ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 883 มีพี่ชายที่เก่งเทพ
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 883 มีพี่ชายที่เก่งเทพ
การที่มีพี่ชายผู้โด่งดังในวงการวิชาการมันเป็นอย่างไรน่ะเหรอ?
หรือเปลี่ยนคำเรียกเป็นพี่ชายที่ได้รับรางวัลโนเบลและรางวัลเหรียญฟิลด์ก็ได้
เสี่ยวถงอาจจะเป็นคนเดียวในโลกที่ตอบคำถามข้อนี้ได้
เธอจ้องไปที่อีเมลจากผู้ตรวจสอบแล้วขยี้ตาตัวเองด้วยความไม่เชื่อ
หลังจากตรวจเช็กสองรอบว่าเธออ่านทุกอย่างถูกต้องแล้ว เธอก็คลิกที่อีเมล เธออ่านคอมเมนต์ของผู้ตรวจธีสิสอย่างถี่ถ้วน และพยายามเก็บความตื่นเต้นในใจไว้
เธอต้องประหลาดใจอยู่แล้ว
นี่เป็นวารสารเศรษฐศาสตร์ติดอันดับในเก้าอันดับเลยนะ วารสารเศรษฐมิติ!
นี่ก็เหมือนกันกับวารสารวิทยานิพนธ์ในคณิตศาสตร์ประจำปีของวงการคณิตศาสตร์ หรือวารสารจดหมายฟิสิกส์ของวงการฟิสิกส์เลย!
ขนาดอาจารย์ที่ปรึกษาของเธอ ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ก็ยังนำบทความไปตีพิมพ์ในวารสารไม่ได้ง่ายๆ เลยนะ อย่างไรก็แล้วแต่การทำวิจัยในเศรษฐศาสตร์มหภาคก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นหลังจากที่เธอส่งบทความไปหลังวันคริสต์มาสสามวัน เธอก็ได้รับอีเมลตอบกลับจากผู้ตรวจสอบมาในเวลาหลังวันปีใหม่ไม่กี่วัน สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน
สำหรับเด็กใหม่ในวงการวิชาการแล้ว เรื่องนี้มันแทบจะไม่น่าเชื่อเลย!
ปกติแล้วการตรวจธีสิสจะเป็นงานของพวกจิตอาสา เพราะมันไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรกับผู้ที่มาตรวจเลย
โดยเฉพาะพวกนักวิชาการชื่อดังที่จะไม่ได้อะไรจากการต้องมาตรวจธีสิสพวกนี้ พวกเขาจะมาตรวจธีสิสก็ต่อเมื่อมีเวลาว่างมากๆ เท่านั้น
เสี่ยวถงเตรียมตัวเตรียมใจรอไว้ประมาณ 6 สัปดาห์แล้ว แต่เธอกลับได้อีเมลตอบกลับจากผู้ตรวจธีสิสภายในแค่สองสัปดาห์เท่านั้น
เสี่ยวถงอ่านคอมเมนต์ของผู้ตรวจ
[แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่ใช้ในธีสิสนี้มีความน่าสนใจ แต่ก็ยังมีจุดบกพร่องอยู่บ้างในส่วนเศรษฐศาสตร์เชิงทฤษฎี…
[คอมเมนต์ของผู้ตรวจ: อาจจะต้องมีการปรับปรุงบ้าง]
“…พี่ชายของฉันเก่งเกินไปจริงๆ “
เสี่ยวถงอ้าปากกว้าง หลังจากผ่านไปพักหนึ่งเธอก็ถอนหายใจ
นี่เป็นผลการตรวจธีสิสที่เร็วที่สุดเท่าที่เธอเคยได้มาเลย…
เธอขอบคุณพี่ชายของเธอในใจ แล้วบอกตัวเองให้สู้เข้าไว้
สักวันหนึ่งเธอจะต้องกลายเป็นนักวิชาการผู้เก่งกาจคนหนึ่ง
เหมือนกับพี่ชายของเธอ…
การมีแบบอย่างนั้นเป็นสิ่งที่ทรงพลังสิ่งหนึ่ง
เมื่อมีเป้าหมายในใจแล้วเสี่ยวถงก็ไม่ได้หยุดพักเลย เธอเริ่มปรับปรุงแก้ไขธีสิสของตนเองตามคอมเมนต์จากผู้ตรวจ เธอยังคงเก็บแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ไว้เหมือนเดิม และอัปโหลดธีสิสขึ้นไปบนเว็บหลังจากแก้ไขมันนิดหน่อย
“อันนี้น่าจะโอเคแล้วนะ ใช่ไหมหว่า?”
