ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 929 ปีศาจ
ณ เรือนจำในแคลิฟอร์เนียตอนใต้
เมสันถูกผู้คุมสองคนผลักเข้าไปในห้องเยี่ยมนักโทษ
ประตูหนาที่ทำจากโลหะปิดลง ห้องเล็กๆ นั้นตกอยู่ในความเงียบ
ดวงตาของเมสันบวมเล็กน้อย มือของเขาถูกใส่กุญแจมือ และเขาก็มีท่าทางเหนื่อยล้า เขาจ้องไปที่ผู้ชายที่นั่งตรงข้ามเขา
คนตรงข้ามเขาเป็นชายวัยราวสี่สิบปีกว่าๆ แต่งตัวดีในชุดที่รีดมาแบบไร้รอยย่น เขาสวมนาฬิกาที่ดูมีราคาแพง เขาแต่งตัวเหมือนพวกคนมีเงินที่ประสบความสำเร็จในชีวิต แต่มือหยาบกระด้างนั่นต้องไม่ใช่คุณสมบัติของคนที่ทำงานอยู่ในออฟฟิศติดแอร์ทั้งวันแน่ๆ
เมสันนึกภาพไปไกลว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขายิ้มกว้าง
“ผมเดาว่าคุณคงไม่ใช่ทนายของผมหรอก”
“ทนายก็ช่วยคุณไม่ได้หรอก แต่พวกเราทำได้” ชายในชุดสูทยิ้มแล้วยื่นมือของเขาออกมา ขณะพูดว่า “ขอแนะนำตัวก่อน ผมชื่อแบรนดอน เมลเซน ตอนนี้ผมเป็นหัวหน้าของคุณแล้ว”
เมสันวางมือที่ยังถูกใส่กุญแจมืออยู่ไว้บนโต๊ะแล้วเริ่มยักไหล่ เหมือนกับเขาเพิ่งจะได้ยินมุกตลกจากปากของอีกฝ่าย
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ยืนตัวตรงแล้วมองไปที่เมลเซน
“ผมเกรงว่าคุณจะเข้าใจผิดแล้ว ผมเป็นคนรักชาติก็จริง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมเป็นทาสให้ทำเนียบขาวหรอกนะ”
“พวกเราไม่ได้มาจากทำเนียบขาว พวกเราคือซีไอเอต่างหาก”
รอยยิ้มของเมลเซนเลือนหายไป เขาขยับไปข้างหน้าแล้วจ้องเขม็งไปที่ดวงตาของเมสัน แล้วเขาก็กลับมานั่งลงพร้อมกับพูดว่า “ศาลยังไม่ได้ตัดสินบทลงโทษของคุณ แต่อ้างอิงจากพยานหลักฐานที่พวกเราเก็บมาจากบ้านของคุณ ต่อให้คุณจ้างทนายที่ดีที่สุดในแคลิฟอร์เนียมา คุณก็ยังต้องใช้เวลาตลอดชีวิตไปหลังตะแกรงคุกอยู่ดี”
เมลเซนหยุดพูดไปแวบหนึ่ง เขามีรอยยิ้มชั่วร้ายอยู่บนใบหน้า
“และคุณเมสัน คุณจะตกเป็นที่รักในนั้นแน่ๆ “
เมสันเลิกคิ้วอย่างเป็นกังวลพร้อมกับถามว่า “คุณหมายความว่าอะไร?”
