ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 890 เรื่องที่เกินคาดคิด
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 890 เรื่องที่เกินคาดคิด
หลังจากที่ลู่โจวออกจากศูนย์วิจัยและการผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ไฮซิลิคอน เขาก็ยังไม่ได้กลับขึ้นรถทันที แต่เขากับหวังเผิงกลับไปเดินดูรอบๆ ศูนย์อุตสาหกรรมก่อน
ลู่โจวมองตึกรอบๆ แล้วก็พูดขึ้นมาทันทีว่า
“หวังเผิง”
หวังเผิง “ครับ?”
ลู่โจวยิ้มแล้วถามคนขับรถว่า “ไม่มีอะไร แค่จะถามว่า พวกเราก็เดินรอบๆ ที่นี่มาสักพักแล้ว คิดว่าที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง?”
หวังเผิงนิ่งไปครู่หนึ่งก็ตอบกลับมาว่า “มันน่าประทับใจดีครับ”
ลู่โจวมองเขา
“ที่จะพูดมีแค่นี้เองเหรอ?”
“ผมก็ไม่รู้ว่าจะบรรยายออกมาอย่างไรดีเหมือนกันครับ” หวังเผิงมองโรงงานเซมิคอนดัคเตอร์ทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่แล้วพูดเสริมว่า “แล้วมันก็ยัง…เกินที่คิดไว้ไปหน่อย”
เนื่องจากตลาดเข้าสู่ภาวะโลกาภิวัตน์ ทุกประเทศจึงมีจุดยืนของตัวเองในห่วงโซ่อุตสาหกรรมโลก และยังมีพื้นที่ที่ตัวเองจัดเตรียมไว้แข่งขันกับประเทศอื่นด้วย แต่ความสามารถในการผลิตและความตั้งใจในการผลิตนั้นเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน
อินเทลย้ายโรงงานที่เคยตั้งอยู่สหรัฐอเมริกาไปที่ไซ่ง่อนเพราะว่าค่าแรงของสหรัฐมีราคาแพง ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะปฏิเสธความสามารถทางการผลิตชิปของสหรัฐอเมริกาหรอกนะ
ถ้าอินเทลต้องการ พวกเขาสามารถย้ายฐานการผลิตกลับไปที่อเมริกาได้ภายในชั่วพริบตาด้วยซ้ำ
เซมิคอนดัคเตอร์เป็นจุดแข็งของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศจีน เซมิคอนดัคเตอร์เคยอยู่ในกระแสหลักของวงการอุตสาหกรรมชิป
แต่ในตอนนี้เซมิคอนดัคเตอร์กลับมีการสงวนไว้เป็นความลับ ทำให้หวังเผิงรู้สึกเหมือนมันไม่ใช่เรื่องจริง
ชิปคาร์บอนพวกนี้มันวิเศษขนาดนั้นเลยเหรอ?
เอาตรงๆ แล้ว หวังเผิงไม่เชื่อเท่าไรนัก
แต่เขาก็ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ เขาเลยไม่มีอะไรจะพูดในเรื่องนี้
“จะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดอีกมากเกิดขึ้นในอนาคต เตรียมตัวไว้ให้ดีก็พอ…” ลู่โจวยิ้มแล้วพูดต่อ “จะว่าไปแล้ว ผมก็รู้สึกเหมือนได้รู้อะไรมากขึ้นจากการที่ได้เดินดูรอบๆ แถวนี้แล้วล่ะ”
“อย่างเช่นอะไรเหรอครับ?”
“อย่างเรื่องความปลอดภัยของการผลิตไง” ลู่โจวตอบด้วยรอยยิ้มว่า “กระบวนการผลิตชิปคาร์บอนและชิปซิลิคอนมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลย คาร์บอนไฟเบอร์และคาร์บอนดัสต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาในกระบวนการผลิตนี้สามารถติดไฟได้ ถ้าไม่นับเรื่องการป้องกันไฟในโรงงานแล้ว พวกเขาก็ต้องระวังเรื่องข้างนอกโรงงานเหมือนกัน”
หวังเผิง “แล้วพวกเขาจะทำอะไรเหรอครับ?”
