ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 168 หยางอวิ๋น เจ้าต้องยื้อเอาไว้ให้ได้!
บทที่ 168 หยางอวิ๋น เจ้าต้องยื้อเอาไว้ให้ได้!
บทที่ 168 หยางอวิ๋น เจ้าต้องยื้อเอาไว้ให้ได้!
หยางอวิ๋นผู้เคลื่อนไหวช้ากว่า ทำได้เพียงมองอาจารย์ของเขาถูกผู้อื่นสวมกอด โทสะพลันพลุ่งพล่านขึ้นในใจ
ลู่หยวน… เป็นลู่หยวนอีกแล้ว!
ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหน เจ้านั่นก็ชอบขโมยจุดสนใจไป!
ถ้าไม่ใช่เพราะลู่หยวนในวันนี้ คนที่ได้กอดอาจารย์สำนักไว้ในอ้อมแขน ย่อมมีเพียงหยางอวิ๋นคนเดียวเท่านั้น!
ทุกคนเมินเฉยหยางอวิ๋นผู้เต็มไปด้วยความแค้นเคือง แต่สายตาของพวกเขาจับจ้องบุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้ยืนอยู่กลางอากาศ
ลู่หยวนในตอนนี้กำลังยืนอยู่กลางอากาศโดยอุ้มหลิงอวิ๋นไว้ในอ้อมแขน กลิ่นหอมกรุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของนางลอยมาเตะจมูก ให้ความรู้สึกสดชื่น อีกทั้งยังมีสัมผัสนุ่มนวลอยู่ในมืออีกด้วย
เฮ้อ…
แม้อาจารย์สำนักจะแต่งตัวไม่เก่ง แต่รูปร่างจัดว่าดีทีเดียว
ขณะลู่หยวนถอนหายใจ เจียงเชียนชิวผู้อยู่ไม่ไกลจ้องชายหนุ่ม ชนิดที่แทบจะกรีดร้องออกมาว่า “แล้วเจ้าเป็นใครอีก?!”
การโจมตีเมื่อครู่ เขาใช้พลังจากสมบัติศักดิ์สิทธิ์ไป หาไม่แล้วต่อให้ฉวยโอกาสตอนนางพลาดพลั้ง ก็อาจจะไม่สามารถบรรลุผลเมื่อครู่ จนเล่นงานหลิงอวิ๋นได้ทันที
โอสถต่างแดนใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เขาคิดว่าถ้าอดีตคู่หมายพ่ายแพ้ในวันนี้ ก็เป็นอันบรรลุเป้าหมาย
แต่ตอนนี้กลับมีบุรุษคนหนึ่งบุกเข้ามาช่วยเหลือนาง หากคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นหยางอวิ๋น เจียงเชียนชิวย่อมไม่สนใจมากนัก เพราะอีกฝ่ายเป็นเพียงขยะที่อยู่ขั้นเทียมเซียน
แต่บุรุษตรงหน้าไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นตัวตนที่ทำให้รู้สึกถึงหายนะ!
เขา เจียงเชียนชิวคือผู้สืบทอดตระกูลใหญ่ มีวิสัยทัศน์มากกว่าคนอื่น ผู้คนอาจไม่รู้สึกว่าแรงกดดันอันยิ่งใหญ่นั้นเล็ดลอดออกมาจากร่างของลู่หยวน พวกเขารู้แค่ว่า นับตั้งแต่ที่มันเริ่มปรากฏขึ้นก็เริ่มรู้สึกแน่นที่หน้าอก
มีศิษย์ที่อยู่ในสังกัดโถงสัตว์อสูรอยู่ ณ ที่นั้นเช่นกัน พวกเขาต่างสืบทอดสัตว์อสูร รวมถึงสัตว์เทพมาจากสำนัก นับตั้งแต่แรงกดดันเพิ่มขึ้น ก็เป็นกลุ่มแรกที่สัมผัสถึงมันได้ ต่อให้รากฐานการบ่มเพาะจะไม่ต่ำ แต่ก็ยังคงตกตะลึงจนไม่กล้าขยับ ความหวาดกลัวแผ่ซ่านไปทั้งร่าง
เจียงเชียนชิวทราบดีว่านี่คือพลังมังกร เป็นแรงกดดันจากสัตว์เทพในตำนาน ในสายตาของสัตว์อสูรชนิดอื่น ๆ แรงกดดันนี้คือกลิ่นอายของราชา เป็นตัวตนที่พวกเขาต้องยอมสวามิภักดิ์!
