ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 863 เราชนะ
แปะ แปะ แปะ!
เสียงปรบมือดังราวกับว่าไม่มีวันสิ้นสุด
แม้ว่าลู่โจวจะเดินลงมาจากเวทีแล้ว เสียงปรบมือก็ยังดังอย่างต่อเนื่อง ผู้คนกรูเข้าไปด้านหน้าหอประชุมด้วยความตื่นเต้นเพื่อจะได้ดูไวท์บอร์ดใกล้ๆ บางคนถึงขนาดถ่ายรูปไวท์บอร์ดเอาไว้ด้วย
คณบดีฉินมองดูการแก้โจทย์จากไกลๆ เขาพูดกับเจ้าหน้าที่ข้างๆ เขาเบาๆ
“อย่าเพิ่งลบไวท์บอร์ดนะ ผมตั้งใจว่าจะทิ้งไว้แบบนั้นไว้เป็นของที่ระลึกแห่งประวัติศาสตร์! “
เจ้าหน้าที่กลืนน้ำลาย เขารู้สึกสับสน
“ครับ…”
เขาไม่ได้สับสน
แต่เขาอึ้งมากกว่า หลังจากที่ทำงานที่หอประชุมนี้มาหลายปีเขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน
ทางด้านศาสตราจารย์จางโช่วอู๋ที่ยังนั่งอยู่กับที่ เขามองกลุ่มคนที่แตกตื่นและมองไปที่ไวท์บอร์ดทำให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมา
“ไม่อยากจะเชื่อเลย.. “
“ผมพอจะมองเห็นสไตล์ของก็อตเท็นดิ๊กในงานของเขา แต่ก็ยังเห็นบางสิ่งที่ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน”
“จริงๆ แล้วเขาไม่ได้เก่งเรื่องเรขาคณิตเชิงพีชคณิตไม่ใช่เหรอ”
สวี่เฉิงยางที่นั่งติดกับศาสตราจารย์จางยิ้มยิงฟันและตอบ “ผมบอกคุณแล้วไงว่าเขาคือชายผู้สร้างปาฏิหาริย์”
อีกฟากหนึ่งของหอประชุม ศาสตราจารย์อัคเชย์ยืนขึ้น เขาไม่สนใจคนอื่นแต่รีบหลังหันกลับเพื่อจะออกจากหอประชุม
ชูลทซ์สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเขาและยิ้ม
“เพื่อนยาก คุณตั้งใจจะไปไหนเหรอ”
อัคเชย์ปรับแว่นและพูด “วิธีการวิเคราะห์เส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติกเป็นวิธีการทางคณิตศาสตร์ที่พิเศษดังนั้นการวิจัยค่าเอปไซลอนก็ยังเป็นเรื่องที่ควรทำ ผมจึงตั้งใจว่าจะทำวิจัยนี้ที่โรงแรมต่อ คุณสนใจไหม”
“ไม่ใช่ว่าผมไม่สนใจหรอกนะ แต่ไม่จำเป็นต้องรีบขนาดนั้น” ชูลทซ์ยักไหล่และพูด “ผมพนันเลยว่าค่าเอปไซลอนจะต้องเปลี่ยนแปลงภายในสิบวัน”
อัคเชย์คิดอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้า
“ผมเห็นด้วย”
“เพื่อน เราจะทำงานเล็กๆ น้อยๆ ซ้ำไปซ้ำมาทำไมกัน เพียงเพื่อตีพิมพ์วิทยานิพนธ์สองสามเล่มเหรอ ลืมเรื่องนั้นไปเถอะ ลองดูสิ่งที่ศาสตราจารย์ลู่ทำสิ” ชูลทซ์ยิ้มและพูด “ยังมีเวลาในการพัฒนาค่าเอปไซลอนอยู่แต่ปล่อยให้คนอื่นทำเถอะ เราค่อยรับงานต่อเวลาที่พวกเขามีปัญหาดีกว่าไหม”
อัคเชย์นิ่งไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเขาปิดสมุดและยิ้ม
“คุณพูดถูก…เราออกไปหาอะไรกินกันดีไหม ผมไม่ค่อยชอบบุฟเฟต์ของโรงแรมเท่าไหร่”
ชูลทซ์ยิ้มและพูด “ศาสตราจารย์ฟิสิกส์ของผมเคยมาฟังการรายงานที่นี่ เขาบอกว่าแถวๆ นี้มีร้านเป็ดย่างที่อร่อยมาก เราไปลองดูไหม…”
แถวสุดท้ายของหอประชุม
หวังเจิ้งเฟยที่เผลอหลับไป ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงปรบมือที่ดังก้อง เขามองไปรอบๆ และเห็นคนมากมายกรูเข้ามาตรงหน้าเวที เขาสูดจมูกและถาม “จบแล้วเหรอ”
เลขาของเขาพยักหน้า
“น่าจะเป็นแบบนั้นนะครับ”
หวังเจิ้งเฟยรีบพูดขึ้น
“แล้ว?”