“ก็ห้ามสูบบุหรี่ทั้งพื้นที่โรงงานทั้งหมดไงล่ะ…ทำไมเหรอ?”
“เปล่าครับ…” หวังเผิงยิ้ม เขาเอามือแตะซองบุหรี่แล้วบ่นว่า “ผมแค่คิดว่า…มันต้องลำบากมากๆ แน่ครับ”
เขาสูบบุหรี่มาหลายปีแล้ว แม้ว่าช่วงสองปีที่ผ่านมาจะไม่ได้สูบหนักนัก แต่ก็ยังสูบอยู่ในตอนที่ลู่โจวไม่ได้อยู่ใกล้ๆ
การห้ามไม่ให้สูบบุหรี่ทั้งพื้นที่โรงงานคงจะเป็นการทรมานพวกคนเสพติดนิโคตินอย่างไม่ต้องสงสัย
ลู่โจวส่ายหัวแล้วเอ่ยว่า “ผมไม่เข้าใจว่ามันยากตรงไหน พวกเขาเลิกไม่ได้เหรอ?”
หวังเผิงยิ้มแล้วรีบพูดเปลี่ยนประเด็น “คุณอยากไปที่ไหนอีกไหมครับ?”
“ผมได้ไปที่ส่วนใหญ่ที่อยากจะไปแล้วล่ะ” ลู่โจวเหลือบมองกลับไปที่ตึกแล้วบอกว่า “เดินทางกลับกันเถอะ”
“โอเคครับ เดี๋ยวคุณรออยู่ตรงนี้นะ ผมจะไปขับรถมาเอง” หวังเผิงพยักหน้าแล้วเริ่มเดินจากไป
…
ลู่โจวไม่คุ้นเคยกับกระบวนการผลิตเท่าไรนัก ไม่อย่างนั้นแล้วเขาคงจะไม่ซื้อหุ้นบริษัทเซมิคอนดัคเตอร์ถึงครึ่งหนึ่งเพียงเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตามถึงแม้เขาจะไม่คุ้นเคยกับตัวอุตสาหกรรม เขาก็ยังสามารถแสดงความคิดเห็นด้านการก่อสร้างจากมุมมองของนักวิชาการคนหนึ่งได้
และด้วยเหตุนี้ ถึงแม้ลู่โจวจะยุ่งกับทำงานวิจัยเชิงทฤษฎี เขาก็ยังเดินทางไปเยี่ยมชมตึกอาคารต่างๆ ที่จำเป็นทุกแห่ง
อย่างในทริปครั้งนี้ที่เขาได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากขึ้น
นอกจากเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นพื้นฐานแล้ว ก็ยังมีสิ่งต่างๆ อีกมากมายที่สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ในศูนย์วิจัยและการผลิตไฮซิลิคอน
ถ้าเขาไม่ได้มาเยี่ยมชมที่นี่ล่ะก็ ปัญหาเหล่านี้ก็จะถูกฝังอยู่ใต้กระบวนการผลิตอันยาวนานแน่ๆ ช่างเทคนิคและคนงานในโรงงานคงต้องใช้เวลาเป็นปีๆ กว่าจะหาปัญหาพวกนี้เจอ แต่ลู่โจวกลับสามารถหาต้นตอของปัญหาได้
ถึงแม้ลู่โจวอาจจะหาวิธีแก้ของปัญหาพวกนี้ไม่ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็บอกได้ว่าปัญหาคืออะไร
เขาเขียนปัญหาแต่ละอย่างที่มีแล้วส่งให้เฉินยู่ซาน เขายังส่งสำเนาข้อความนั้นให้ผู้อำนวยการหลี่อีกด้วย
เขามั่นใจว่าจดหมายนี้จะต้องมีประโยชน์อย่างมหาศาล…
ลู่โจวเดินทางกลับบ้านต่อจากที่หยุดแวะเมื่อกี้ ห่างจากลู่โจวหลายสิบกิโลเมตร เทศมนตรีเจี๋ยหยวนผิงกำลังนั่งอยู่ในออฟฟิศของเขาที่เมืองเจียงเฉิง เขาอ่านเอกสารในมืออย่างละเอียด
ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังออกมาจากข้างนอกออฟฟิศ ประตูออฟฟิศของเขาเปิดผาง ผู้ช่วยของเขาเป็นฝ่ายเดินเข้ามา
“ท่านเทศมนตรีครับ!”
