ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 909 การประชุมฟิสิกส์กับการบินและอวกาศครั้งใหญ่
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 909 การประชุมฟิสิกส์กับการบินและอวกาศครั้งใหญ่
สามวันต่อมา ท้องฟ้าที่ปักกิ่งสดใส ไม่มีเมฆ
หาได้ยากที่เมืองนี้จะมีอากาศดีเช่นนี้
คนหลายพันรวมกันอยู่ที่ศูนย์การประชุมปักกิ่ง
พนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนยืนอยู่ที่ทางเข้าศูนย์การประชุมด้วยรอยยิ้มตามระเบียบ
ใบหน้าของพวกเขาเริ่มเจ็บปวดหลังจากผ่านไปสักพัก พวกเขาพูดคุยกันด้วยหวังจะผ่อนคล้ายกล้ามเนื้อใบหน้าของพวกเขา
พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ตัดผมสั้นเกรียนพูดว่า “ผมรู้ว่าไม่ว่าจะเป็นการประชุมอะไรก็ตาม ถ้ามันมีคำว่า ‘นานาชาติ’ อยู่ในชื่อ มันจะต่างออกไปโดยสิ้นเชิง”
พนักงานรักษาความปลอดภัยอีกคนที่แก่กว่าเล็กน้อยถามว่า “คุณหมายความว่ายังไง?”
พนักงานรักษาความปลอดภัยที่อ่อนกว่าตอบว่า “คิดดูสิ ถ้าพวกเขาเปลี่ยนชื่อให้มันเหลือแค่การประชุมเครื่องชนอนุภาคแฮดรอนบนดวงจันทร์ของจีน มันจะไม่ทำให้รู้สึกสำคัญน้อยลงเหรอ?”
พนักงานรักษาความปลอดภัยที่แก่กว่ายิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ทำไมมันถึงสำคัญล่ะ? คำว่า นานาชาติ ก็หมายความเพียงว่า พวกเราเปิดรับความร่วมมือจากประเทศอื่นๆ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับความสำคัญล่ะ?”
“ผมคิดว่าคุณพูดถูก”
“โอเค พอแล้ว หยุดพูดเล่นได้แล้ว เงียบเถอะ”
ที่อีกด้านของศูนย์การประชุม นักศึกษาปริญญาเอกหนุ่มคนหนึ่งซึ่งหวีผมอย่างเรียบร้อยจ้องไปที่ใบหน้าของชาวต่างชาติที่กำลังเดินผ่านทางเข้า
“เอ่อ ถ้าเราสามารถสร้างเครื่องชนอนุภาคแฮดรอนนี่ด้วยตัวเองได้ ทำไมเราต้องให้พวกอเมริกันมามีส่วนร่วมด้วยล่ะครับ? เราแค่ทำของเราเองไม่ได้เหรอครับ?”
ผู้ชายที่แก่กว่าซึ่งยืนอยู่ถัดจากเขาน่าจะเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเขา
หลังจากได้ยินคำพูดของลูกศิษย์ ชายที่แก่กว่าในชุดสูทก็สั่นหัวแล้วพูดว่า
“นั่นไม่ใช่วิธีการทำงาน เรากำลังจะเข้าสู่โลกาภิวัตน์ การร่วมมือกับประเทศอื่นๆ เป็นสถานการณ์ที่ได้ประโยชน์กับทุกฝ่าย เรายังคงเป็นผู้นำระดับโลกในด้านอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ และทางที่ดีที่สุดในการรักษาข้อได้เปรียบของเราไว้ไม่ใช่การปิดกั้นพรมแดนของเรา ในทางตรงกันข้ามเราควรรวมพลังกัน แม้แต่พวกอเมริกันก็ทราบถึงเรื่องนี้”
นักวิชาการผู้อ่อนวัยกว่าเกาหัว
“ถ้างั้นข้อดีของการรวมพลังกันคืออะไรครับ?”
ชายที่อายุมากกว่ากระแอมแล้วพูดว่า “จริงๆ แล้วผมก็ไม่แน่ใจ ผมได้ยินเรื่องนี้มาจากใครสักคนที่บุฟเฟ่ต์ในโรงแรมเมื่อวานนี้”
นักศึกษา “…”
ชายที่อายุมากกว่ากระแอมแล้วกล่าวต่อไปว่า “โดยรวมแล้วแผนของคุณคงจะใช้ไม่ได้ การเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับนานาชาติช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตของเรากับประเทศอื่นๆ ให้แน่นแฟ้น เมื่อก่อนเราเคยทำงานให้กับห้องปฏิบัติการของคนตะวันตก ช่วยพวกเขาทำงานวิจัย แต่ตอนนี้ชาวต่างชาติเหล่านี้จะทำงานให้พวกเรา
“การประชุมนี้มีความสำคัญมาก อย่านั่งดูแต่โทรศัพท์ ลองพูดคุยกับคนอื่น คนที่นั่งอยู่ข้างคุณอาจจะเป็นผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการหรือนักฟิสิกส์ชื่อดังก็ได้”
นักศึกษาหนุ่มมีสีหน้าเคร่งขรึมขณะที่เขาพยักหน้าและปิดโทรศัพท์ของเขา
“เข้าใจแล้วครับ!”
