ระบบย่อยสลายขั้นเทพ - ตอนที่ 155
บทที่ 155 คิดว่าแคร์เหรอ
อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของเจียงฮ่าวยังคงไม่มีร่องรอยแห่งความกลัวเกิดขึ้นแม้แต่น้อย
“พวกแกเนี่ยน้า นึกอยากจะได้ของฉันแล้วคิดว่าแค่พูดออกมาจะได้ของฉันไปได้ง่ายๆรีไงกัน ทําไมไม่บอกฉันมาเลยล่ะว่าแกอยากได้หน้าฉันไปด้วยน่ะ”
“ไอ้ตัวโง่เง่า”
เจียงฮ่าวพูดออกมาด้วยน้ําเสียงไม่แยแส
ทั้งสี่คนก็ได้โกรธขึ้นมาใจทันที
“รน หา ที่ ตาย”
หลังจากหนึ่งในนั้นพูดออกมาด้วยน้ําเสียงอํามหิต ชายทั้งสี่ได้พุ่งตรงเข้ามาหาเจียงฮาวพร้อมกับเหวี่ยงไม้ไปตามจุดต่างๆของร่างกายเจียงฮ่าวจนบังเกิดเสียงทุบตีดังลั่น
เจียงฮ่าวยังคงไม่ขยับแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นแบบนี้ ทั้งสี่ต่างก็คิดว่าเจียงฮ่าวนั้นกลัวจนทําตัวไม่ถูกก็ได้เผยลอยยิ้มเยาะออกมาในทันที
อย่างไรก็ตาม เมื่อทั้งสี่คนคิดว่าโจมตีเจียงฮ่าวได้แล้ว ในตอนนั้นทุกคนก็ได้เห็นว่าเจียงฮ่าวได้เผยรอยยิ้มที่อํามหิตยิ่งกว่าออกมา
และในชั่วขณะต่อมานั้น พวกเขาทุกคนต่างก็รู้สึกราวกับเห็นแสงบางอย่างพุ่งผ่านดวงตา พร้อมกับความรู้สึก ที่ราวกับว่าโดนรถไฟพุ่งผ่านร่างของตนไป
ทั้งสี่คนในตอนนี้เบิกตากว้างจนแทบจะถลน พร้อมกับสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็นในขณะที่กําลังลอยออกไปคนละทิศคนละทาง
“อ้ากกกก”
คนทั้งสี่ได้ร่วงลงไปกองกับพื้นอย่างสมบูรณ์ พร้อมกับเสียงกรีดร้องที่อยากจะอธิบายถึงความเจ็บปวดที่พวกเขาได้รับ
เจียงเฉินได้หยิบท่อนไม้ที่ทั้งสี่คนนี้ใช้ ก่อนที่จะค่อยๆเดินเข้าไปหาคนทั้งสี่ที่ละก้าว ทีละก้าว
คนทั้งสี่ในตอนนี้กําลังกอดท้องตัวเองที่ตอนนี้กําลังเจ็บปวดมากจนร้องออกมาไม่ออก
และเสียงก้าวเดินของเจียงฮ่าวนั้น สําหรับพวกเขาแล้วไม่ได้ต่างจากเสียงของความตายที่เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ และเสียงนี้ได้จดจําฝังลึกไว้ในใจ
ทั้งสี่คนได้พยายามเงยหน้ามองก็เป็นจังหวะที่เจียงฮ่าวพึ่งจะมาถึงพร้อมกับท่อนไม้ที่พวกเขานํามาก่อนหน้านี้เจียงฮ่าวมองพวกเขาด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายที่สุดเท่าที่พวกมันเคยเห็นมาก่อนในชีวิต
ทั้งสี่คนกลัวอย่างมาก มากจนร่างกายสั่นเทิ้ม
“จะ จะ จะทําอะไรน่ะ”
“ข้า ข้าเป็นคนของกลุ่มหลิวหยุนนะโว้ย”
เมื่อเจียงฮ่าวได้ยินดังนั้น เขาก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด
“กลุ่มหลิวหยุน…โทษที่นะ พอดีว่าฉันไม่รู้จักว่ะ”
“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันไม่ต้องการอะไรมาหรอก ฉันแค่หักขาหมาเท่นั้นเอง”
เมื่อพูดจบ ภายใต้สายตาที่ประหวั่นพรั่นพรึงของคนทั้งสี่ เขายกท่อนไม้ขึ้นมาและก่อนที่จะฟาดลงไป
