ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 920 ดร. แซด
ณ กรุงนิวยอร์ก
มู่ลี่หน้าต่างในอพาร์ตเมนต์ปิดบังแสงจากภายนอก เสียงเครื่องปรับอากาศดังครืนๆ อยู่ในห้อง ห้องอันหนาวเย็นและมืดมิดมีบรรยากาศเหมือนห้องดับจิตไม่มีผิด
มอนิเตอร์สามเครื่องตั้งอยู่บนโต๊ะ กระป๋องเครื่องดื่มเรดบูลกระจัดกระจายไปทั่วห้อง
ชายคนหนึ่งเดินเข้าไปในห้อง มือของเขาถือพิซซ่าเอาไว้ เขานั่งลงที่โต๊ะแล้วใช้เมาส์คลิกจอ
เทอร์มินัลโค้ดสีดำสามอันปรากฏขึ้นเต็มหน้าจอ
คนส่วนใหญ่จะสับสนเมื่อได้เห็นโค้ดแต่ละบรรทัดบนหน้าจอ แต่เขาต่างจากคนพวกนั้น
“ในที่สุด…
ก็เจอแกเสียที! เพอร์เฟกต์!”
โลนวูล์ฟเดาะลิ้นแล้วยิ้มเยาะ เขาหยิบพิซซ่าชิ้นหนึ่งขึ้นมาแล้วเริ่มกิน
เขาแฮกเซิร์ฟเวอร์สำเร็จอีกที่แล้ว
ถึงบอสจะไม่ได้สั่งให้เขาทำอะไรเพิ่มเติม เขาก็เชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องขยายขอบเขตการโจมตีให้มากกว่าพวกหน่วยงานสื่อ
เพราะอย่างไรแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาเป็นองค์กรที่มีกฎเคร่งครัดอะไรอยู่แล้ว ยังไม่นับว่าสื่อของจีนส่วนใหญ่ก็โดนแฮกไปกันเกือบหมดแล้วด้วย
เขากวาดตาผ่านโค้ดหลายบรรทัดอย่างรวดเร็วแล้วหัวเราะออกมา เมื่อคิดภาพเจ้าหน้าที่คนจีนกำลังเผชิญความฉิบหายวายป่วงกันอยู่
แต่แล้วแอคเคานต์ของเขาบนเว็บบอร์ดก็มีข้อความหนึ่งเข้ามา
[นี่ ‘พัสดุ’ ฉันมาถึงแล้วเหรอเนี่ย?]
เขาไม่ได้พูดถึงพัสดุในโลกแห่งความจริง แต่กำลังพูดถึงคำสั่งโจมตี อย่างการโจมตี DDOS หรืออะไรที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน
การโจมตี DDOS เป็นวิธีการโจมตีทางไซเบอร์ที่แฮกเกอร์อ่อนๆ ที่ไหนก็ทำได้ ดังนั้นแล้ว การที่แฮกเกอร์ที่เชี่ยวชาญแล้ว ‘สั่ง’ ให้คนอื่นโจมตีแทนจะมีประสิทธิภาพมากกว่า
โลนวูล์ฟคลิกเปิดข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน
แต่ทันใดนั้น เขาก็ชะงักไป
[เอ่อ นายท่านให้โอกาสนายไถ่โทษตัวเองแล้ว เพราะอย่างนั้นนายควรจะยอมแพ้ซะนะ ( ́◔‸◔ ‘)]
“หึ…
ฮ่าฮ่าฮ่า!”
โลนวูล์ฟหัวเราะและเอนหลังพิงพนักเก้าอี้คอมพิวเตอร์ เขาลบข้อความนั้นทิ้งและออกจากระบบจากแอคเคานต์หุ่นเชิดของเขา แล้วเปลี่ยนไปล็อกอินเข้าแอคเคานต์สำรองแทน
“ตลกตายล่ะ…คิดว่าฉันจะยอมแพ้เพราะแกหาแอคเคานต์ฉันเจออย่างนั้นเหรอ? จะไปตายที่ไหนก็ไป!”