ชายที่อายุมากกว่ายิ้มเยาะให้นักศึกษาของเขา
ก็ไม่ใช่เด็กดื้อสักหน่อย
แม้ว่าชายผู้สูงวัยกว่าจะเป็นผู้นำด้านฟิสิกส์ในกลุ่มสุดยอดมหาวิทยาลัยของจีน เขาก็ยังคงถ่อมตัวในสถานที่แบบนี้
การที่สามารถสานสัมพันธ์ในงานฟิสิกส์ระดับนานาชาติแบบนี้เป็นประโยชน์ต่อทุกคน แม้แต่เขาเอง
จะว่าไปแล้ว เขาต้องขอบคุณนักวิชาการลู่สำหรับการสร้างโอกาสนี้ให้แก่วงการฟิสิกส์ของจีนในการเป็นเจ้าภาพงานแบบนี้
ถ้าเพียงแต่เขาจะมีโอกาสแบบนี้ในตอนที่เขายังอายุน้อยกว่านี้ ในยุคของเขา ไม่เพียงแต่เขาจะไม่มีคนต่างชาติมาที่จีนเพื่อมาประชุมงานวิชาการแล้ว เขายังแทบจะไม่ได้ไปเข้าร่วมการประชุมด้วยตัวเอง…
ชายสูงวัยอดไม่ได้ที่จะมองไปยังนักศึกษาของเขาด้วยสายตาที่อิจฉา
เด็กน้อยเอ๋ย เธอไม่รู้หรอกว่าเธอโชคดีแค่ไหน
เธออยู่ในยุคสมบูรณ์แบบสำหรับฟิสิกส์…
…
การประชุมเครื่องชนอนุภาคแฮดรอนบนดวงจันทร์นานาชาติครั้งแรกจัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมปักกิ่ง
ศาสตราจารย์แคริเบอร์ยืนอยู่ตรงทางเข้าศูนย์การประชุมโดยมีเสื้อโค้ทกันฝนตัวใหญ่พาดอยู่บนบ่าขณะที่เขาต้อนรับลู่โจวด้วยการอ้าแขนกว้าง
“สวัสดีเพื่อน ไม่เจอกันนานเลย!”
“ไม่ได้เจอกันนานเลย” ลู่โจวกอดศาสตราจารย์ชาวเยอรมันร่างผอมสูงคนนี้ด้วยรอยยิ้ม เขาพูดว่า “ถ้าผมจำไม่ผิด นี่เป็นการประชุมเครื่องชนอนุภาคแฮดรอนบนดวงจันทร์ แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่?”
ศาสตราจารย์แคริเบอร์ ผู้อำนวยการสถาบันสเตลล่าร์เรเตอร์เวนเดลสไตน์ 7-X เป็นหนึ่งในวิศวกรหลักที่ทำงานวิจัยฟิวชั่นที่ควบคุมได้ในยุโรป
เมื่อจีนกำลังจะออกจากโครงการ ITER ทั้งสองเคยเป็นคู่แข่งกัน แต่พวกเขาก็ยังคงรักษาความสัมพันธ์ส่วนตัวอันดีไว้ พวกเขายังเคยแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการในนามของประเทศของพวกเขาด้วย
ยกตัวอย่างเช่น เครื่องสตาร์สเตลล่าร์เรเตอร์ เครื่องที่มาก่อนเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นผางกู่ถูกดัดแปลงมาจากเครื่อง Wega สเตลล่าร์เรเตอร์ที่ซื้อมาจากเยอรมนี
หากมองจากภาพรวมในระยะยาว ข้อตกลงนี้ช่วยแก้ปัญหาให้กับเยอรมนีอย่างไม่มีข้อสงสัย หากปราศจากความสำเร็จของเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นผางกู่ ยุโรปก็คงจะต้องรอไปอีก 50 ปีจึงจะได้ใช้พลังงานสะอาดและเกือบไร้ขีดจำกัด ในตอนนี้การเจรจาต่อรองเรื่องฟิวชั่นสิ้นสุดลงแล้ว มีแนวโน้มว่าอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้จะสร้างโรงงานเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นในฝรั่งเศสหรือเยอรมนีในปีหน้า…