เมลเซนยิ้มแล้วเฉลยว่า “ผมก็แค่จะบอกว่า คนในนั้นชอบผู้ชายผอมแห้งแบบคุณนะ”
ใบหน้าของเมสันเปลี่ยนเป็นสีขาว
หยดเหงื่อเริ่มไหลมาจากหน้าผากของเขา
เมลเซนยิ้มอย่างพอใจแล้วพูดต่อไปว่า “คุณจะมีเวลาคิดเรื่องข้อเสนอของผมก่อนที่จะถึงช่วงตัดสินคดี…ซึ่งก็แน่นอนว่าถ้าคุณเพิ่งจะอยากเปลี่ยนใจมาทำข้อตกลงหลังจากที่ใช้ชีวิตในคุกไปสักพักแล้วล่ะก็ ข้อเสนอที่ให้ไปก็อาจจะถือเป็นโมฆะ”
เมสันลังเลเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยออกมาว่า
“พวกคุณอยากให้ผมทำอะไร…”
เมลเซนยิ้มแล้วเริ่มเล่า “ซีไอเอต้องการผู้เชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ถ้าคุณช่วยพวกเรา พวกเราจะไม่เอาคุณไปขังคุกกับพวกนักโทษคนอื่น แล้วถ้าคุณทำงานได้ดีพวกเรายังจะลดโทษให้คุณได้ด้วย คุณจะได้เป็นอิสระในอีกราวๆ ห้าหรือหกปี”
ครั้งนี้เมสันลังเลอยู่นานมาก
เมลเซนมองนาฬิกาตัวเอง
เขาวางแผนว่าจะให้เวลาเมสันแค่สิบนาทีเท่านั้น
โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ได้คิดนานขนาดนั้น
หลังจากผ่านไปสามนาที เมสันก็พูดขึ้นมาว่า
“ผมตกลง…”
“เยี่ยมไปเลย ทีนี้พวกเราก็เป็นทีมเดียวกันแล้ว”
เมลเซนไม่ได้คิดว่าเมสันจะยอมตกลงด้วยไวขนาดนี้ แต่เขาไม่แปลกใจที่เมสันจะรับข้อเสนอ
เจ้าหน้าที่ซีไอเอเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วบอกว่า “ผมยังปลดกุญแจมือให้ไม่ได้ แต่สัญญาได้ว่าคุณจะถูกย้ายไปที่อื่นในอีกสามวัน”
เมสันรู้สึกกลัว เขาถามอย่างกังวลว่า “คุณจะพาผมไปไหน?”
“ยังบอกไม่ได้หรอก” เมลเซนกอดอกแล้วบอกว่า “ทีนี้ ผมจะถามคำถามกับคุณแล้วคุณต้องตอบคำถามให้ตรงตามความเป็นจริงด้วย นี่เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง”
“ว่ามาเลย” เมสันพูดด้วยน้ำเสียงยอมจำนน “แต่ต้องขอเตือนก่อนนะ ว่าถึงผมจะเป็นหัวหน้ากลุ่มอีเกิ้ลฮันเตอร์ผมก็ไม่รู้ตัวตนของสมาชิกแต่ละคนอยู่ดี”
เมลเซนยิ้มแล้วบอกว่า “คุณหมายถึงพวกเพื่อนร่วมขบวนการของคุณน่ะเหรอ? ไม่ต้องห่วงหรอก ทุกคนถูกจับหลังจากคุณราวครึ่งชั่วโมงกันหมดแล้ว…ขอนึกชื่อหน่อยนะ…โลนวูล์ฟ ฮันเตอร์ แล้วก็คิด…แต่รายหลังนี่โดนจับที่จีน
บางคนก็กำลังหนีอยู่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นแหละว่าเราจะจับพวกเขาได้ตอนไหน พวกเรารู้ตัวตนของพวกเขาแล้ว ต่อให้พวกเราปล่อยพวกเขาไป ประเทศจีนก็จะไม่ยอมแพ้อยู่ดี คุณน่าจะโน้มน้าวให้พวกเขายอมจำนนซะนะ ผมมั่นใจว่าพวกเขาน่าจะอยากถูกฝ่ายเราจับมากกว่าฝ่ายจีน”
โดนจับ…
ไปแล้วเหรอ?
หลังจากที่ได้ยินรายชื่อไอดีจากปากของเมลเซน ใบหน้าของเมสันก็เปลี่ยนเป็นสีขาวอีกรอบ เหงื่อเริ่มหยดจากหน้าผากอีกรอบหนึ่ง แววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความไม่เชื่อ
มันเป็นไปไม่ได้!
