ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 857 แบ่งผลประโยชน์
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 857 แบ่งผลประโยชน์
จริงๆ แล้วหวังเจิ้งเฟยไม่ใช่คนที่คิดเรื่องนี้
ซีอีโอหลี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ พร้อมด้วยซีอีโอทุกคนรอบๆ ต่างกลั้นหายใจและจ้องเขม็งไปที่จอโปรเจคเตอร์ พวกเขาไม่อยากพลาดรายละเอียดแม้แต่นิดเดียว
ประธานคณะกรรมการปฏิรูปและการพัฒนาแห่งชาติจีนไม่ได้บอกว่าใครเป็นคนพัฒนาเทคโนโลยีนี้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงรีบออกจากห้องประชุมและพยายามติดต่อสถาบันวิจัยที่พัฒนาเทคโนโลยีนี้ในทันที
ส่วนทางด้านเทคนิคของชิปคาร์บอน พาวเวอร์พอยต์แสดงแค่ภาพของกล้องจุลทรรศน์ทรานซิสเตอร์เท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วซีอีโอที่นั่งอยู่ที่นี่ก็ไม่มีใครไม่เข้าใจนักวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด
โปรแกรมชิปคาร์บอนไปจนถึงคอมพิวเตอร์ควอนตัมล้วนเป็นความลับสุดยอด ดังนั้นจึงไม่มีการพูดถึงเรื่องนั้นในระหว่างการประชุม
ครึ่งหลังของการประชุมเน้นไปที่นโยบายที่ถูกกำหนดโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน และแผนการของแต่ละแผนกในการพัฒนาอุตสาหกรรมสารกึ่งตัวนำ ภาครัฐต้องการให้บริษัทสารกึ่งตัวนำทำอุตสาหกรรมชิปคาร์บอน
ในการจะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมทั้งหมดไปข้างหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อลดจำนวนคู่แข่งภายใน ประเทศจีนตัดสินใจก่อตั้งกองกำลังพัฒนาสารกึ่งตัวนำ พวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบในการช่วยเหลือบริษัทต่างๆ ในการเปลี่ยนแปลงเป็นชิปคาร์บอน
พูดง่ายๆ ก็คือพวกเขาต้องการให้ทุกคนได้ผลประโยชน์เท่าๆ กัน แล้วทุกคนก็ต้องนำเทคโนโลยีนี้เข้าสู่ตลาดโลก
ก่อนจบการประชุมประธานคณะกรรมการปฏิรูปและการพัฒนาแห่งชาติจีนพูดด้วยเสียงที่ชัดเจน “หลังจากที่เราพัฒนาการผลิตชิปคาร์บอนให้แข็งแกร่งแล้ว
“พวกเราจะเป็นผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมสารกึ่งตัวนำของโลก! “
นั่นหมายความว่าหลังจากที่เทคโนโลยีชิปคาร์บอนได้รับการพัฒนาและมีการแข่งขันในตลาดที่สมบูรณ์แล้ว พวกเขาจะเดินหน้าเต็มกำลังในการนำเทคโนโลยีชิปคาร์บอนเข้าสู่ตลาด
การประชุมจบลง
หวังเจิ้งเฟยปิดสมุดและจัดเก็บโทรศัพท์และชุดหูฟังจากพนักงาน เขาจัดปกเสื้อและยืนขึ้น
หลี่จือซวน หัวหน้าฮัวซิงกรุ๊ป ก็ปิดสมุดเช่นกัน เขาบ่นพึมพำกับตัวเองดังมากพอที่หวังเจิ้งเฟยได้ยิน “อยากรู้จริงๆ เลยว่าผู้นำอุตสาหกรรมไหนที่ประดิษฐ์สิ่งนี้ขึ้นมา แม้แต่ควอลคอมม์ยังต้องก้มหัวให้ทรานซิสเตอร์คาร์บอน”
แม้ว่าหวังเจิ้งเฟยจะรู้ว่าหลี่จือซวนไม่ได้พูดกับเขา เขาก็อดขำและตอบไปไม่ได้ “โอ้ ครับ”
หลี่จือซวนมองไปที่เขาและยิ้ม
“ซีอีโอหวัง คุณพอจะรู้ไหม คุณคงไม่หนีไปพร้อมกับเทคโนโลยีนี้หรอกจริงไหม”
“แล้วทำไมผมจะต้องรู้ด้วย” หวังเจิ้งเฟยส่ายหัวและพูด “ก่อนการประชุมนี้ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงมีข่าวลือแพร่ไปทั่วเกี่ยวกับอุตสาหกรรมสารกึ่งตัวนำ”
หลี่จือซวนจ้องชายสูงวัยอยู่สักพัก
ถ้าซีอีโอหวังมีข้อมูลเพิ่มเติมจริงๆ เขาก็คงไม่บอกฉันอยู่แล้ว
และฉันคงบังคับอะไรเขาไม่ได้…
…
หลังจากที่ซีอีโอหวังออกจากห้องประชุม เขาขึ้นรถ
หวังเจิ้งเฟยนั่งหลังคนขับและไม่ได้พูดอะไร เขามองไปที่เลขา เขาไม่อธิบายอะไรและถามขึ้น “ผมอยากคุยกับศาสตราจารย์ลู่ตัวต่อตัว เราทำได้ไหม”
เลขาของเขานิ่งไปและพูด “ศาสตราจารย์ลู่เหรอครับ คุณหมายถึง…”
หวังเจิ้งเฟย “คนที่ได้รับรางวัลโนเบลจากจินหลิง ผมมีเรื่องอยากคุยกับเขา”
แม้ว่าหัวเหว่ยจะเคยทำงานร่วมกับสตาร์สกายเทคโนโลยีเกี่ยวกับอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ แต่พวกเขาก็ถูกแยกออกจากกันโดยบริษัทจ้งซานซินฉาย
อีกอย่างศาสตราจารย์ลู่ก็ไม่ดูจะสนใจนักธุรกิจเห็นแก่เงิน ธุรกิจส่วนใหญ่มีการจัดการโดยซีอีโอที่เป็นผู้หญิง มีข่าวลือว่าลู่โจวจะอยู่แค่ในห้องสมุดหรือห้องทดลองทั้งวันเท่านั้น แม้แต่เพื่อนบ้านยังแทบจะไม่ได้เจอเขา
หวังเจิ้งเฟยรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่เส้นสายของเขาไม่สามารถช่วยให้เขาได้เจอกับศาสตราจารย์ลู่ได้
ส่วนสาเหตุที่เขาอยากคุยกับศาสตราจารย์ลู่…
เหตุผลนั้นก็ชัดเจน
เขาอยากจะคุยเรื่องชิปคาร์บอนกับลู่โจว!
แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานใดๆ ที่บ่งบอกว่าสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงอยู่เบื้องหลังชิปคาร์บอน แต่สัญชาตญาณบอกเขาว่ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์จากสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง
เมื่อนานมาแล้วเขาขอให้คนของเขาวิเคราะห์งานวิจัยจากสถาบันวัสดุศาสตร์และแยกประเภทของงานวิจัยแต่ละกลุ่ม เห็นได้ชัดว่าสถาบันวัสดุศาสตร์เกี่ยวข้องกับงานวิจัยวัสดุคาร์บอนมากที่สุด
ยังไม่รวมถึงที่สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงซึ่งเป็นสถาบันวิจัยวัสดุคาร์บอนที่โดดเด่นที่สุดในโลก เขามั่นใจถึง 80% ว่าลู่โจวคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
การร่วมมือกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเขาสามารถสร้างความสัมพันธ์กับนักวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยีนี้และร่วมมือกันพวกเขาจะสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาล
อีกทั้งลู่โจวก็เป็นนักวิชาการที่เก่ง แม้ว่าจะไม่มีเรื่องชิปคาร์บอนเข้ามาเกี่ยวข้องก็ตาม อย่างไรเสียซีอีโอก็ได้รับประโยชน์จากการพูดคุยกับเขาแน่นอน
เลขานิ่งไป เขาไม่คิดว่าเจ้านายจะสั่งให้ทำอะไรแบบนี้ เขาไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆ เจ้านายของเขาจึงอยากคุยกับศาสตราจารย์ลู่
แต่เขาก็แสดงสีหน้าที่เป็นมืออาชีพและพยายามหาทางออกที่ดีที่สุด
“จะมีการรายงานเรื่องสมมติฐานเสมือนของรีมันน์ที่มหาวิทยาลัยจินหลิง และผู้รายงานก็คือศาสตราจารย์ลู่ครับ”
ดวงตาของหวังเจิ้งเฟยเบิกกว้าง เขาถามขึ้นมา “เราหาตั๋วได้ไหม”
เลขาของเขาพยักหน้า
“มีตั๋วที่กำลังขายบนทิคเก็ตมาสเตอร์ครับ”
หวังเจิ้งเฟยตอบทันที “ซื้อให้ผมสองใบ”
เขาต้องการแค่เวลาห้าวินาทีกับลู่โจว เขาไม่ได้สนใจเนื้อหาของรายงานแม้แต่น้อย
เลขาพยักหน้าด้วยสีหน้าแปลกๆ
“ครับท่าน”
หวังเจิ้งเฟยสังเกตเห็นสีหน้าแปลกๆ ของเลขา เขาเลิกคิ้ว
“มีปัญหาอะไรเหรอ”
เลขาส่ายหัวและยิ้มเจื่อนๆ
“เปล่า ผมสงสัยว่าจะติดต่อศาสตราจารย์ลู่ให้คุณอย่างไร…”
การซื้อตั๋วเป็นเรื่องง่าย
ก็แค่ซื้อจากทิคเก็ตมาสเตอร์ แต่ถ้าเกิดตั๋วหมดแล้วฉันก็แค่โทรไปที่มหาวิทยาลัยจินหลิง ฉันมั่นใจว่าพวกเขาต้องยินดีจะให้ตั๋วกับซีอีโอของหัวเหว่ยแน่นอน
แต่…
ใช่ว่าคุณจะเข้าใจการรายงานของเขาเสียหน่อย แล้วคุณไปทำไมกัน
หวังเจิ้งเฟยพูด “ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกแค่หาตั๋วมาให้ผมก็พอ มันสำคัญมากๆ เลยนะ! “
เลขาของเขาพยักหน้า
“ครับท่าน”
รถเริ่มเคลื่อนที่
เลขามองเจ้านายที่กำลังตื่นเต้น เขารู้สึกสงสัยแต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกมา
สงสัยพระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกเสียแล้ว
เจ้านายของฉันอยากคุยกับศาสตราจารย์ลู่เกี่ยวกับปัญหาทางวิชาการเหรอ
แล้วคุณไปสนใจเรื่องปัญหาทางคณิตศาสตร์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน…
บางทีฉันน่าจะเรียนรู้เกี่ยวกับคณิตศาสตร์ไว้บ้าง เขาจะได้ประทับใจ
แต่เมื่อเลขานึกถึงสมการที่ซับซ้อน เขาก็ล้มเลิกความคิดนั้นทันที
………………………