ระบบย่อยสลายขั้นเทพ - ตอนที่ 119
บทที่ 119 ภัยร้ายที่แยบยล
แม่ของเจียงฮ่าวเองที่เลี้ยงลูกมากับมือนั้น เมื่อได้เห็นก็รู้ได้ในทันที เธอยิ้มออกมาแล้วพูดออกมาประโยคหนึ่ง
“ยัยเด็กนี่ อิจฉาได้แม้แต่กับซินเอ๋อเลยเหรอ”
คําพูดของแม่เจียงฮ่าวทําให้ทุกคนที่ได้ยินต่างก็หัวเราะออกมาในทันที
คืนนั้น ซิ่วไจ๋ยี่ได้ยินอยู่บนยอดตึกที่มีความสูงกว่าร้อยเมตร เธอมองลงไปยังเมืองเทียนเฮอในยามค่ําคืน
ตอนนี้ ด้วยความร่วมมือจากเจียงฮ่าว ปรมาจารย์หนุ่มคนนั้น ตอนนี้ภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้าได้ก้าวขึ้นไปอีกระดับ ประดุจดั่งเจดีย์เก้าชั้นแล้ว
เมื่อคิดได้ดังนั้น ซิ่วไจ๋ยี่ได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและทําการโทรออกไป
ปลายสายแทบจะรับสายในทันที
“กาลเวลาที่เก้า ปล่อยข่าวเรื่องภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้าได้รับปรมาจารย์ในการทําอาหารที่หนุ่มแน่นออกไปให้ฉันที”
“ได้ครับท่านผู้นํา”
เสียงตอบรับอย่างไม่ลังเลจากปลายสายได้ดังขึ้นมา
“อ้อ แล้วก็ข้อมูลต้องทําเป็นรั่วไหลออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจนะ”
“ได้ครับ”
หลังจากซิ่วไจ๋ยี่วางสายไป มุมปากของเธอก็ได้ยิ้มขึ้นมา
“คราวนี้ดูเหมือนว่าคงต้องหวังพึ่งปรมาจารย์หนุ่มน้อยคนนี้สักหน่อยล่ะนะ”
“…..”
เพียงไม่นาน เหล่าผู้อาวุโสในสังคมชั้นสูงในเมืองเทียนเฮอก็ได้รับรู้ว่าภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้าได้รับปรมาจารย์ด้านการทําอาหารที่หนุ่มแน่นมาหนึ่งคน
ขณะเดียวกันที่นอกเมืองเทียนเฮอ ในคฤหาสน์ที่ดูหรูหราหลังหนึ่ง ได้มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งรีบเดินเข้าไปยังห้องโถงด้วยท่าทีขึงขัง
หลังจากเขาได้เข้ามาถึงได้ไม่นาน ชายชราหนวดขาวพร้อมทั้งกลุ่มคนหนุ่มสาวก็ได้เดินออกมา
ในทันทีที่ชายชราคนนี้ปรากฏ ออร่าที่แข็งแกร่งก็ได้แผ่ออกมาจากเบื้องหลังราวกับว่ามันติดตามตัวเขาอยู่ตลอดเวลา
เมื่อชายวัยกลางคนได้เห็นดังนั้นก็ได้รีบเข้ามาพูดในทันที
“ปรมาจารย์หวู่ ท่าจะแย่แล้วครับ”
หวู่ชิได้นั่งลงด้วยท่าทีที่องอาจ เขามองไปยังชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า
“เชิญนั่งก่อน นายน้อยสอง”
ปรมาจารย์หวู่พูดออกมาอย่างเป็นกันเอง
“อะไรทําให้นายน้อยสองร้อนรนได้ขนาดนี้กัน”
