ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 927 ชิปคาร์บอน!
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 927 ชิปคาร์บอน!
หลังจากที่ลู่โจวได้รับอีเมลจากศาสตราจารย์อู๋ แม้ว่าตัวของเขาจะยังอยู่ที่ปักกิ่ง แต่ความสนใจของเขาก็พุ่งไปจินหลิงหมดแล้ว
หลังจากที่ลู่โจวมอบสุนทรพจน์ในพิธีปิดการประชุมเสร็จ เขาก็รีบเดินทางไปที่สนามบินแล้วขึ้นเครื่องบินไปจินหลิงทันที
ทันทีที่เครื่องบินลงจอด ลู่โจวก็ขึ้นรถหวังเผิงแล้วมุ่งหน้าตรงไปยังสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง
เมื่อลู่โจวเดินเข้าไปในห้องแล็บเซมิคอนดักเตอร์คาร์บอน ศาสตราจารย์อู๋เทียนเฉวียนและนักวิจัยของเขาก็กำลังง่วนอยู่กับอุปกรณ์ทดลองชิ้นหนึ่ง
เมื่อศาสตราจารย์อู๋เห็นลู่โจวที่หน้าประตู เขาก็ชะงักไปแป๊บหนึ่ง ก่อนจะถามว่า “นักวิชาการลู่? คุณ…กลับมาจากปักกิ่งแล้วเหรอ?”
เพิ่งเห็นเขาในถ่ายทอดสดทางทีวีเมื่อเช้านี้เองนะ…
“ผมรีบกลับมาน่ะ” ลู่โจวมองอุปกรณ์ทดลองที่อยู่ข้างหลังเขาแล้วถามว่า “ผมไม่ได้มารบกวนการทดลองของคุณใช่ไหม?”
“ไม่ ไม่เลย” ศาสตราจารย์อู๋เทียนเฉวียนส่ายหัวแล้วบอกว่า “การทดลองมันเสร็จไปแล้ว พวกเราแค่กำลังเก็บข้อมูลกันเฉยๆ “
“ดีแล้ว” ลู่โจวพยักหน้าแล้วพูดอย่างรวดเร็วว่า “แล้วเรื่องชิปคาร์บอนนี่คือ?”
ศาสตราจารย์อู๋เทียนเฉวียนยิ้มแล้วพูดว่า
“ชิปคาร์บอนอยู่ในอีกห้องแล็บหนึ่ง ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยผมก็เลยล็อกมันไว้ในตู้เก็บตัวอย่าง ตามผมมาสิ”
หลังจากแจกจ่ายงานให้กับนักวิจัยที่ทำงานให้เขา ศาสตราจารย์อู๋เทียนเฉวียนก็เดินออกจากห้องแล็บไปพร้อมกับลู่โจวเพื่อไปเข้าอีกแล็บหนึ่ง
ศาสตราจารย์อู๋เดินตรงไปที่ตู้เก็บตัวอย่างและไขกุญแจเปิดออก จากนั้นเขาก็ใส่ถุงมือและหยิบเครื่องแก้วสีน้ำตาลขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากตู้
“เพราะเจ้าชิปนี่ทำมาจากคาร์บอนมันก็เลยไวต่อแสงมากผมก็เลยเก็บมันไว้ข้างใน คุณอยากเห็นมันไหม?”
ในขณะที่ลู่โจวมองชิปขนาดเท่านิ้วหัวแม่โป้งที่วางอยู่ในเครื่องแก้วสีน้ำตาล เขาก็บอกมาว่า “ไม่เป็นไรครับ บอกผมมาว่ามันทำงานอย่างไรก็พอแล้ว”
“โอเค!”