“มีอะไรเหรอ?” เทศมนตรีวางปากกาในมือลงแล้วถาม “ทำไมไม่เคาะประตูล่ะ?”
ผู้ช่วยไม่ได้อธิบายว่าทำไมตัวเองจึงไม่ได้เคาะประตู เขารีบพูดขึ้นมาทันทีว่า
“พวกเราได้ข่าวมาจากฝ่ายจราจรว่านักวิชาการลู่เพิ่งจะออกจากทางหลวงที่ทางออกของเจียงเฉิงครับ”
เทศมนตรีเจี๋ยยืนขึ้นทันที เขามีท่าทางกระวนกระวายมากกว่าผู้ช่วยของเขาเสียอีก
“ไปกันเลย!”
ผู้ช่วยของเขาดูมีท่าทางตกใจนิดหน่อย
เทศมนตรีพูดย้ำ
“ไปตรงนั้นเดี๋ยวนี้เลย!”
เทศมนตรีเจี๋ยไม่ได้แจ้งข่าวให้กับทางมณฑล แต่เขาก็พาคนของเขาไปด้วยกันกับเขาแทน
ไม่นานนักกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งก็เดินทางมาถึงฐานอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ ทหารที่ยืนอยู่ที่จุดทางเข้ามีสีหน้างุนงง
ทหารคนนั้นมองรอบๆ ตัวอย่างกระวนกระวายแล้วรีบรายงานสถานการณ์ให้กับผู้บังคับบัญชาทันที
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ได้รับคำตอบมาจากผู้บังคับบัญชาที่บอกให้เขาไม่ต้องกังวล
ผู้ช่วยเทศมนตรีเดินไปหาทหารคนนั้นแล้วเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรว่า
“นี่คุณ พวกเรามาจากสภาเมืองนะครับ ไม่ทราบว่าคุณเห็นรถซีดานสีดำบ้างไหม?”
ทหารมองไปที่ชายคนนั้น
“ขอบัตรประจำตัวเพื่อยืนยันตัวตนด้วยครับ”
“อะนี่” เทศมนตรีเจี๋ยพูด เขาหยิบบัตรประจำตัวสีแดงของเขาออกมาแล้วพูดต่อ “พวกเรามาจากสภาเมือง ได้ยินว่านักวิชาการลู่อยู่ที่นี่เหรอ? คุณช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าเขาอยู่ไหน?”
ทหารคนนั้นมองบัตรประจำตัวสีแดง เขาตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันเป็นของจริง เขาทำความเคารพแล้วส่งบัตรกลับไปให้เจี๋ยหยวนผิง
“ถ้าคุณมาหานักวิชาการลู่ที่นี่ ผมแนะนำให้คุณกลับไปจะดีกว่าครับ”
ผู้ช่วยพูดขึ้นอย่างกระวนกระวายว่า “พวกเรากำลังรีบนะ…”
ทหารคนนั้นพูดตัดบทผู้ช่วยว่า “นักวิชาการลู่ออกจากที่นี่ไปเมื่อยี่สิบนาทีก่อนแล้วครับ…”
………………………………..