นายน้อยที่สองแห่งตระกูลจิ๋วไม่ได้แสดงท่าที่อิดออดแต่อย่างใด เขารีบนั่งและพูดออกมาอย่างร้อนรน
“ปรมาจารย์หวู่ มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น”
“วันนี้ผมได้ข่าวมาจากช่องทางใต้ดินว่าหลานสาวที่น่าชังของผม ซิ่วไจ๋ยี่ได้พบปรมาจารย์ด้านการทําอาหารจากที่ไหนมาก็ไม่รู้”
“ยิ่งไปกว่านั้น ปรมาจารย์คนนั้นยังหนุ่มมากๆ ดีไม่ดีอายุจะไม่ถึงสามสิบเสียด้วยซ้ํา”
“ปรมาจารย์หวู่ เรื่องนี้ทําให้พวกเราตกอยู่ในที่นั่งลําบากแล้ว”
นายน้อยสองได้พูดออกมาอย่างร้อนลนจนเห็นได้ชัด
หลังจากได้ยินสิ่งที่นายน้อยที่สองแห่งตระกูลซิ่วพูดออกมา จากเดิมที่สุขุมนุ่มลึกนั้น เขาก็ได้ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางตกตะลึง
“อะไรนะ บรรลุตั้งแต่ยังไม่ถึงอายุสามสิบ”
แม้แต่ปรมาจารย์หวู่เองเมื่อได้ยินก็ยังต้องร้อนลน
ในฐานะที่เป็นประมาจารย์ด้านการทําอาหารคนหนึ่ง มีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่าการบรรลุในศาสตร์แห่งการทําอาหารนั้นยากเย็นขนาดไหน
กว่าเขานั้นจะบรรลุจนการเป็นปรมาจารย์ด้านการทําอาหารได้นั้นก็ล่วงเลยมาตอนอายุห้าสิบห้าปีเข้าไปแล้ว การที่อยู่ๆจะบอกว่ามีใครบางคนบรรลุได้ตอนอายุสามสิบปี ไม่สิก่อนอายุสามสิบปีนั้นมันมากเกินไปที่จะยอมรับได้
เมื่อได้ยินแบบนี้จะไม่ให้เขานั้นไม่ตกใจได้ยังไง
ยิ่งไปกว่านั้นคือ ปรมาจาย์คนนี้จะต้องเป็นที่ต้องขัดแย้งด้วยในอนาคต
สําหรับเขาแล้ว นี่เปรียบได้ดั่งข่าวร้าย
ต่อให้เขานั้นแม้จะได้ชื่อว่าเป็นปรมาจารย์เช่นเดียวกัน แต่กับสายตาคนนอกแล้ว ไม่ว่าใครก็ดูออกว่าใครที่เหนือกว่ากัน
อย่างไรก็ตาม การจะให้เชื่อว่าคนที่อายุยังไม่ถึงสามสิบปีแต่บรรลุระดับปรมาจารย์ในการทําอาหารได้นี่มันก็เกินไปจนไม่น่าเชื่อเช่นเดียวกัน
เมื่อคิดได้ดังนี้ ปรมาจาย์หวู่จึงได้ตั้งข้อสงสัยขึ้นมา
“นายน้อยสอง เรื่องนี้เชื่อถือได้จริงๆ”
นายน้อยสองเองที่ได้ยินดังนั้นก็ได้พูดออกมาตรงๆอย่างไม่อิดออด
“ปรมาจารย์หวู่ เรื่องนี้สมควรจะไม่ใช่เรื่องลวง เพราะข่าวนี้ได้มาจากสายลับที่อยู่ที่นั่น”
ยิ่งได้ยินคําพูดนี้ยิ่งทําให้ปรมาจารย์หวู่ยิ่งแข็งค้างไปในทันที
เขานิ่งเงียบอยู่นานก็ได้ปรากฏสายตาเจ้าเล่ห์ออกมาจากในดวงตา
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ที่พวกเราทําได้นั่นก็คืออาศัยจังหวะที่ฐานะของเขายังไม่มั่นคงนี้โจมตีก่อนถึงจะได้เปรียบ”