การหาแอคเคานต์หุ่นเชิดของเขาเจอไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ยากเลย วงการแฮกเกอร์ก็สนใจปฏิบัติการครั้งนี้ของพวกเขาอยู่แล้ว
คนที่ค้นข้อมูลผ่านประวัติแอคเคานต์ของเขาก็จะรู้ได้ว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอีเกิ้ลฮันเตอร์
ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวอะไรเลย การจะหาข้อมูลส่วนตัวของเขาเจอจากแอคเคานต์หุ่นเชิดนั้นเรียกได้ว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้
แต่ที่เทอร์มินัลแห่งหนึ่งในคอม เขาก็เห็นว่าสีของเซิร์ฟเวอร์มหาวิทยาลัยจินหลิงกลายเป็นสีเขียวแล้ว
ซึ่งหมายความว่าไวรัสโทรจันถูกกำจัดโดยแอดมินเซิร์ฟเวอร์นั้นเรียบร้อย และเซิร์ฟเวอร์นั้นก็กลับมาออนไลน์ตามปกติ
ไอ้พวกโง่พวกนี้อยากตายนักใช่ไหม?
“นี่พวกมันรู้หรือเปล่าว่ากำลังเล่นกับใคร?”
โลนวูล์ฟวางมือตัวเองบนคีย์บอร์ด เขากำลังจะสั่งสอนบทเรียนให้คนพวกนี้เสียหน่อย
แต่พอเขากดปุ่มลงไปปุ่มแรก เขาก็ต้องตกใจ
กล่องข้อความโผล่ขึ้นมาบนหน้าจอเข้าอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย มันแสดงตัวอักษรปริศนายาวเป็นทอดๆ
[(*・Ω・) ✄╰ひ╯]
โลนวูล์ฟ “???”
…
หน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์
ในออฟฟิศ
ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นเวลากลางดึกแล้ว แต่พนักงานก็ยังทำงานอยู่ที่นี่
กระป๋องโค้กกระป๋องหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ ในขณะที่ผู้อำนวยการหงจ้องไปที่จอคอมพิวเตอร์อย่างตั้งใจ แล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า
“พ่*มึ*ตาย ไอ้พวกหนูห่*พวกนี้!”
ศัตรูพวกนี้ก็เหมือนกับหนูที่หลบหลีกเก่ง ลอบกัดพวกเขาซ้ายทีขวาทีตลอด
ผู้อำนวยการหลี่จากกระทรวงป้องกันราชอาณาจักรก็อยู่ที่นี่เช่นกัน เขาขมวดคิ้วแล้วถามขึ้นว่า “แจ้งคำเตือนเรื่องความปลอดภัยไปแล้วหรือยัง?”
ช่างเทคนิคที่นั่งอยู่ข้างเขาหันไปมองผู้อำนวยการหงแล้วพยักหน้า จากนั้นเขาก็หันไปมองผู้อำนวยการหลี่แล้วพูดขึ้นว่า
“แจ้งไปแล้วครับ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากเท่าไร บริษัทอย่างเทนเซนต์กับอาลีบาบาก็มีระดับความปลอดภัยที่สูงอยู่แล้ว บริษัทชั้นกลางได้รับคำเตือนของเราแล้วก็จริง แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี…อันที่จริงผมว่าคำเตือนของพวกเราอาจจะทำให้เกิดการตื่นตระหนกเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำครับ”
ผู้อำนวยการหงกล่าวว่า “อย่างไรแจ้งพวกเราก่อนก็ดีกว่าอยู่ดี ไม่อย่างนั้นจะมีอะไรให้เราทำได้อีกล่ะ”
“ไม่มีวิธีอื่นนอกจากสลับบทบาทมาเป็นฝั่งบุกกลับบ้างแล้วล่ะครับ”
ทั้งออฟฟิศตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงพิมพ์คีย์บอร์ดเท่านั้นที่ยังดังอยู่
