ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 896 ฉันมีความคิดบางอย่าง
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 896 ฉันมีความคิดบางอย่าง
ช่วงแรกที่ลู่โจวกลับมา เขาคิดว่าสุดท้ายแล้วเขาจะได้พักผ่อนในบ้านเกิดของเขาสักพัก แต่ว่าเขามองโลกในแง่ดีเกินไป
เมืองเล็กๆ อย่างเจียงหลิงแทบจะไม่มีคนดังมาเยือน
ลู่โจวซึ่งกลับมาที่บ้านเกิดของเขาเพียงแค่ในช่วงวันหยุด ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เมืองทั้งเมืองมีชีวิตชีวา
อย่างแรกคือนักการเมืองของสภาเทศบาลเมืองได้มาต้อนรับเขาที่ทางออกทางหลวง แล้วต่อมานักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเจียงเหอก็มาเคาะประตูบ้านเขา
หลังจากได้พูดคุยกันเล็กน้อย อธิการบดีเฟิงและเหล่าหัวหน้าแผนกคณิตศาสตร์ถามลู่โจวอย่างใจจดใจจ่อว่าพวกเขาจะขอติดชื่อของลู่โจวไว้ที่อาคารคณิตศาสตร์ได้หรือไม่
นี่เป็นคำขอที่ค่อนข้างสมเหตุสมผล
คนรวยมากมายอาจจะใช้เงินหลายสิบล้านดอลลาร์เพียงเพื่อจะแขวนชื่อของพวกเขาไว้บนอาคารของมหาวิทยาลัย
แต่สำหรับลู่โจวไม่จำเป็นต้องใช้อะไรเลย
อย่างไรก็ดีลู่โจวยังรู้สึกงุนงงเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดของอธิการบดีเฟิง
“อธิการบดีเฟิงครับ… นั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีหรือเปล่าครับ?” ลู่โจวมองไปที่ชายสูงวัยแล้วพูดว่า “ผมเกิดที่เจียงหลิง แต่ผมไม่เคย… เรียนที่มหาวิทยาลัยเจียงเหอ การตั้งชื่ออาคารตามชื่อผมมันออกจะไม่เหมาะสมไปสักหน่อย”
“มันไม่เหมาะสมยังไงเหรอครับ?” อธิการบดีเฟิงถาม แม้ว่าเขาจะรู้ว่าลู่โจวจะตอบรับมาในทำนองนี้ แต่เขาก็ยังคงพูดต่อไปอย่างร้อนรนใจว่า “คุณเป็นนักวิชาการระดับสุดยอดของเจียงหลิง เป็นแบบอย่างสำหรับมหาวิทยาลัยเจียงเหอ ถึงคุณจะไม่ได้จบจากสถาบันของเราแต่เราทุกคนก็มาจากบ้านเกิดเดียวกัน นี่มันจะไม่เหมาะสมได้ยังไง?”
ลู่โจวไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
แต่นี่มันเป็นความคิดที่ดีจริงๆ เหรอ?
เมื่อเห็นว่าลู่โจวยังคงลังเลใจ คณบดีของแผนกคณิตศาสตร์ก็อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ในท้ายที่สุด เลขาหลี่ ผู้ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ อธิการบดีเฟิง ก็ดันแว่นกรอบทองของเขาแล้วเสนอข้อแนะนำ
“จริงๆ แล้ว ผมมีทางออก”
เลขาหลี่ยิ้มอย่างมั่นใจแล้วพูดว่า “ศาสตราจารย์ลู่ คุณเคยเรียนที่โรงเรียนมัธยมเจียงหลิงใช่ไหมครับ?”
ลู่โจวตอบว่า “ใช่ครับ… ทำไมเหรอครับ?”
“ดีเลย เรากำลังคุยกับโรงเรียนมัธยมเจียงหลิงใช่ไหม? เราขอให้พวกเขาเข้าร่วมกับเรา…” เลขาหลี่มองมาที่อธิการบดีเฟิงแล้วพูดว่า “พวกเขาตัดสินใจเข้าร่วมกับเราอย่างเป็นทางการแล้ว ฉะนั้นในทางเทคนิคแล้วศาสตราจารย์ลู่ก็นับได้ว่าเป็นศิษย์เก่าของเรา”
อธิการบดีเฟิงดีใจอย่างออกนอกหน้าขณะที่เขาพูดขึ้นว่า “สมบูรณ์แบบ!”
