ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 871 ตอนนี้เรามีแล้ว
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 871 ตอนนี้เรามีแล้ว
ประวัติศาสตร์ของไฮซิลิคอนเริ่มต้นที่ศูนย์ออกแบบ ASIC ของหัวเหว่ยในปี 1991 ไฮซิลิคอนคือหนึ่งในแกนกลางหลักของหัวเหว่ยในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
ในความคิดของคนส่วนใหญ่แล้วไฮซิลิคอนคือผู้ผลิตโทรศัพท์ของหัวเหว่ย แต่ธุรกิจของไฮซิลิคอนนั้นจริงๆ แล้วขยายกว้างใกล้กว่าแค่การผลิตโทรศัพท์
ถ้าจะให้พูดชัดๆ ก็คือบริษัทไฮซิลิคอนของหัวเหว่ยให้บริการระบบเครือข่ายในบ้าน การสื่อสาร และชิปไร้สาย พวกเขาออกแบบและสร้างชิปโทรศัพท์ ชิปอุปกรณ์ระบบสื่อสารโทรศัพท์ไร้สาย ชิปอุปกรณ์ระบบเครือข่าย ชิปอุปกรณ์ดิจิทัลภายในบ้าน เป็นต้น พวกเขามีหุ้นในอุตสาหกรรมควบคุมและป้องกันความปลอดภัยถึง 90%
เนื่องจากหัวเหว่ยเป็นเจ้าของไฮซิลิคอนทั้งหมด จึงสามารถพูดได้ว่าหัวเหว่ยคือไฮซิลิคอนและไฮซิลิคอนคือหัวเหว่ย ทั้งคู่ไม่แยกออกจากกันไม่ได้
ถ้าสตาร์สกายเทคโนโลยีมีหุ้นของไฮซิลิคอนนั่นก็หมายความว่าหัวเหว่ยสูญเสียการควบคุมไฮซิลิคอนทั้งหมดไป
หวังเจิ้งเฟยคงยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้
แต่…
ไฮซิลิคอนเองก็ต้องการที่จะพึ่งพาสตาร์สกายเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก
ดังนั้นหลังจากได้ยินสิ่งที่ลู่โจวต้องการจึงทำให้สีหน้าของหวังเจิ้งเฟยดูตึงเครียด เขานั่งเงียบๆ และกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
ลู่โจวไม่ได้รีบร้อนอะไรขนาดนั้น หลังจากที่แจ้งในสิ่งที่ต้องการไปแล้วเขาก็ยกชาร้อนๆ ขึ้นมาจิบ ชานี่ช่วยบรรเทาอาการคอแห้งของเขาได้
เขาใช้ช่วงเวลานี้ในการสังเกตสีหน้าของหวังเจิ้งเฟย พยายามดูว่าเขาจะอ่านอะไรจากสีหน้านั้นได้บ้าง
แต่น่าเสียดายที่ซีอีโอหวังเป็นคนรอบรู้ ลู่โจวไม่สามารถอ่านอะไรได้จากสีหน้าของเขาเลย
เอิ่ม…
ฉันขอมากไปหรือเปล่านะ
เขาคุยเรื่องนี้กับเฉินยู่ซานก่อนที่จะมาที่นี่ เธอช่วยเขาเรื่องกรรมสิทธิ์หุ้นส่วนและแผนการเทคนิคในการร่วมมือต่างๆ ถ้าจะให้พูดกันตรงๆ ก็คือลู่โจวที่ไม่เก่งเรื่องการเจรจาต่อรอง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ตัวเองขอนั้นมากเกินไปหรือเปล่า
ลู่โจวเริ่มคิด
ดูเหมือนว่าซีอีโอหวังคงไม่ยอม
แต่ไม่เป็นไร ฉันไปร่วมมือกับยูนิสเปลนเดอร์ก็ได้ แม้ว่าบริษัทนี้จะเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการระดับล่างเป็นหลัก แต่ถ้าไม่ได้ไม่มีอุตสาหกรรมหัวเหว่ยคอยหนุนหลัง มันจะได้ผลหรือเปล่านะ
เขาพูด
“เราค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลังก็ได้ครับ อีกอย่างผมไม่ได้นำสัญญามาด้วยผมมั่นใจว่าคุณคงต้องการเวลาในการคิดเรื่องนี้ เราควรคุยเรื่องนี้ในโอกาสที่เป็นทางการกว่านี้”
ซีอีโอหวังผ่อนคลายไหล่และส่ายหัว
“ไม่จำเป็นหรอกครับ”
ลู่โจวถอนหายใจอย่างโล่งอก
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ตกลงอะไรกัน แต่ในที่สุดการเจรจาที่แสนน่าเบื่อนี่ก็สิ้นสุดเสียที
อย่างที่คิดไว้ลู่โจวไม่ได้เก่งในเรื่องการเจรจาจริงๆ
เขาตั้งใจจะให้เฉินยู่ซานเป็นคนเจรจากับยูนิสเปลนเดอร์แทน
“ผมไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องนี้อีกแล้ว ผมตัดสินใจแล้วครับ ผมเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของผมและผมก็เชื่อว่าศาสตราจารย์ลู่จะไม่ทำให้ผมผิดหวัง”
หวังเจิ้งเฟยยืนขึ้นและเอื้อมมือออกไปขณะที่พูดอย่างจริงจัง “…ในฐานะซีอีโอของหัวเหว่ยผมรับข้อเสนอของคุณ ผมหวังว่าเราจะได้ทำงานร่วมกันในยุคของชิปคาร์บอนและประสบความสำเร็จไปด้วยกัน! “
ลู่โจว “…?”