เสี่ยวถงถอนหายใจแล้วหยิบใบขอจบการศึกษามาจากโต๊ะของเธอ เธอลังเลอยู่นิดหน่อย ก่อนจะตัดสินใจได้แล้วเดินไปที่ออฟฟิศของศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์
ถึงแม้การมีพี่ชายที่พึ่งพาได้จะเป็นเรื่องดี แต่เธอก็ยังอยากทำเรื่องบางเรื่องด้วยตัวเธอเองบ้าง
นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่เธอกับลู่โจวมีเหมือนกัน
ซึ่งก็คือพวกเธอทั้งคู่ต่างก็ไม่อยากจะรบกวนคนอื่น
แน่นอนว่าเวลาที่พวกเธอเจอกับสิ่งที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้แล้ว พวกเธอก็จะไม่ลังเลที่จะขอความช่วยเหลือ
แต่พวกเธอก็จะต้องตอบแทนบุญคุณนี้แน่นอน
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์หยุดเขียนงานและมองนักศึกษาที่เดินเข้ามาในออฟฟิศของเขา เขายิ้มอย่างอ่อนโยนและถามเด็กสาวอย่างร่าเริงว่า “เป็นอย่างไรบ้าง? เธอไปคิดมาแล้วหรือยัง?”
ดูเหมือนว่าแอนสลีย์จะไม่ได้ปากโป้งเอาเรื่องเสี่ยวถงไปบอกเขา เธอมอบโอกาสให้เสี่ยวถงบอกข่าวร้ายกับศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์เอง
แต่เอาจริงๆ ก็ไม่น่านับเป็นเรื่องปากโป้งหรอก…
เพราะเสี่ยวถงก็ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว
เสี่ยวถงยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก
“ฉันทำธีสิสจบการศึกษาเสร็จแล้ว และก็ได้ส่งมันเข้าวารสารเศรษฐศาสตร์มิติไปแล้วค่ะ”
ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ตกตะลึง เขาไม่คิดว่าเสี่ยวถงจะทำธีสิสจบการศึกษาเสร็จได้เลย ฟอร์สเตอร์พูดในขณะที่ยังเบิกตากว้าง
“เดี๋ยวนะ…เธอทำเสร็จแล้วเหรอ? เธอแน่ใจว่าเธอใช้สมมุติ…”
เสี่ยวถงพยักหน้าขณะที่ตายังจ้องอยู่ที่ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์
“ฉันใช้สมมุติฐานของคุณแล้วจริงๆ ค่ะ ฉันใช้แบบจำลองบิวลีย์ในการวิเคราะห์ผลกระทบระดับเศรษฐศาสตร์มหภาคในนโยบายสวัสดิการ…แต่ฉันใช้แบบจำลองที่ปรับปรุงแล้วนะคะ”
ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์จ้องนักศึกษาของเขา แล้วเขาก็เริ่มรู้สึกคลื่นไส้เล็กน้อย
ตอนที่เขาจัดหาหัวข้อวิจัยให้เธอ เขาหวังว่าเธอจะไม่สามารถทำมันเสร็จได้ เขาไม่ได้คาดว่าเธอจะทำมันจนเสร็จได้จริงๆ
เขารู้ว่าเธอจะต้องขอให้ลู่โจวมาช่วยในส่วนของคณิตศาสตร์แน่นอน…
แต่เขาก็ยังแปลกใจกับความสามารถทางด้านเศรษฐศาสตร์ของตัวเธอ
“เธอประมวลผลอัลกอริทึมได้แล้วเหรอ? จะเป็นเศรษฐศาสตร์มิติหรือวารสารอื่น เธอก็ต้องรันแบบจำลองในคอมพิวเตอร์ของเธอก่อนนะ เธอแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าข้อมูลที่เธอคำนวณมามัน…”
“ฉันคำนวณแล้วค่ะ” เสี่ยวถงพูดขัดคำพูดของศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ “ฉันผ่านการตรวจสอบทางวิชาการจากวารสารแล้ว ตอนนี้มันอยู่ในขั้นพิชญพิจารณ์แล้วค่ะ…”
