ระบบรักฉบับเทพบุตร - ตอนที่ 39
ตอนที่ 39 การแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว
วันรุ่งขึ้น หลินฟ่านก็ได้ลงชื่อเข้าใช้ระบบ ตามปกติเช่นทุกวัน
“ติ๊ง!!! ขอแสดงความยินดีผู้เข้าใช้ระบบที่ได้รับทักษะนักเขียน [ระดับนักเขียน·ระดับปริญญาโท]”
“ข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดข้างต้น ได้เข้าสู่ระบบความคิดของผู้ใช้โดยอัตโนมัติและผู้ใช้สามารถปรับใช้ในชิวิตจริงได้ตลอดเวลา
หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย หลินฟ่าน เคยเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นเวลาสามปีและทั้งหมดก็หยุดลง…หลังจากนั้นเขาก็เปิดร้านอาหารเล็ก ๆ และมาจนถึงวันนี้
หลังจากรับข้อมมูลดังกล่าวนี้แล้วหลินฟ่าน รู้สึกว่าเขามีความรู้ทางวิชาชีพมากมาย ในความคิดของเขาตอนนี้และเขาสามารถเข้าใจข้อดีและข้อเสียของหนังสือได้อย่างรวดเร็วและแม้กระทั่งความเข้าใจในบทละครของเขาก็พัฒนาขึ้นไปอีกระดับ
แต่ความสามารถเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์มากนัก ตอนนี้ หลินฟ่าน มีบ้านและรถ เขาแค่อยากมีชีวิตอยู่อย่างสงบ เก็บค่าเช่าทุกวันผ่อนคลายและสบายตัวและได้อยู่กับ เซี่ยหว่านชิว บ้างเป็นครั้งคราวก็เพียงพอแล้ว
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของ หลินฟ่าน ก็ดังขึ้น
“สวัสดีค่ะคุณหลิน ฉันเป็นผู้ช่วยของคุณ ซู่หยาง ในนามของ เยิ่นหัว ฉันอยากจะคุยเรื่องสัญญากับคุณ” เสียงผู้ช่วย
“เยิ่นหัว กรุ๊ป คุณซู่หยาง งั้นเหรอ” หลินฟ่านพูด
ซู่หยาง ยังเป็นศิลปินเบอร์ต้น ๆ และเขาก็ได้รับความนิยมอย่างมากเขากับ เซี่ยหว่านชิว เคยมีข่าวลือด้วยกัน
หรือว่า ซู่หยาง ต้องการให้เขาออกห่างจากเซี่ยหว่านชิว ?
หลินฟ่าน เข้าใจทันทีหลังจากนั้น หลินฟ่าน ได้เห็นความคิดเห็นดังกล่าวบน เว่ย์ปั๋ว โดยบอกว่า..มีเพียง ซู่หยาง เท่านั้นที่คู่ควรกับ เซี่ยหว่านชิว
นอกจากนี้ยังมีคนเขียนว่า… หลินฟ่าน ไม่คู่ควรกับ เซี่ยหว่านชิว แม้แต่นิดเดียว
หลินฟ่าน ไม่สนใจความคิดเห็นเหล่านี้ แต่โทรศัพท์จากผู้ช่วย ซู่หยาง ทำให้ หลินฟ่าน สนใจทันที
“ใช่ คุณหลิน บริษัท ของเราคิดว่าคุณมีศักยภาพในการพัฒนาที่ยอดเยี่ยมและเราต้องการเซ็นสัญญากับคุณโดยเฉพาะ เพื่อเป็นศิลปินของ บริษัท “