ศาสตราจารย์อู๋เทียนเฉวียนกระแอม ก่อนจะอธิบายเรื่องการทำงานของชิปให้ลู่โจวฟัง
ชิปคาร์บอนนั้นเป็นโพรเซสเซอร์ที่ทำจากทรานซิสเตอร์คาร์บอนอย่างไม่ต้องสงสัย จากคำบอกเล่าของศาสตราจารย์อู๋เทียนเฉวียน เจ้าชิปเล็กๆ ชิ้นนี้มีทรานซิสเตอร์ท่อนาโนคาร์บอนบรรจุอยู่มากกว่า 100,000 ตัว
ถึงแม้ว่าจะห่างไกลอย่างมากเมื่อนำไปเทียบกับชิปซิลิคอนที่มีทรานซิสเตอร์อยู่หลายร้อยล้านตัว แต่คาร์บอนชิปชิ้นนี้ก็ยังสามารถทำการคำนวณคณิตศาสตร์ง่ายๆ ได้
เมื่อได้ยินอย่างนี้แล้ว ลู่โจวก็รู้สึกตื่นเต้นในใจ
ชิปคาร์บอนนี้เป็นของจริง!
แล้วมันหมายความว่าอย่างไรน่ะเหรอ?
ก็หมายความว่าทีมวิจัยของศาสตราจารย์อู๋เทียนเฉวียนคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ได้สำเร็จน่ะสิ!
สิ่งนี้จะส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เป็นอย่างมาก!
“…ในตอนนี้พวกเราสามารถทำทรานซิสเตอร์ขนาด 150 นาโนเมตรได้ ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีนี้จะยังห่างไกลจากการเติบโตถึงที่สุด มันก็ได้แสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่าในด้านความเร็วของการคำนวณ ด้านการใช้พลังงาน และด้านการสร้างความร้อน”
ศาสตราจารย์อู๋เทียนเฉวียนพักจังหวะไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “ที่สำคัญที่สุดก็คือชิปนี้ใช้กระบวนการเตรียมของ ‘การเคลือบผิวด้วยไอเคมีและการสกัด’ ซึ่งใกล้เคียงกับวิธีเตรียมวัสดุตัวนำยวดยิ่ง SG-1 ในทางทฤษฎีแล้วยังมีพื้นที่มากมายให้พัฒนาต่อไปอีก! ตอนนี้พวกเรากำลังมองหาวิธีที่จะลดค่าใช้จ่ายของกระบวนการผลิตชิปให้น้อยลงกว่านี้ และเพิ่มจำนวนทรานซิสเตอร์ต่อพื้นที่หนึ่งตารางเมตร
ถ้าพวกเราสามารถทำให้ทรานซิสเตอร์สามสิบล้านตัวต่อพื้นที่หนึ่งตารางเมตรได้ และสามารถพัฒนาการบีบอัดเทคโนโลยีให้เหลือขนาด 10 นาโนเมตรได้ล่ะก็ มันก็เป็นไปได้อย่างยิ่งที่ชิปนี้จะนำไปใช้ในการค้าขายได้! ความเหนือกว่าของชิปคาร์บอน เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับชิปซิลิคอนแล้ว มันเห็นได้ชัดเจนแจ่มแจ้งเลย!”
ลู่โจวถาม “การผลิตในจำนวนมากนั้นทำได้ยากแค่ไหนครับ?”
ศาสตราจารย์อู๋เทียนเฉวียนตอบ “มันก็ไม่ได้ยากไปกว่าชิปซิลิคอนหรอก! ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย มันแพงกว่าจริง แต่ผลงานที่ได้มาก็คุ้มค่า!”
ลู่โจวบอก “ทำได้ดีมากครับ ศาสตราจารย์อู๋!”