ลู่โจว “…?”
???
…
ในท้ายที่สุดลู่โจวก็ยอมรับข้อเสนอของอธิการบดีเฟิง
ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขามาจากบ้านเกิดเดียวกัน
มันเป็นเพียงเพราะว่าพวกเขาเข้าร่วมกับโรงเรียนมัธยมเก่าของเขา
อย่างไรก็ตามมันก็ดูไม่เหมือนว่าเขาต้องทำอะไรด้วยตัวเองเลย
คนจากมหาวิทยาลัยเจียงเหอเป็นแค่เพียงคลื่นลูกแรก
หลังจากนั้นอาจารย์ใหญ่จากโรงเรียนมัธยมของลู่โจวก็ได้แวะมาหาเขา พร้อมด้วยเหล่าอาจารย์โรงเรียนมัธยมเก่าของเขา คณะกรรมการสภาเทศบาลเมืองก็ได้มาที่นี่เช่นกัน แม้แต่พวกผู้บริหารโรงงานของพ่อก็ยังมาที่บ้านของเขา
เรื่องนี้ยังดำเนินต่อไปจนกระทั่งถึงวันก่อนวันตรุษจีน ในที่สุดลู่โจวก็ได้พักหลังจากที่เสี่ยวถงกลับมาถึงบ้าน
ลู่โจวแทบจะไม่ได้ทำงานวิจัยเลยในช่วงเวลานั้นขณะที่เขาเองก็รู้สึกอารมณ์ไม่ดีและกังวลเล็กน้อย
ฉันคิดว่ามันไม่ใช่แค่มหาวิทยาลัยจิน…
ฉันไม่สามารถจะทำได้แม้กระทั่งทำงานวิจัยอย่างสงบในบ้านเกิดของเขาเอง…
คืนก่อนวันตรุษจีน
เสี่ยวถงนอนเล่นเกม Honor of Kings อยู่บนโซฟา ลู่โจวนั่งอยู่ข้างๆ พ่อแม่ของเขา ผู้ซึ่งกำลังนั่งดูงานตรุษจีนกาล่าของ CCTV ตรงกันข้ามกับลู่โจว เขากำลังง่วนอยู่กับสมุดโทรศัพท์ของเขาเพื่อส่งคำอวยพรวันตรุษจีนไปให้เพื่อนของเขา
ถ้าเขาไม่โทรหาพวกเขา พวกเขาก็จะโทรหาเขาอยู่ดี ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
“การที่สามารถผ่อนคลายในสภาพแวดล้อมที่ยุ่งเหยิงนั้นเป็นทักษะที่สำคัญมาก ไม่มีใครในแวดวงวิชาการที่จะสามารถสอนคุณในเรื่องนี้ได้ คุณจึงจำเป็นต้องทำจิตใจของคุณให้แข็งแกร่งด้วยตัวของคุณเอง…”
ลู่โจวได้ยินคำพูดอันคมคายของท่านผู้เฒ่าถังแล้วก็ยิ้มออกมา
เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “บางทีผมก็ชอบทำตัวให้ยุ่งไว้มากกว่า การทำสิ่งที่มีความหมายทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับผมไม่ได้กำลังเสียเวลา”
ถังจื้อเหว่ย: “อย่าถอนหายใจ! คุณกำลังจะถอนโชคลาภของคุณออกไป!”
ลู่โจวยิ้มแล้วพูดว่า “โอเคครับ… จะว่าไปแล้วชีวิตหลังปลดเกษียณเป็นยังไงบ้างครับ?”
“มันน่ามหัศจรรย์…” ท่านผู้เฒ่าถังจิบชาร้อนแล้วพูดว่า “แล้วคุณล่ะ เรื่องสมมติฐานของรีมันน์มีอะไรก้าวหน้าบ้างไหม?”
ลู่โจว: “นิดหน่อยครับ แต่ไม่มากนัก”
ท่านผู้เฒ่าถังพยักหน้าแล้วพูดว่า
“ผมว่ามันเป็นมงกุฎเพชรของคณิตศาสตร์เลยนะ ฉะนั้นมันก็คงจะไม่ง่ายหรอก… แต่ผมได้ยินคณบดีฉินพูดว่าคุณวางแผนเรื่องการแก้สมมติฐานนี้ไว้ภายในสามปีเหรอ?”