เลขากลืนน้ำลาย
“ผมคิดว่าเราชนะ”
เลขาไม่แน่ใจตัวเองว่าทำไมจึงใช้คำว่าชนะ
เพราะจริงๆ แล้วเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่เขาสามารถบอกได้จากเสียงปรบมือที่ดังก้องว่าลู่โจวดูเหมือนจะเป็นผู้ชนะ
สายตาที่ตื่นเต้นหลายคู่ก็เห็นเหมือนกัน พวกเขาเห็นว่าคนคนหนึ่งสามารถเอาชนะฟาลติ้งส์ด้วยเหตุผล และเขาคนนั้นกำลังได้รับความเคารพจากนักคณิตศาสตร์ทั่วโลก
ตั้งแต่วันนี้ไปเรื่องนี้จะกลายเป็นตำนานแห่งคณิตศาสตร์ที่จะกลายเป็นเรื่องเล่าจากรุ่นสู่รุ่น
คนทั้งโลกจะต้องจดจำลู่โจว
แต่ดูเหมือนว่าเจ้านายของเขาจะไม่ยอมเสียเวลาไปกับความยินดีแม้แต่นิดเดียว
ตอนที่หวังเจิ้งเฟยเห็นลู่โจวเดินไปตรงทางเข้าหอประชุม เขารีบลุกขึ้นจากที่นั่ง
“เร็วเข้า ไปกันเถอะ! “
เหตุผลที่เขามาฟังการรายงานในครั้งนี้ก็เพื่อสานสัมพันธ์กับลู่โจว
ในที่สุดก็ผ่านพ้นการรายงานที่แสนน่าเบื่อนี้มาได้ คงน่าเสียดายน่าดูถ้าไม่มีโอกาสได้คุยกับลู่โจว!
…
เสียงของผู้ฟังค่อยๆ หายไป
ลู่โจวเดินไปที่ห้องพักผ่อนของหอประชุมอย่างช้าๆ เขากำลังจะเปลี่ยนสูทแต่เสียงคุ้นหูดังขึ้นมาก่อน
“อาจารย์! “
เขาหันหลังกลับพร้อมเห็นหานเมิ่งฉีวิ่งเข้ามาพร้อมถุงพลาสติกในมือ
หางม้าของเธอปัดแกว่งไปมาเหมือนกระรอก
ลู่โจวมองไปที่เธอและยิ้ม
“มีอะไรเหรอ?”
“เปล่า…ฉันก็แค่กลัวว่าคุณจะหิว” หานเมิ่งฉียื่นถุงพลาสติกให้เขาและพูด “นี่ ฉันเอาเนื้อย่างกับข้าวมาให้”
ลู่โจว “รสขมิ้นเหรอ”
“ใช่” หญิงสาวพยักหน้าและพูด “ข้างนอกฝนตก คุณคงไม่อยากเดินไปโรงอาหาร ฉันคิดว่าหลังจากการรายงานคุณคงจะหิวฉันก็เลยซื้อนี่มาให้”
“ขอบคุณครับ”
ลู่โจวหยิบถุงพลาสติกมาจากเธอ
“แล้วคุณทานอะไรหรือยัง”
หานเมิ่งฉียกถุงพลาสติกอีกถุงในมือขึ้นมาและยิ้ม
“ยังเลย มาทานด้วยกันนะ”
ทั้งคู่เดินไปที่ห้องรับรองหอประชุม
ลู่โจววางถ้วยข้าวและเนื้อบนโต๊ะ เขามองไปที่สูทของตัวเองและหันไปที่หานเมิ่งฉีที่ตอนนี้กำลังแกะตะเกียบอย่างมีความสุข เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนสูทหลังจากที่ทานเสร็จ
การรายงานครั้งนี้ดูดทั้งพลังงานกายและพลังงานใจของเขา ถึงเวลาที่เขาต้องเติมพลังสักที
ลู่โจวแกะตะเกียบและกำลังจะทาน
อยู่ดีๆ ประตูห้องรับรองถูกเปิดออก ชายสูงวัยอายุราว 70 เดินเข้ามาพร้อมเจ้าหน้าที่อีกสองคน
ลู่โจวรู้สึกว่าชายคนนี้หน้าตาคุ้นๆ แต่เขาก็จำไม่ได้
โชคดีที่หลังจากที่ลู่โจวแสดงสีหน้างุนงง ชายสูงวัยยิ้มและแนะนำตัวเอง