ศาสตร์ที่เจียงเชียนชิวบ่มเพาะคือศาสตร์สัตว์อสูร!
ในสายตาของเขา ลู่หยวนคือสิ่งมีชีวิตสูงสุด
หากต้องการจัดการกับชายหนุ่ม ต้องทะลวงฝ่าแรงกดดันนี้เสียก่อน หากใช้โอสถนั่น พลังโดยส่วนใหญ่ของเขาก็พอจะลองดูสักตั้งได้ แต่ตอนนี้ หากเผชิญหน้ากับลู่หยวน เขาแทบไม่มีโอกาสเอาชนะได้!
ลู่หยวนมองคู่กรณีด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ถามว่าข้าเป็นใครงั้นหรือ?”
เขาขบขันแผ่วเบา พลางเชยคางสตรีในอ้อมแขนขึ้น “หลิงอวิ๋นผู้นี้คืออาจารย์สำนักของข้า เจ้าคิดว่าข้าคือใครกันล่ะ?”
คนฟังสะอึกสองสามครั้ง เขาคล้ายกับเคยได้ยินว่าหลิงอวิ๋นไปพบเจอศิษย์ใหม่เข้าเช่นกัน
ดูเหมือนจะชื่อว่าลู่หยวน!
เจียงเชียนชิวขมวดคิ้ว หรือจะเป็นตระกูลลู่จากตำหนักธารสุญญะแดนเหนือ?
เขามองบุตรศักดิ์สิทธิ์ พลางถามว่า “ลูกชายเพียงคนเดียวของลู่เทียนเหอจากตระกูลลู่ แห่งตำหนักธารสุญญะแดนเหนือหรือ?”
บุรุษในชุดสีขาดห่มดำพยักหน้า “นั่นแหละข้า”
คู่กรณีกล่าวต่อ “ในเมื่อเจ้าเป็นสมาชิกของตระกูลชั้นสูงเช่นกัน ลู่หยวน เจ้าน่าจะเข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผู้อื่น มันคือเรื่องส่วนตัวของตระกูลเจียงกับตระกูลหลิง”
“ข้าเคารพเจ้าที่ตระกูลลู่เคยติดต่อกับตระกูลเจียงของข้า ในด้านความอาวุโส เราอยู่ในระดับเดียวกัน วันนี้ ข้าจะขอเรียกเจ้าว่าน้องชาย หวังว่าเจ้าจะไม่มาก้าวก่ายเรื่องของสองตระกูล หลังจบเรื่องนี้ ข้าและตระกูลเจียงย่อมรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง!”
ทันทีที่เจียงเชียนชิวกล่าวจบ เขาก็ยกมือขึ้นคารวะ นับว่าเป็นการไว้หน้าคุณชายลู่มากพอแล้ว
จากมุมที่ไม่มีใครมองเห็น ยันต์หลายสิบใบถูกเผาใต้แขนเสื้อของเจียงเชียนชิว ในกองกำลังจำนวนมากของแดนมัชฌิม เหรียญตราในแขนเสื้อของผู้อาวุโสตระกูลเจียงสั่นระริก
“คุณชายกำลังขอความช่วยเหลือ!”
พวกเขาหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ทันที และมุ่งหน้าสู่สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์
ดวงตาของลู่หยวนทอประกาย ใช้เนตรเทวะอยู่ชั่วพริบตาหนึ่ง ก่อนกลับเป็นปกติ
ทุกการเคลื่อนไหวของเจียงเชียนชิวอยู่ในสายตาของเขา เรื่องที่ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น บุตรศักดิ์สิทธิ์ย่อมรับรู้ได้เช่นกัน
หึ
ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นหรือ?
ใครเขากลัวกัน!
ลู่หยวนชำเลืองมองตรงไปยังอวี๋ฉู่ผู้อยู่ด้านข้าง อีกฝ่ายพลันรู้สึกพูดไม่ออก
ทำไมตอนนั้นเขาถึงเดิมพันกับเจ้าหนุ่มนี่กันนะ ดีแต่หาปัญหาใส่ตัวแท้ ๆ!
หากเกิดอะไรขึ้นกับหลิงอวิ๋น สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ต้องลงมือ ถึงตอนนั้น เรื่องราวจะกลายเป็นสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ให้การปกป้องอาจารย์สำนักหลิงอวิ๋นก่อนเจรจากับตระกูลเจียง
ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร สุดท้ายมันก็เป็นเพียงเรื่องการสร้างสมดุลระหว่างทั้งสองฝ่ายที่เขาต้องจัดการ
ลู่หยวนจะทำอะไร?!