ศาสตราจารย์อู๋เทียนเฉวียนยิ้มเจื่อนๆ
“ก็ถ้าไม่ใช่เพราะธีสิสสองฉบับของคุณในนิตยสารเนเจอร์ที่ให้หลักทฤษฎีพื้นฐานมา เรื่องทั้งหมดนี้ก็คงจะเกิดขึ้นไม่ได้แน่ๆ ยังไม่นับเรื่องวัสดุตัวนำยวดยิ่ง SG-1 อีก ไม่มีทางที่พวกเราจะสร้างชิปคาร์บอนได้เลยถ้าไม่มีสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงคอยช่วยไว้”
ลู่โจวยิ้ม ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังแล้วพูดว่า “ส่วนเรื่องผลวิจัยผมอยากให้คุณเขียนรายงานมาสองฉบับ ฉบับหนึ่งเป็นเรื่องรายละเอียดทางเทคนิค เอาเป็นสรุปแบบคร่าวๆ มา ส่วนอีกอันหนึ่งขอให้ลงรายละเอียดชัดกว่าเดิม ทำตามฟอร์แมตของธีสิสวิจัยเลย เขียนทุกรายละเอียดทางเทคนิคลงไป อันหลังนั้นจะนำไปใช้ในการจดสิทธิบัตร”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของลู่โจว ศาสตราจารย์อู๋ก็พยักหน้าอย่างจริงจัง
“โอเค เดี๋ยวผมจะทำเลยแล้วกัน คุณอยากได้ตอนไหนเหรอ?”
ลู่โจว “ไม่ต้องรีบครับ ค่อยเอาให้ผมในอีกอาทิตย์หนึ่งก็ได้ หรือหลังจากนั้นหน่อยก็ยังได้ การทดลองของคุณยังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่”
ศาสตราจารย์อู๋ยิ้มแล้วบอกมาว่า “ไม่เป็นไรหรอก งานนี้มันไม่ได้รบกวนอะไรการทดลองอยู่แล้ว ผมการันตีได้เลยว่าสัปดาห์เดียว รายงานสองฉบับนี้ก็เสร็จแล้ว”
ลู่โจวพยักหน้าแล้วบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ขอบใจนะครับ เดี๋ยวผมจะกลับไปทำงานแล้ว”
ลู่โจวกำลังจะเดินออกจากห้องแล็บแล้ว แต่พอดีว่าเขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาหันหลังกลับไปมองศาสตราจารย์อู๋เทียนเฉวียน
“อ้อใช่ พรรคคอมมิวนิสต์จีนกำลังวางแผนจะฟอร์มทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถทางเทคนิคในด้านคอมพิวเตอร์ควอนตัมทอพอโลยี ผมก็เลยแนะนำชื่อคุณไป”
ถึงแม้ลู่โจวจะพูดด้วยท่าทีสบายๆ แต่นี่ถือเป็นข่าวใหญ่สำหรับศาสตราจารย์อู๋เทียนเฉวียน
ทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถทางเทคนิคที่ทำงานให้พรรคคอมมิวนิสต์จีน!
ปกติแล้วมีเพียงนักวิชาการและผู้นำทางวิชาการเท่านั้นที่จะสามารถเข้าทีมผู้เชี่ยวชาญในลักษณะนี้ได้ ยิ่งเป็นทีมที่นำโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนด้วยแล้วยิ่งยาก
ศาสตราจารย์อู๋ได้ทำเพียงแค่โครงการนักวิชาการฉางเจียงเท่านั้น ปกติแล้วเขาจะไม่มีโอกาสได้เข้าทีมแบบนี้เลยแม้แต่น้อย
ศาสตราจารย์อู๋สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพูดออกมาว่า
“ขอบคุณนะครับ!”
คำพูดนี้ให้ความรู้สึกแปลกๆ เพราะลู่โจวอายุน้อยกว่าเขามาก แต่เขารู้สึกขอบคุณจริงๆ
การได้เข้าร่วมในกลุ่มแบบนี้จะเป็นผลประโยชน์ต่องานด้านวิชาการของเขาเป็นอย่างมาก ทั้งทางด้านเส้นสายคนรู้จักและด้านคุณสมบัติการทำงานในอนาคต
ลู่โจวมองศาสตราจารย์อู๋แล้วบอกว่า
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ
ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย คุณทำสิ่งนี้ได้เพราะความพยายามของและการตั้งใจทำงานของคุณเอง
คุณควรจะขอบคุณตัวเองมากกว่า”
………………………