ผู้อำนวยการหงกระแอมแล้วพูดขึ้นว่า “โอเค ช่างมันเถอะ พวกคนเบื้องบนไม่มีทางอนุมัติให้พวกเราโจมตีกลับอยู่แล้วล่ะ แล้วถ้าเรากลายเป็นฝ่ายโจมตีล่ะก็ นั่นหมายความว่าประเทศจีนได้ประกาศสงครามไซเบอร์กับนานาชาติเลยนะ ถึงแม้พวกเราจะเป็นฝ่ายที่ถูกโจมตีก่อนก็เถอะ พวกเราก็จะถูกประณามอยู่ดี… ตอนนี้พวกเราต้องรวบรวมหลักฐานแล้วหาให้เจอว่าคนพวกนั้นอยู่ที่ไหน จากนั้นค่อยขอให้หน่วยงานในพื้นที่ของพวกแฮกเกอร์ไปจับพวกมัน”
แล้วนี่ยังไม่นับว่าพวกเขาในห้องนี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกแฮกเกอร์อยู่ที่ไหนบนโลก ถ้าหากพวกเขาโต้กลับด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งล่ะก็ ความเสียหายในเวทีการเมืองนานาชาติจะกลายเป็นภาพที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
อีกอย่างหนึ่ง ตอนนี้การประชุมเรื่องเครื่องชนอนุภาคแฮดรอนบนดวงจันทร์ก็กำลังดำเนินอยู่ การส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทางการเมืองของนานาชาติคือสิ่งที่พวกแฮกเกอร์ต้องการแน่ๆ
ผู้อำนวยการหลี่กระแอมแล้วถามว่า “ตอนนี้เรื่องการกู้คืนเซิร์ฟเวอร์ไปถึงไหนแล้วล่ะ?”
วิศวกรรักษาความปลอดภัยของข้อมูลคนที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์พูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าว่า
“โดเมนของสื่อใหญ่ส่วนใหญ่จะกู้คืนกลับมาได้แล้วครับ ผมได้กู้คืนเว็บไซต์อย่างน้อยหลักสิบเว็บแล้ว แต่ผมทำแบบนี้ไปตลอดไม่ไหวหรอก”
ทันใดนั้น ช่างเทคนิคในชุดทหารที่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ประกาศขึ้นมาว่า
“พวกเราเจอเว็บไซต์ใหม่ที่มีการเคลื่อนไหวแปลกๆ ตอนนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่าเว็บนี้ถูกแฮกไปแล้วครับ”
ก่อนที่ผู้อำนวยการหงจะได้ทันพูดอะไร ผู้อำนวยการหลี่ก็ถามขึ้นก่อนว่า “รอบนี้ใครโดนล่ะ?”
“เว็บไซต์ของสภาการค้าและการพัฒนาครับ”
หลังจากที่ผู้อำนวยการหงได้ยินว่ามีเว็บไซต์อีกเว็บที่ตกเป็นเหยื่อของพวกแฮกเกอร์ เขาก็ทุบกำปั้นกับโต๊ะด้วยความโกรธ
“ไอ้เย็*แม่!”
การโจมตีแพร่กระจายไปเกินขอบเขตเว็บไซต์สื่อแล้วเข้าสู่เว็บไซต์หน่วยงานรัฐบาลเรียบร้อย
ผู้อำนวยการหงเริ่มเหงื่อตก
ถึงแม้เว็บไซต์ของหน่วยงานรัฐบาลหลักๆ จะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่รัดกุม แต่รัฐบาลของจีนเองก็ใหญ่มากเสียจนมีเซิร์ฟเวอร์กับเว็บไซต์มากมายเต็มไปหมด พวกเขาทำได้แค่หวังพึ่งไฟร์วอลแบบบิลต์อินและการป้องกันในเซิร์ฟเวอร์เองเท่านั้น
และนี่ยังไม่ใช่สิ่งที่ทำให้พวกเขากังวลที่สุด
ถ้าหากฝั่งที่โจมตีขยายขอบเขตสนามรบครั้งนี้ไปเป็นวงการอุตสาหกรรมการแพทย์ พลังงาน และโลจิสติกส์แล้วล่ะก็ ความเสียหายครั้งนี้จะเป็นระดับหายนะได้เลย…
ความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นจะอยู่ในระดับที่เกินรับได้
อย่างไรก็ตาม จู่ๆ วิศวกรที่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ขมวดคิ้วแล้วยื่นหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ จอ
“เดี๋ยวนะครับ มีอะไรบางอย่างผิดปกติ”
ผู้อำนวยการหงทักขึ้นมาทันทีว่า “อะไรล่ะ?”