“อ๊ากกกกก
หลังจากร้องออกมาอย่างสุดใจขาดดิ้น ทั้งสี่คนก็ได้สลบไป
หลังจากเห็นทั้งสี่คนสลบไป เจียงฮ่าวก็ได้ส่ายหัวในทันที
“กระจอกฉิบ”
หลังจากนั้น เจียงฮ่าวได้ย่อยสลายอาวุธของตน แต่เขาก็ไม่ได้อะไรกลับมา
เจียงฮ่าวไม่ได้ใส่ใจและทําการออกไปจากพื้นที่ในทันที
และในเย็นวันนั้นเอง มีใครบางคนได้เดินผ่านตรงนั้นด้วยความบังเอิญก็ได้พบคนทั้งสี่นอนสลบอยู่จึงได้ทําการแจ้งตํารวจในทันที
แต่ความจริงแล้วเรื่องไม่ได้จบแค่นั้น
เมื่อเจียงฮาวกลับไปที่บ้าน แม่ของเขาก็ได้เตรียมข้าวเย็นไว้ให้แล้ว ทั้งครอบครัวได้นั่งกินข้าวร่วมกันอย่างอบอุ่นก่อนที่จะแยกย้ายไปทําในสิ่งที่ตัวเองจะต้องทํา
ส่วนเจียงฮ่าวนั้น ในระหว่างที่เขาเห็นประสบการณ์ของวัตถุโบราณนั้น เขาได้เห็นหนังสือหลายเล่ม และนี่ทําให้เขาเริ่มเขียนรายชื่อของหนังสือเหล่านั้น
นั่นก็เพราะ ถึงแม้ว่าเขานั้นจะเชื่อมั่นได้ว่าวัตถุโบราณที่เขาได้ที่นี้ ไม่ว่ายังไงก็เป็นของจริง แต่มันก็จะเป็นการดีกว่าหากว่ามีอะไรสักอย่างที่พอจะอ้างอิงถึงวัตถุโบราณที่เขาพบได้
แต่กระบวนการนี้ดูเหมือนจะมีปัญหาอยู่เหมือนกันเพราะว่ามันเยอะมาก
อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่เขานั้นสามารถกลับเข้าไปดูประสบการณ์ของวัตถุโบราณแต่ละชิ้นเมื่อไหร่ก็ได้นี่ทําให้เขาสามารถเขียนออกมาได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนไ
เอาจริงๆนี่สําหรับเขาแล้วถือว่าง่ายๆมากเลยด้วยซ้ํา
หนึ่งคืนที่เงียบงันได้ผ่านไป เช้าวันต่อมา เมื่อเตียงฮ่าวตื่นขึ้นมาและกินข้าวเสร็จแล้ว โทรศัพท์ของเขาก็ได้ดังขึ้น
“ใครกันอีกล่ะเนี่ย”
เจียงฮ่าวพูดออกมาอย่างสงสัยก่อนที่จะเปิดโทรศัพท์ขึ้นด
“อ้อ เจ้าอ้วนเท้าเล็กนี่เอง”
เจียงฮ่าวรับสาย
“ไงอ้วนน้อยเท้าเล็ก มีอะไรเหรอ”
เป็นตอนนี้ที่เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของอ้วนน้อยเท้าเล็กได้ดังออกมาจากโทรศัพท์
“หัวหน้าห้อง พวกเราเองตอนนี้ก็เรียนจบแล้ว หลังจากนี้พวกเราก็ต้องแยกย้ายกันไปอีก ตอนนี้ห้องอื่นเองก็เริ่มจัดงานเลี้ยงจบกันแล้ว นายคิดว่ายังไงบ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้…”
เมื่อเจียงฮ่าวได้ยินก็ประหลาดใจจนถามออกมา
“ไม่เร็วไปหน่อยเหรอ”
เป็นตอนนี้เองที่มีเสียงใสๆดังขึ้นมาจากอีกฝากฝั่งหนึ่งของโทรศัพท์
“หัวหน้าห้องที่ถามออกมานี่คงไม่ใช่ว่าจะให้พวกเราเลี้ยงจบกันตอนประกาศผลสอบหรอกนะ”
“เมื่อถึงตอนนั้นพอรู้ว่าคะแนนของตนไม่ดีจะมีใครสักกี่คนที่มีอารมณ์กินเลี้ยงกันล่ะ”
เมื่อเจียงฮ่าวได้ยินดังนั้น เขาก็รู้สึกว่ามันมีเหตุผลแบบสุดๆ นั่นก็เพราะคงไม่มีใครจะสบายๆได้เหมือนเขาอย่างแน่นอน