพอร์ทัล”
“ครับ”
ศาสตราจารย์วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์หันหลังและเดินกลับเข้าไปในห้องเซิร์ฟเวอร์
ทางด้านสถาบันมักซ์พลังค์คณิตศาสตร์ที่เยอรมัน
ศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์อยู่ในห้องผู้อำนวยการ เขาอ่านจดหมายเชิญของลู่โจวจนจบอย่างเงียบๆ
ในฐานะนักวิชาการคณิตศาสตร์ที่มีชื่อเสียง เขาไม่จำเป็นต้องหากำไรจากการขายตั๋วออนไลน์ด้วยซ้ำ ช่วงสามวันที่ผ่านมาเขาถกเถียงกับลู่โจวทางออนไลน์อย่างดุเดือด และเขาคือคนที่ลู่โจวอยากเจอที่สุดในการรายงานครั้งนี้
รอยยิ้มค่อยๆ ปรากฏบนใบหน้าของฟาลติ้งส์
แม้ว่ารอยยิ้มนี้จะเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง แต่มันก็ยังเป็นรอยยิ้มอยู่ดี
นักศึกษาปริญญาเอกชาวเยอรมันที่นั่งตรงข้ามฟาลติ้งส์พูดขึ้น “ศาสตราจารย์…”
“ผมรู้สึกว่า คนคนนั้นไม่ได้เคารพคุณเท่าไหร่นัก”
เฟลตเชอร์ นักศึกษาปริญญาเอก รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นนักศึกษาของฟาลติ้งส์
เพราะใครก็ตามที่เคยเป็นนักศึกษาของฟาลติ้งส์ล้วนกลายเป็นนักคณิตศาสตร์ที่เก่งๆ ทั้งนั้น ตั้งแต่ชินอิจิ โมชิซูกิ ที่พิสูจน์การคาดคะเน ABC ไปจนถึงนักคณิตศาสตร์จีนชื่อดัง จางฉืออู๋…
เฟลตเชอร์มีความเชื่อมั่นอย่างเต็มร้อยว่าฟาลติ้งส์เป็นนักคณิตศาสตร์ที่เก่งที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่
ส่วนก็อตเท็นดิ๊กก็ไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้ว…
“ไม่เป็นไรหรอกเฟลตเชอร์ เมื่อไหร่ที่คุณเกือบจะเก่งเท่าเขาคุณคงไม่มาสนใจเรื่องพวกนี้หรอก” ฟาลติ้งส์ปิดอีเมลและดันแว่นขึ้นพลางพูดอย่างช้าๆ “ผมเข้าใจว่าเขาพูดหมายถึงอะไร ถ้าต่างฝ่ายต่างโน้มน้าวกันไม่สำเร็จ เราก็ต้องมาดูกันว่าใครจะสามารถโน้มน้าวสาธารณชนได้”
ลูกตาของเฟลตเชอร์แทบจะหลุดออกจากเบ้า
อะไรเนี่ย?
ผมอยู่ข้างคุณแท้ๆ ตาแก่
ทำไมคุณต้องมาด่าผมโดยไม่มีเหตุผลด้วย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะที่คุณทำอะไรแบบนี้…
ฟาลติ้งส์ไม่ทันสังเกตว่าตัวเองพูดจาไม่ดีใส่นักศึกษา เขาพูดต่อ “แน่นอน ผมเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร แต่ข้อพิสูจน์ของเขามีความผิดพลาดร้ายแรง ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงความจริงข้อนั้นได้ ผมต้องขอโทษล่วงหน้าเลยก็แล้วกันนะ แต่ผมจะต้องทำให้เขาอับอายต่อหน้าสาธารณชน”
ฟาลติ้งส์ลุกขึ้นจากเก้าอี้และจัดปกเสื้อ
ตอนที่เฟลตเชอร์เห็นที่ปรึกษาของเขาเดินออกมาจากออฟฟิศ เขารีบถาม “ศาสตราจารย์ คุณจะไปไหนครับ”
“ผมจะไปนั่งในคาเฟ่สักพัก มันถึงเวลาดื่มชาช่วงกลางวันแล้ว เออใช่”
ศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์แสดงท่าทางเหมือนลืมอะไรสักอย่าง เขามองไปที่นักศึกษาและพูด “อย่าลืมซื้อตั๋วไปจินหลิง ประเทศจีนให้ผมด้วย”
เฟลตเชอร์มองที่ปรึกษาของเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
“คุณตั้งใจจะไปเหรอครับ”
“ทำไมล่ะ”
ฟาลติ้งส์มองไปที่นักศึกษาของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ก็อย่างที่ผมบอก เขาจะต้องชดใช้กับความขาดประสบการณ์และความจองหองของตัวเอง”
………………………