“คุณคงจะลืมว่าผมเป็นวิศวกรที่กำลังทำวิจัยเรื่องฟิสิกส์พลาสมา และผมก็เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโลกในเรื่องแม่เหล็กตัวนำยวดยิ่ง ผมมีส่วนช่วยในเรื่องแม่เหล็กตัวนำยวดยิ่งใต้ดินของเซิร์น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมได้รับคำเชิญ” แคริเบอร์ตบบ่าของลู่โจวแล้วพูดว่า “คุณมีเพื่อนอีกคนหนึ่งอยู่ที่นี่ด้วยนะ”
“ศาสตราจารย์คลิทซิ่ง?” ลู่โจวมองไปยังชายสูงวัยที่ยืนอยู่ใกล้ๆ แล้วยิ้ม “ผมไม่คิดเลยว่าจะเจอคุณที่นี่”
“ผมจะพลาดงานสำคัญแบบนี้ได้ยังไง? พวกคุณจะเป็นผู้ตัดสินว่าจะมีการค้นพบทางฟิสิกส์ใหม่ในอีก 50 ปีข้างหน้าหรือไม่” ศาสตราจารย์คลิทซิ่งยิ้มแล้วจับมือทักทายกับลู่โจวขณะที่พูดขึ้นว่า “ยินดีด้วยสำหรับการได้เป็นเจ้าภาพการประชุมสำคัญขนาดนี้ นี่จะเป็นเหตุการณ์สำคัญหนึ่งในอาชีพวิชาการของคุณเลย… แต่ผมคิดว่าคุณไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้อีกต่อไปแล้ว”
“โอ้ ไม่หรอกครับ จริงๆ ผมสนใจ แต่ผมไม่ใช่คนเดียวที่เป็นเจ้าภาพการประชุมนี้ ผมเป็นแค่หนึ่งในเจ้าภาพ…” ลู่โจวยิ้มแล้วผายมือเชื้อเชิญ “เข้าไปด้านในเถอะครับ”
ทันใดนั้นศาสตราจารย์แคริเบอร์ก็ยกมือขวาขึ้น
“เดี๋ยวก่อนนะ ผมลืมอะไรบางอย่าง”
ลู่โจวยิ้มแล้วพูดว่า “อะไรเหรอ? อย่าบอกผมนะว่าคุณลืมจดหมายเชิญไว้ที่โรงแรม?”
“เพื่อนเก่าคนหนึ่งของผมจากพรินซ์ตันขอให้ผมเอาจดหมายมาให้คุณ ผมรู้ว่าผมน่าจะได้เจอคุณโดยบังเอิญ อย่างนั้นผมก็เลยตกลง” แคริเบอร์หยิบจดหมายออกมาจากกระเป๋าเอกสารของเขาแล้วพูดว่า “นี่ไง”
ลู่โจวกำลังจะรับจดหมายมา แต่หวังเผิงก้าวเข้ามาแล้วคว้ามันไป
“ขอโทษครับ ผมขอดูก่อนได้ไหม?”
แคริเบอร์ยักไหล่แล้วมองหวังเผิงอย่างกระอักกระอ่วน “เอ่อ ได้สิ ไม่มีปัญหา งานของผมก็แค่เอามันมาส่ง คุณจะโยนมันทิ้งขยะก็ได้ผมไม่สน… แต่ผมผ่านขั้นตอนความปลอดภัยที่สนามบินมาพร้อมกับมันแล้ว มันก็น่าจะไม่มีอะไรผิดปกติใช่ไหม? แค่อย่าตำหนิผมก็พอ”
“ใช่ ตอนนี้เราอยู่ในช่วงเวลาพิเศษ และมันส่งผลต่อชีวิตผมนิดหน่อย…” ลู่โจวมองมาที่หวังเผิงแล้วพูดว่า “มันปกติใช่ไหม?”
หลังจากตรวจสอบซองจดหมายด้วยอุปกรณ์มืออาชีพ หวังเผิงก็พยักหน้าอย่างระมัดระวัง
“ปกติครับ”
แล้วหวังเผิงก็เดินออกมาด้านข้างและเปิดจดหมาย
มีจดหมายฉบับหนึ่งอยู่ข้างในและบัตรเชิญ
ลู่โจวมองมาที่หวังเผิงแล้วถามว่า “คุณบอกผมหน่อยว่าใครส่งจดหมายมา? ผมอยากรู้”
“ผู้ส่งคือครุกแมน… นั่นคือสิ่งที่ระบุไว้ครับ” หวังเผิงสังเกตสีหน้าของลู่โจวและถามว่า “มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
ลู่โจวตอบว่า “…ไม่มี”
เวรเอ๊ย!
เขายังไม่ยอมแพ้!
ถึงกับขอให้เพื่อนของเขาส่งจดหมายมาให้ฉัน…
กำจัดเขาออกไปไม่ได้เลยจริงๆ
……………..