“และฉันสัญญาว่า..ฉันจะให้ละครคุณไม่น้อยกว่าห้าเรื่องและรายการวาไรตี้และซู่หยางจะสนับสนุนคุณเป็นการส่วนตัว เพื่อให้ได้แสดงภาพยนตร์เรื่องใหม่ๆ”
“คุณซู่หยาง หวังว่าคุณจะสามารถเข้าร่วมสังกัด กับบริษัทเราได้ ราคาสัญญากับคุณคือ …หนึ่งล้านหยวนต่อปีและนี่เป็นเพียงค่าธรรมเนียมการเซ็นสัญญาขั้นพื้นฐานเท่านั้นการเข้าร่วมรายการวาไรตี้และแสดงภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ ทั้งหมดจะถูกแบ่งออกเป็นเปอร์เซ็นต์ที่แน่นอนสำหรับคุณ หากคุณรับแสดง ละครห้าเรื่องหรือรายการวาไรตี้ห้ารายการต่อปี จากนั้นรายได้รวมแล้วที่คุณจะได้รับต้องมากกว่า 5 ล้านหยวน “
” ถ้าคุณหลินทำผลงานได้ดี บริษัท ยินดีที่จะสร้างแผน โปรโมท ให้กับคุณ และ รายได้ที่ตามมาจะขึ้นอยู่กับความสามารถส่วนบุคคลของคุณที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากคุณสามารถเป็นศิลปินแนวหน้า รายได้ต่อปีของคุณอาจสูงถึงหลายสิบล้าน “
” แน่นอนถ้าคุณสามารถเข้าถึง ศิลปินเช่น เซี่ยหว่านชิว และ ซูเสี่ยวหยู ค่าจ้างสำหรับการรับภาพยนตร์และละครโทรทัศน์อาจเริ่มต้นที่ 50 ล้านหรือ100ล้าน “ผู้ช่วยกล่าวและแสดงความจริงใจในฐานะตัวแทน เยิ่นหัว กรุ๊ป ทันที
เริ่มต้นด้วยเงินเดือนปีละหนึ่งล้านนอกจากนี้ยังมีภาพยนตร์และละครโทรทัศน์และรายการวาไรตี้ และแม้แต่แผนโปรโมท [สร้างดารา] ในสายตาของผู้ช่วยใคร ๆ ก็ต้องหวั่นไหวด้วยเงื่อนไขเช่นนี้
กุญแจสำคัญคือหลังจากเข้ามาใน บริษัท คุณมักจะได้เห็น เซี่ยหว่านชิว, ซูเสี่ยวยู๋ ซู่หยาง และคนดังคนอื่น ๆ และคุณอาจจะได้ทำงานร่วมกันหากมีโอกาส
เมื่อเผชิญหน้ากับความจริงใจของ เยิ่นหัว กรุ๊ป หลินฟ่าน ก็ยิ้ม
หลินฟ่าน ไม่ได้มีเงินมากนักเขามีเพียงสองล้านในบัญชีธนาคารของเขา แต่หลินฟ่าน ก็ไม่รู้สึกว่าต้องการหาเงินเพิ่มอีกในตอนนี้
อีกอย่าง เขาเป็นผู้ถือหุ้นอันดับสองของโรงแรม เรดิสัน นิวเซ็นจูรี่ส์ และจะได้รับเงินปันผลทุกปี
“ผมไม่มีความคิดที่จะเข้าร่วม กับ เยิ่นหัว กรุ๊ปในขณะนี้ผมต้องขอโทษ”
“ตอนนี้ผมแค่อยากเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ และมีชีวิตที่เรียบง่ายและสงบสุขและผมก็ไม่มีปัญหาเรื่องเงิน “หลินฟ่าน พูดแล้วยิ้ม
“โอเคค่ะ…คุณสามารถติดต่อฉันได้อีกครั้ง หากคุณเปลี่ยนใจนะคะ” ผู้ช่วยตอบด้วยความประหลาดใจในใจของเขา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
เพราะ … หลินฟ่าน ปฏิเสธคำเชิญชวนของ ซู่หยาง
…….