นี่หมายความว่า…
เขาตกลงเหรอ?
…
แม้ว่าพวกเขาจะตกลงกันแล้ว แต่เมื่อเป็นเรื่องสำคัญๆ อย่างการโอนถ่ายกรรมสิทธิ์หุ้นส่วน หวังเจิ้งเฟยไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้คนเดียวได้
โดยเฉพาะเมื่อสตาร์สกายเทคโนโลยีต้องการลงทุนกับไฮซิลิคอน และไฮซิลิคอนเป็นบริษัทลูกที่สำคัญที่สุดของหัวเหว่ย เขาจำเป็นต้องถามความเห็นจากคณะกรรมการผู้บริหาร แล้วยังต้องดูว่าคณะกรรมการบริหารจะเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้หรือไม่
โดยเฉพาะกับสัญญาที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลที่ข้อมูลหลายอย่างจะต้องเป็นความลับ
เขากังวลว่าจะโน้มน้าวคณะกรรมการบริหารของบริษัทอย่างไรโดยที่ไม่พูดถึงเทคโนโลยีชิปคาร์บอน
จริงๆ แล้วหัวเหว่ยไม่จำเป็นกับสตาร์สกายเทคโนโลยีขนาดนั้น เพราะพวกเขามีตัวเลือกอื่น แต่ถ้าหัวเหว่ยต้องการเป็นราชาแห่งอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์จีนจริงๆ พวกเขาต้องการสตาร์สกายเทคโนโลยี
แม้กระทั่งช่วงมื้อเย็น ลู่โจวยังคงคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
เขาไม่รู้เลยว่าเขาโน้มน้าวซีอีโอได้อย่างไร
จริงๆ แล้วเขาไม่ได้โน้มน้าวอะไรเลยด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่าหลังจากที่ซีอีโอหวังได้ยินสิ่งที่ลู่โจวขอเขาจะเงียบไปอยู่สักพักแล้วก็ตอบตกลง
หรือบางที…หวังเจิ้งเฟยอาจจะสนใจในตัวศาสตราจารย์ลู่กันนะ?
หรือว่าจริงๆ แล้วฉันเป็นอัจฉริยะด้านธุรกิจแต่ดันเผลอไผลไปกับคณิตศาสตร์
ลู่โจวยิ้มทำตัวไม่ถูก
ถ้าไม่มีการเจรจาที่แสนวิเศษที่เกิดขึ้น เขาคงไม่มีวันรู้ว่าตัวเองมีอิทธิพลทางด้านธุรกิจมากขนาดนี้…
หลังจากทานมื้อค่ำเสร็จ หวังเจิ้งเฟยบอกลาลู่โจวและกลับขึ้นรถคันดำที่จอดอยู่ตรงทางเข้าโรงแรม
ผู้บริหารอีกคนของหัวเหว่ยนั่งอยู่เบาะหลัง เขาอดถามซีอีโอหวังไม่ได้ “คุณคิดจริงๆ เหรอครับว่าการที่จะให้พวกเขามีอำนาจควบคุมไฮซิลิคอนเป็นความคิดที่ดีแล้ว”
คนที่นั่งติดกับซีอีโอหวังคือผู้บริหารอาวุโสของไฮซิลิคอน คนคนนี้เป็นอีกคนที่ถูกเชิญเข้าร่วมประชุมลับที่ปักกิ่ง
และนี่คือเหตุผลที่เขามาจินหลิงพร้อมซีอีโอหวัง
แม้ว่าเขาจะเคารพซีอีโอหวังขนาดไหน แต่เขาก็ยอมรับว่าการปล่อยให้สตาร์สกายเทคโนโลยีเข้ามาควบคุมไฮซิลิคอนไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย ไฮซิลิคอนเป็นรายได้หลักของหัวเหว่ยและการจะให้คนนอกเข้ามาเป็นควบคุมมันความคิดที่แย่มากๆ
ยังไม่รวมที่สตาร์สกายเทคโนโลยีต้องการกรรมสิทธิ์หุ้นส่วนในบริษัทจำนวนมาก…
หวังเจิ้งเฟยจ้องมองไปที่ผู้บริหารคนนี้และยิ้ม
“ไฮซิลิคอนมีทีมวิจัยและพัฒนาทรานซิสเตอร์คาร์บอนไหม”
ผู้บริหารเงียบไป
แม้ว่าทรานซิสเตอร์จะเป็นโปรเจกต์งานวิจัยวัสดุสารกึ่งตัวนำ แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานวิจัยแกรฟีนเลย พวกเขามุ่งเน้นไปที่โมลิบดินัมไดซัลไฟต์ซึ่งก็คือวัสดุอีกชนิดหนึ่งที่วงการวิชาการรู้สึกว่ามีศักยภาพที่ก้าวไกล
แต่โปรเจกต์งานวิจัยเหล่านี้เกิดขึ้นเพียงเพราะต้องการไล่ตามบริษัทอื่นๆ ยังมีปัญหาอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งคงใช้เวลาอย่างน้อยเป็นสิบปีกว่าที่พวกเขาจะได้ใช้โมลิบดินัมไดซัลไฟต์ในฐานะวัสดุทรานซิสเตอร์จริงๆ
ผู้บริหารลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ไม่ครับ”
หวังเจิ้งเฟยมองไปที่ผู้บริหารคนนี้และยิ้ม
“ตอนนี้เรามีแล้ว”
ผู้บริหาร “…”
…………………………