ลู่โจวเคยพูดถึงเรื่องนี้กับคณบดีฉิน แต่เขาไม่คาดคิดว่าคณบดีฉินจะกระจายข่าว
ลู่โจวยิ้มแล้วสั่นหัวก่อนจะตอบว่า “นั่นเป็นแผนของผมจริงๆ ครับ แต่ตอนนี้มันดูเหมือนว่าการแก้สมมติฐานนี้ภายในสามปีจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับผมแล้ว”
ก่อนหน้านี้ลู่โจวมองโลกในแง่ดีมาก โดยเฉพาะหลังจากที่เขาได้พัฒนาวิธีการวิเคราะห์เส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติก เขาแน่ใจว่าเขาจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ภายในหนึ่งปี
อย่างไรก็ตามยิ่งเขาดำดิ่งลงไปในปัญหานี้ลึกซึ้งขึ้น เขาก็ยิ่งได้ตระหนักมากขึ้นว่าสิ่งต่างๆ มันไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่เขาได้จินตนาการไว้
ต้องขอบคุณเครื่องมือทางคณิตศาสตร์ที่เขาได้ตีพิมพ์ออกมาในรายงานของเขา ค่าของเอปซีลอนในปัจจุบันอยู่ที่ 1/127 อย่างไรก็ดี มันหยุดนิ่งอยู่ในจุดนั้นมาเป็นเวลานานแล้ว
มันดูเหมือนไม่ว่าเส้นโค้งระนาบเชิงซ้อนเสริมจะถูกเลือกอย่างไร ก็ไม่มีทางที่จะผลักดันให้ตัวเลขนี้ขึ้นไปถึง 1/2 ได้
ลู่โจวยังคงพูดคุยกับท่านผู้เฒ่าถังต่อไปเกี่ยวกับโลกวิชาการ แล้วเขาก็วางสาย หลังจากนั้นเขาก็โทรไปหานักวิชาการลู่ เฉินยู่ซาน หลัวเหวินเซวียน และกล่าวคำอวยพรวันตรุษจีนแก่พวกเขาทุกคน
เสี่ยวถงผู้ซึ่งยังคงเล่นเกมในมือถือของเธอ ก็หาวออกมาแล้วพูดขึ้นว่า
“พี่นี่มีเพื่อนเยอะเหมือนกันนะ”
ลู่โจวยิ้มและพูดว่า “ฉันเนี่ยเหรอ?”
เสี่ยวถง: “ใช่ แต่ทำไมพี่ไม่เห็นจะมีแฟนเลย?”
ลู่โจว “…”
นี่มันเรื่องบ้าอะไรทำไมเธอต้องมาถามฉัน?
อย่างกับเธอว่าเธอมีแฟนแล้วงั้นแหละ
เมื่อเห็นว่าลู่โจวเมินเฉยต่อเธอ เสี่ยวถงจึงยิ้มแล้วพูดต่อว่า “พี่ เล่น Honor of Kings กับฉันสิ มีสาวๆ น่ารักๆ ที่เล่นเกมออนไลน์ในนี้เยอะเลยนะ”
“ไม่ล่ะขอบใจ พี่ไม่สน”
ทันใดนั้นลู่โจวก็นึกได้ว่ายังมีอีเมลในกล่องอีเมลของเขาที่ยังไม่ได้อ่าน
“ฉันเกือบลืมไปเลย”
เสี่ยวถงจ้องลู่โจวอย่างอยากรู้อยากเห็นระหว่างที่เขาลุกขึ้นแล้วเดินกลับไปยังห้องของเขา
เขานั่งลงที่โต๊ะทำงานแล้วเปิดโน้ตบุ๊ก
อีเมลที่ยังไม่ได้อ่านนั้นนอนนิ่งอยู่ในกล่องอีเมลของเขา
แม้ว่าลายมืออันสวยงามและเป็นระเบียบของเวร่าจะไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นในอีเมล แต่สไตล์การเขียนอันสุภาพของเธอก็ยังคงเห็นได้อยู่
หลังจากนั้นสักพัก ลู่โจวก็อ่านมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายของอีเมล
ส่วนที่สำคัญที่สุด…
[ฉันมีความคิดบางอย่างสำหรับสมมติฐานของรีมันน์ค่ะ]
………………………