หรือว่าเรื่องนี้จะบานปลายกลายเป็นเรื่องระหว่างตระกูลเจียงกับตระกูลลู่แทน!
แถมเด็กคนนี้ถึงกับตั้งตารอจะให้เป็นแบบนี้อย่างเปิดเผย หลายคนหันมามองเช่นกัน แม้จะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่มันคือการใช้ตำแหน่งของอวี๋ฉู่ในการกดดัน
ลู่หยวนไม่ทราบว่าอดีตเจ้าสำนักคิดมากไปถึงขั้นนั้นในเวลาอันสั้น เขารู้เพียงแค่ว่าเจียงเชียนชิวตายในวันนี้ได้ แต่หลิงอวิ๋นจะตายไม่ได้!
นางเป็นผู้กุมโชคชะตาในวิถีหอก ค่าโชคชะตานี้ เขายังไม่ได้มาครอบครอง!
หากนางตายในวันนี้ แผนที่เขาวางมาหลายวันไม่เท่ากับสูญเปล่าหรือ?!
เมื่อเห็นว่าลู่หยวนไม่พูดอะไร เจียงเชียนชิวคล้ายกับชำเลืองมองอวี๋ฉู่เพื่อขอคำแนะนำ ในใจเขาอดรู้สึกขุ่นเคืองไม่ได้
“น้องชาย เจ้าไม่เห็นด้วยหรือ?”
น้ำเสียงของคุณชายเจียงลุ่มลึกยิ่ง มันเจือด้วยความไม่พอใจ
ลู่หยวนสยายรอยยิ้มออกมา “เจ้าอยากให้ข้าเห็นด้วยมันก็ได้อยู่ ขอเพียงแค่เจ้า…”
ก่อนชายหนุ่มจะทันได้กล่าวจบ เขาก็ได้ยินเสียงตะโกนเกรี้ยวกราดดังอยู่ไม่ไกลนัก “ลู่หยวน ด้วยขั้นการบ่มเพาะของเจ้า มันไร้ประโยชน์!”
ทุกคนหันไปทางต้นเสียง พบว่าหยางอวิ๋นลุกขึ้นมาพร้อมกับหอก เข้าก้าวเข้ามากลางฝูงชน สายตาชำเลืองมองเจียงเชียนชิว พร้อมร้องตะโกนว่า “ไม่มีใครในวันนี้จะสามารถทำร้ายอาจารย์สำนักได้ทั้งนั้น!”
จากนั้น เขาก็จ้องศิษย์ร่วมสายอาจารย์อย่างโกรธเคือง ดวงตาคล้ายกับลุกเป็นไฟ พยายามจะแผดเผาบุตรศักดิ์สิทธิ์ให้สิ้น
เมื่อลู่หยวนกำลังจะกล่าวบางอย่างโต้ตอบไป ทว่าวาจาที่กำลังจะเอ่ยกลับถูกหยุดเอาไว้ เขาชำเลืองมองท้องนภา หมู่เมฆที่อยู่ไกลออกไปม้วนตัวอย่างบ้าคลั่ง ราวกับบางสิ่งที่ร้ายกาจกำลังตรงเข้ามา
หยางอวิ๋นยังคงต่อว่าเจียงเชียนชิวต่อ “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงกล้ามาทำร้ายอาจารย์สำนัก! ขอเพียงข้าหยางอวิ๋นยังอยู่ที่นี่ในวันนี้ เจ้าอย่าแม้แต่จะคิดเข้าใกล้นางเด็ดขาด!”
ลู่หยวนถอนสายตากลับ มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย เสียงของเขาถูกเค้นออกมา ลอยเข้าไปในหูของเจียงเชียนชิว
“พี่ชาย เจ้าก็เห็นแล้วนี่ คนที่ปฏิเสธเจ้าไม่ใช่ข้า แต่เป็นหยางอวิ๋นต่างหาก”
“ดูจากสีหน้าเคียดแค้นของเขาแล้ว เจ้าควรจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นค่อยมาหาหลิงอวิ๋น เราสองคนรอได้”
หลังจากกล่าวจบ ลู่หยวนก็หันหลังเหาะลงไปด้านล่าง ก่อนจะส่งกระแสจิตหาศิษย์พี่โง่เง่า “หยางอวิ๋น เจ้าต้องยื้อเอาไว้ให้ได้!”