“คุยกับใคร” เสียงของหญิงสาวดังขึ้นจากด้านหลัง
“ฉันได้ยินว่านายพูดคุยเกี่ยวกับการเซ็นสัญญา” เซี่ยหว่านชิว มองไปที่ หลินฟ่าน ด้วยความสนใจ
“ซู่หยาง ไงล่ะ” หลินฟ่าน ยิ้มเล็กน้อยขณะมองไปที่ เซี่ยหว่านชิว
“แล้วนายเห็นว่าไง ” เซี่ยหว่านชิว กระพริบตาและเสียงอ่อนโยนลงทันที
“ไม่ว่าไง ได้ค่าสัญญาปีละแค่ 1 ล้าน เขาบอกมีแผนการโปรโมทให้ด้วย แต่ฉันปฏิเสธ” หลินฟ่าน ยิ้ม
หลังจากฟังแล้ว เซี่ยหว่านชิว ก็ผิดหวังเล็กน้อย เธอทำหน้าเศร้าที่ยังดูน่ารักเหมือนเดิม
“หืม…นายยังเป็นพ่อครัวของฉันอยู่ใครกล้ามาแย่งตัวคนของฉันโดยที่ไม่ถามความคิดเห็นฉันได้ยังไงกัน” เซี่ยหว่านชิว เปลี่ยนอารมณ์ทันที
“และจะแย่งนายไปทั้งทีจ่ายแค่ปีละหนึ่งล้านมันน้อยเกินไปหน่อยหรือไง” เซี่ยหว่านชิว พูดเบา ๆ แกล้งทำเป็นไม่พอใจ
“หมูน้อยที่รักของฉันพูดถูกแล้ว” หลินฟ่านยิ้ม
“เอาอีกแล้วนะ พูดหน้าไม่อายจริงๆ” เซี่ยหว่านชิว จ้องไปที่ หลินฟ่าน เธอขมวดคิวแต่ก็ยิ้ม
การที่ได้อยู่ร่วมกันในบ้านของ หลินฟ่าน ตลอดทั้งคืนเธอรู้สึกดีจริงๆ
……..
“นายช่วยพาฉันไปส่งที่บ้านของ เสี่ยวหยู หน่อยได้ไหม เธอกับฉันมีรายการวาไรตี้ใหม่ ที่จะถ่ายทำเร็ว ๆ นี้และฉันได้มีงานโฆษณาในวันนี้เลยจะค่อนข้างยุ่ง” เซี่ยหว่านชิว กล่าวพร้อมกับสีหน้าที่เหนื่อยล้า
“ฉันรู้ว่าเธอต้องพักผ่อนให้มาก เมื่อเธอมีงานยุ่งและเธอจะได้หายเหนื่อย” หลินฟ่าน พูด เพราะเขารู้ดีว่าวันนี้ เซี่ยหว่านชิว เหนื่อยและเธอจะรู้สึกผ่อนคลายที่สุดเมื่อตอนที่เธอได้อยู่เคียงข้างเขา
หลังจากฟังคำพูดของ หลินฟ่าน, เซี่ยหว่านชิว ก็เขินเธอยิ้มและเฝ้ามองดู หลินฟ่าน
และรู้ว่า หลินฟ่าน เป็นห่วงเธอมากแค่ไหน
เมื่อเห็นความน่ารักของ เซี่ยหว่านชิว เขาก็ต้องอดทนไว้ ทั้งที่ในใจอยากกอดเธอไว้ให้แน่นตลอดเวลา
กล่าวคือ หลินฟ่าน มีการควบคุมตนเองที่ดีมากและถ้าเขาควบคุมตนเองไม่ได้ เขาก็ทำให้เธอเป็นของเขาไปนานแล้ว
หน้าตาของ เซี่ยหว่านชิว สวยมาก บางครั้งก็แสดงออกด้วยตัวตนที่น่ารัก และทักษะการแสดงของเธอดีมาก ขายาวของเธอเป็นที่ดึงดูดสายตาของชายหนุ่ม และ หน้าอกของเธอสมบูณร์แบบมาก
ผู้หญิงที่นิสัยน่ารักแถมยังสวยขนาดนี้เธอคือสาวในฝันของผู้ชายส่วนมากก็ว่าได้
“เป็นห่วงฉันจริงเหรอ” เซี่ยหว่านชิว เริ่มเขินอายมากขึ้นใบหน้าสวยของเธอแดงระเรื่อ เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย ราวกับว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่บริสุทธิ์และอ่อนหวาน
“ลูกหมูที่ไหนกันถึงได้น่ารักขนาดนี้” หลินฟ่าน พูดหยอกและชม เซี่ยหว่านชิว อีกครั้ง และเขาก็ทำท่าเหมือนจะเข้ากอด เซี่ยหว่านชิว