การต้องปรับปรุงแก้ไขธีสิสไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
ผู้ตรวจสนใจในงานวิจัยของเธออย่างชัดเจน ไม่อย่างนั้นแล้ว เขาคงจะไม่ส่งอีเมลตอบกลับเธอไวขนาดนี้เป็นแน่
ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ควงปากกาในมือเล่นเพื่อให้ตัวเองใจเย็นลง เขารู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย
“ขั้นตอนการตรวจสอบของเศรษฐมิติมันนานมากเลยนะ อย่างน้อยก็ 6 สัปดาห์ ถ้าเธอไม่ได้เป็นนักวิชาการชื่อดังแล้วล่ะก็เธอต้องรอนานเลย ผมจะไม่บอกว่าการที่คุณส่งงานวิจัยคุณไปให้เศรษฐมิติเป็นเรื่องไม่ดีหรอกนะ แต่ทำไมคุณถึงไม่ถามความคิดเห็นผมเลยล่ะ…”
ถ้าเธอเป็นนักศึกษาคนอื่นแล้วล่ะก็ เขาจะเริ่มดุเธอหนักกว่านี้แล้ว
แต่เธอเป็นนักศึกษาที่ต่างจากคนอื่น
ไม่ใช่ว่าเขากลัวเธอหรอกนะ เขาแค่ไม่อยากทำให้เธอไม่พอใจเฉยๆ
“คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอกค่ะ…” เสี่ยวถงลังเลนิดหน่อย จะช้าจะเร็วเธอก็ต้องบอกความจริงกับฟอร์สเตอร์อยู่ดี เธอจึงบอกเขาไปว่า “ลู่โจวเป็นผู้ประพันธ์บรรณกิจค่ะ”
ลู่โจวเป็นผู้ประพันธ์บรรณกิจ
ลู่โจวนับว่าเป็นนักวิชาการที่มีชื่อเสียงอย่างแน่นอน
แต่ตำแหน่งนี้มันต้องเป็นตำแหน่งของฟอร์สเตอร์…
บรรยากาศในออฟฟิศตึงเครียดขึ้นมาทันที
รอยยิ้มได้เลือนหายไปจากใบหน้าของศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์แล้ว
“ขอโทษนะ…ผมได้ยินคุณไม่ถนัดเท่าไร เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ?”
เสี่ยวถงตอบ “เขาเป็นผู้ประพันธ์บรรณกิจค่ะ เพราะเขาเป็นคนที่ทำแบบจำลองทางคณิตศาสตร์และอัลกอริทึมพวกนั้นขึ้นมาเอง”
ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วมองนักศึกษาในอาณัติของเขา
“เธอต้องการจะทำอะไรกันแน่…”
“ฉันไม่ได้จะทำอะไรทั้งนั้นค่ะ” เสี่ยวถงส่ายหัวแล้วตอบเขา “มันเป็นความต้องการของเขาเองค่ะ”
ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ใจเย็นลง
ความต้องการของเขา…
เธอหมายถึงศาสตราจารย์ลู่อย่างไม่ต้องสงสัย
“ธีสิสนี้ยังอยู่ในช่วงพิชญพิจารณ์ ฉันได้รับอีเมลตอบกลับจากผู้ตรวจสอบเมื่อเช้าและได้ปรับปรุงแก้ไขเนื้อหาข้างในเล็กน้อย ธีสิสที่ผ่านการแก้ไขนี้น่าจะผ่านการตรวจสอบในที่สุดค่ะ” เสี่ยวถงมองศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก “ฉันขอโทษด้วยค่ะที่ไม่สามารถเขียนชื่อคุณเป็นผู้ประพันธ์บรรณกิจได้ แต่ศาสตราจารย์ลู่บอกไว้ว่า ฉันสามารถให้ใครเป็นผู้ประพันธ์อันดับแรกหรือผู้ประพันธ์อันดับที่สองก็ได้”
เสี่ยวถงพักจังหวะพูดไปครู่หนึ่งแล้วมองศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์
“ตราบใดที่คุณยอมให้ฉันเรียนจบ ฉันจะใส่ชื่อคุณไปเป็นผู้ประพันธ์อันดับแรกของธีสิสเศรษฐศาสตร์มิติของฉันค่ะ…คุณคิดว่าอย่างไรบ้างคะ?”
………………………