ฉันคิดว่าต่อให้ฉันถูกจับ คนอื่นก็ต้องหนีรอดไปได้
แต่ตอนนี้เจ้าหมอนี่กำลังบอกฉันว่าทุกคนโดนจับได้ในเวลาครึ่งชั่วโมงน่ะเหรอ?
นี่หมายความว่า เจ้าดร. ซีนั่นไม่ได้แค่แฮกคอมพิวเตอร์ฉันกับเซิร์ฟเวอร์ แต่เขายังสามารถแฮกสมาชิกคนอื่นของกลุ่มอีเกิ้ลฮันเตอร์ได้ด้วย
เจ้านั่นมัน…ยังใช่มนุษย์อยู่หรือเปล่า?
เมลเซนจ้องเข้าไปในดวงตาของเมสัน เขารู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างแปลกๆ จึงพูดขึ้นมาว่า “คุณต้องบอกทุกอย่างที่คุณรู้ออกมาให้หมด”
เมสันเริ่มพึมพำกับตัวเอง “ปีศาจ…”
“ปีศาจเหรอ?” เมลเซนขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ผมแนะนำให้คุณเลือกใช้คำดีๆ จะดีกว่า”
“มันเป็นปีศาจ! มันไม่ใช่มนุษย์ด้วยซ้ำ…”
ดวงตาของเมสันแดงก่ำ เขาใช้มือที่ยังถูกใส่กุญแจมืออยู่กุมหัวแล้วร้องว่า “นี่ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สามารถทำได้ มันเป็นไปไม่ได้!”
เมลเซนปราม “ใจเย็นก่อน พูดให้ชัดๆ พวกเราคิดว่าคนที่แฮกคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสงครามไซเบอร์ พวกเรามีผู้ต้องสงสัยสามคน และต้องการให้คุณยืนยัน…”
จู่ๆ เมสันก็พ่นลมทางจมูกเสียงดัง
เขาส่ายหัวแล้วพูดว่า “คนพวกนั้นน่ะเหรอ? พวกเขาเก่งก็จริง แต่ไม่ได้เก่งขนาดนั้น คุณเมลเซน ต่อให้แฮกเกอร์ที่ดีที่สุดก็ยังต้องทำตามกฎของฟิสิกส์ นอกจากจะเป็นคนที่มีพลังเหนือธรรมชาติ…ฟังนะ ผมไม่มีโอกาสได้สู้กลับเลย”
เมลเซนขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่คุณกำลังจะบอกก็คือพอคนคนนั้นแฮกคุณ คุณก็ทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ?”
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงล่ะก็ บางทีพวกเราอาจจะประเมินความสามารถในการทำสงครามไซเบอร์ของประเทศจีนต่ำไปเสียแล้ว
แล้วเมลสันก็ได้ยินคำที่เขาอยากได้ยินน้อยที่สุดดังมาจากปากของอีกฝ่าย…
“ใช่แล้ว” เมสันใช้ดวงตาอันแดงก่ำมองเมลเซน แล้วพูดขึ้นว่า “ผมไม่มีโอกาสได้ทำอะไรเลย พอมันมาแฮกผม มันยังส่งข้อความมายิ้มเยาะผมอยู่เลย…มันเป็นปีศาจ”
“ผมเป็นพวกไม่นับถือศาสนา ผมไม่เชื่ออะไรแบบนั้นหรอก” เมลเซนยักไหล่แล้วถามต่อ “แล้วยูสเซอร์เนมอะไรที่เขาใช้ตอนติดต่อมาหาคุณล่ะ?”
“นี่คุณไม่ได้ดูข่าวหรือไง?”
เมสันยักไหล่แล้วตอบคำถาม
“มันใช้ชื่อว่าดร. ซี
ก็ไม่ใช่ว่าคุณจะหามันเจอได้หรอกนะ…”
………………