“อยากโดนกัดอีกใช่ไหม!” เซี่ยหว่านชิว ดุขึ้นมาทันที
หลังจากทั้งสองหยอกล้อและทะเลาะกันสักพัก เซี่ยหว่านชิว ก็หัวเราะทั้งเหนื่อยและหอบ หลินฟ่าน ก็เหมือนกันและโซฟาก็ยุ่งเหยิงไปหมด
“เธอจะเริ่มรับงานแสดงเมื่อไหร่ ฉันไม่ได้ดูผลงานของเธอมาเป็นปีแล้ว” หลินฟ่าน ถามพลางมองไปที่ เซี่ยหว่านชิว
“อืม … ไม่มีบทดีที่ถูกใจ บทบางบทก็ดีนะ แต่ไม่มีใครที่เหมาะสมที่จะแสดงด้วย ดังนั้นฉันจึงไม่ได้แสดงมาเป็นปีแล้ว” เซี่ยหว่านชิว สบัดผมยาวของเธอและยิ้มอย่างนุ่มนวลราวกับว่าเธอไม่สนใจ
“หลินฟ่าน ฉันจำได้ว่านายเคยเขียนหนังสือมาก่อน นายอยากจะเขียนบทให้ฉันเล่นไหม แต่อย่าให้มีบทจูบนะ” เซี่ยหว่านชิว มองไปที่ หลินฟ่าน ด้วยความคาดหวังเล็กน้อย
“เขียนบทเหรอ เธอลองดูสิ ฉันเขียนต้นฉบับมาเยอะแล้ว แต่ยังไม่ได้เผยแพร่เลย”
“แต่ถ้าไม่มีอารมณ์ ก็เข้าถึงบทได้ยาก กว่าที่จะถ่ายทอดออกมา ต้องอิงกระแส ผู้ชมในตลาดว่ามักชอบดูรูปลักษณ์ของตัวละครหลักและการเข้าถึงอารมณ์ดราม่า แน่นอนว่าพล็อตเรื่องก็สำคัญที่สุดเหมือนกัน “หลินฟ่าน กล่าว
“ยังไง…ฉันไม่อยากจูบคนอื่น” เซี่ยหว่านชิว เม้มปากของเธอเพราะความอาย นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดของเธอ เธอรู้ว่าตลาดผู้ชมกำลังเปลี่ยนไปเช่นกัน แต่จูบแรกของเธอไม่ต้องการให้เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ
หลินฟ่าน มองไปที่ เซี่ยหว่านชิว
ถ้าเขาไม่สร้างผลงานในเลย ในวงการบันเทิงอีกสักสองสามปี ไม่ว่าตอนนี้เขาจะได้รับความนิยมแค่ไหนก็ตาม เขาก็จะถูกคนเหล่านั้นลืมไปในไม่ช้า
รายการวาไรตี้และโฆษณาเพียงอย่างเดียวก็ยังไม่สามารถเจาะเข้าไปในความทรงจำของคนทั่วไปได้
ผลงานแสดงเท่านั้นที่จะเป็นทุนให้ศิลปินยังมีชื่อเสียงอยู่ในแวดวงบันเทิงได้
แต่ เซี่ยหว่านชิว ไม่เต็มใจที่จะเข้าฉากจูบ แล้วเธอก็ไม่ได้รับแสดงละคร มานานแล้ว บริษัท ต้องการให้เธอกลับไปรับบทที่แปลกจากเดิม เธอจึงรู้สึกลำบากใจไม่น้อยกับสถาณการณ์ที่กดดันเช่นนี้
หลินฟ่าน ก็เข้าใจดี
มันบังเอิญมากที่เขามีทักษะนักเขียนและการเขียนบทที่ดีไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาในตอนนี้
สำหรับอนาคตของ เซี่ยหว่านชิว ตอนนี้หากทำอะไรเพื่อเธอได้เขาก็จะทำ
หลินฟ่าน มองไปที่ เซี่ยหว่านชิว ที่ยังคงทำหน้ามุ่ย เขาใช้มือแตะที่หัวของเธอและยิ้ม “ฉันจะเขียนบทให้เธอ แล้วฉันจะแสดงกับเธอได้ยังไง”
เซี่ยหว่านชิว เงยหน้าขึ้นมองตา หลินฟ่าน อย่างจริงจัง แล้วหลินฟ่านก็ ยิ้มรับอย่างอบอุ่น