“นักวิชาการลู่ ยินดีที่ได้พบคุณครับ! ผมเป็นซีอีโอหัวเหว่ย หวังเจิ้งเฟย ผมขอโทษที่มารบกวน แต่การรายงานของคุณช่างมีเสน่ห์มากๆ ! ผมอยากจะเลี้ยง…”
หวังเจิ้งเฟยกำลังจะชวนลู่โจวไปทานเข้า แต่เขาสังเกตเห็นชามข้าวของลู่โจวเสียก่อน
ค่าตัวของคุณพันล้าน แต่คุณทานข้าวแบบนี้เหรอ
เขาเปลี่ยนน้ำเสียงและถาม “นั่นคือสิ่งที่คุณกำลังทานอยู่เหรอ”
“เนื้อย่างกับข้าว ผมชอบนะ” ลู่โจวตอบอย่างไร้อารมณ์ เขามองไปที่ชายสูงวัยและถาม “ซีอีโอหวังคุณเคยศึกษาเรื่องสมมติฐานของรีมันน์มาก่อนเหรอครับ”
ร่างกายของลู่โจวเกินกว่าคำว่าแข็งแรงไปแล้ว แม้ว่าเขาจะกินอาหารขยะทั้งวันเขาก็ยังมีรูปร่างที่ดีอยู่เสมอ
สิ่งที่ลู่โจวสนใจมากกว่านั้นคือทำไมซีอีโอหวังจึงมาฟังการรายงานของเขา
นี่คือสิ่งที่พวกคนรวยเขาทำกันช่วงนี้เหรอ แทนที่จะไปคลับหรือคอนเสิร์ตพวกนั้นไปฟังการรายงานวิชาการน่าเบื่อกันแทน
“จริงๆ ผมไม่เคยศึกษามาก่อนเลย แต่มันเป็นงานอดิเรกของผม ฮ่าฮ่า” หวังเจิ้งเฟยพูดอย่างเคอะเขินพร้อมรอยยิ้ม
เดิมทีเขาตั้งใจว่าจะแสร้งทำเป็นรู้เรื่องคณิตศาสตร์สักเล็กน้อย แต่ก็จำได้ว่าลู่โจวเคยได้รับเหรียญฟิลด์ สำหรับเขาแล้วคนส่วนใหญ่คงดูเหมือนคนโง่คณิตศาสตร์…
มันน่าจะดีกว่าถ้ายอมรับว่าตัวเองไม่มีประสบการณ์เรื่องนี้
ลู่โจวรู้ว่าจุดประสงค์ที่แอบแฝงของซีอีโอหวังคืออะไร เขายิ้มและถาม “แล้วเหตุผลจริงๆ ที่คุณมาที่นี่คืออะไรครับ”
หวังเจิ้งเฟยหยุดแสร้งยิ้ม
“ผมเดาว่าคุณคงมองผมออก”
ลู่โจวยิ้มแล้วถอนหายใจ
“ผมรู้ว่าผมมีคุณสมบัติที่มีเสน่ห์หลายอย่าง อย่างเช่น ความหล่อของผม”
หวังเจิ้งเฟย “???”
เลขา “…???”
เจ้าหน้าที่ “???”
หานเมิ่งฉีที่กำลังทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย อยู่ดีๆ ก็สำลักเนื้อที่กินเข้าไป น้ำตาของเธอไหลออกมาจนต้องมองหากระดาษทิชชู
ลู่โจวสังเกตเห็นปฏิกิริยาของพวกเขา เขาจึงกระแอมและพูด “ผมล้อเล่นนะครับ”
หวังเจิ้งเฟยยิ้มทำตัวไม่ถูก
“นักวิชาการลู่ คุณนี่ตลกเหมือนกันนะ”
เวรเอ๊ย!
นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน
ลู่โจวมองไปรอบๆ และพูด “โอเค ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่จะคุยกันเรื่องนี้ ไว้เรานัดคุยกันดีไหมครับ”
ซีอีโอหวังพูดอย่างรวดเร็ว “อะไรก็ได้ตามที่คุณสะดวก”
ลู่โจวคิดอยู่สักพัก
“งั้นเรามาเจอกันอีกสามวัน
“อีกสามวัน ที่โรงแรมเพอร์เพิล เมาน์เทน
………………………