“ข้อมูลการเคลื่อนไหวของผู้โจมตีที่พวกเรากำลังตามรอยอยู่ได้หายไปแล้วครับ…”
ใบหน้าของผู้อำนวยการหงเปลี่ยนเป็นสีเขียว
“นี่พวกแฮกเกอร์เจอเราแล้วเหรอ?”
วิศวกรความปลอดภัยของข้อมูลส่ายหัวแล้วบอกว่า “ผมมั่นใจว่าพวกเขายังหาเราไม่เจอ…พวกเขาทั้งหมดแค่จู่ๆ ก็เริ่มหายไปทีละคนๆ อย่างไม่ทราบสาเหตุครับ”
ผู้อำนวยการหงอยากจะถามเหลือเกินว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เสียงตะโกนดังลั่นก็ดังมาจากด้านข้างของเขา
“เว็บไซต์ของสภาการค้าและการพัฒนากลับมาใช้งานได้แล้วครับ!” ชายในชุดทหารกล่าว เขาลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้นแล้วพูดว่า “เหมือนพวกเขาจะยอมถอยแล้วครับ!”
ผู้อำนวยการหงขมวดคิ้วแล้วจ้องไปทางจออย่างละเอียด
“แต่ทำไมพวกเขาถึงยอมถอยล่ะ?”
วิศวกรคนนั้นส่ายหัว
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ…”
เขามั่นใจ 100% ว่าฝั่งที่โจมตีไม่มีทางรู้ว่าพวกเขากำลังตามรอยการเคลื่อนไหวข้อมูลของฝั่งนั้นอยู่
แต่ก็ไม่มีเหตุผลอื่นแล้วว่าทำไมคนพวกนั้นถึงยอมถอยแบบนี้
สิ่งที่เกิดขึ้นกับเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกโจมตีพวกนั้นมันน่าอัศจรรย์ใดมาก แต่หน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ก็ไม่ได้พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
การจับตัวผู้โจมตีไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะเจอการโจมตีระลอกสองตอนไหนก็ได้
ถ้าพวกเขาหาสาเหตุของการยอมถอยครั้งนี้ไม่ได้ พวกเขานอนไม่หลับคืนนี้แน่ๆ
ผู้อำนวยการหงมองไปรอบออฟฟิศแล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า
“สืบหาข้อมูลต่อไป การโจมตีหยุดแล้วก็ไม่สำคัญอะไร พวกเรายังต้องตามหาพวกมันอยู่!”
“รับทราบ!”
ถึงพวกเขาจะไม่ชนะในศึกครั้งนี้ แต่ก็ยังนับว่ามีชัยชนะเล็กๆ เกิดขึ้นอยู่
‘ทหาร’ ในออฟฟิศนี้กำลังสู้อยู่แนวหน้า
ผู้อำนวยการหงพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปในออฟฟิศ เขากำลังจะนั่งลงพอดีก็มีเสียงเคาะประตูมาขัดเขาเสียก่อน
“เข้ามาสิ”
ประตูเปิดออก แล้วเจ้าหน้าที่ร่างผอมแห้งก็เดินเข้ามา
“ผู้อำนวยการครับ!”
ผู้อำนวยการหง “อะไรล่ะ?”
“พวกเราได้รับอีเมลมาฉบับหนึ่งครับ…มันค่อนข้างจะพิเศษนิดหน่อย”
“อีเมลแบบไหนล่ะ?”
พวกเขาเจอไอพีแอดเดรสของผู้โจมตีแล้วเหรอ?
ผู้อำนวยการหงมีความสุขสุดๆ
เขาถามทันทีว่า “แล้วใครส่งอีเมลมา? พวกเรามีวิธีติดต่อเขากลับไหม?”
“ไม่ครับ…” เจ้าหน้าที่คนนั้นส่ายหัวแล้วพูดต่อ “อีเมลถูกลงชื่อว่ามาจากคนคนหนึ่ง”
“ใคร?”
“ดร. ซี ครับ…”
ผู้อำนวยการหง “…?”
ผู้อำนวยการหลี่ “???”
………………………