ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 185 เจ้าจะช่วยหรือไม่
บทที่ 185 เจ้าจะช่วยหรือไม่?
บทที่ 185 เจ้าจะช่วยหรือไม่?
“ไม่ได้ไปคุกคามผู้ใดงั้นหรือ?”
ซุนอวิ๋นถิงยิ้ม แต่กลับมีจิตสังหารในดวงตา “เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลานชายของข้าต้องทะลวงล่าช้าเพราะลู่หยวน?!”
“หากหลานชายของข้าเสียโอกาสเพราะเรื่องนี้ขึ้นมา ข้าจะให้ทั้งลู่หยวนและเจ้าตาย!”
ใบหน้าของเซียวเทียนเต็มไปด้วยโทสะ กำลังจะพูดบางอย่างออกไป แต่ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนพลันปรากฏขึ้นรอบตัวเขา ตรึงบุตรแห่งโชคชะตาสายเลือดมังกรเอาไว้แน่นหนา จนไม่อาจส่งเสียงได้
“เซียวเทียน อย่าโอหังนัก!”
บรรพชนกระบี่กล่าวว่า “คำสั่งในครั้งนี้มาจากจักรพรรดินีฉวนจงโดยตรง ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้!”
ในใจของผู้ฟังเต็มไปด้วยโทสะ แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้
พลังมังกรที่เพิ่งปรากฏขึ้นในท้องนภาเริ่มสงบลงเช่นกัน ราตรีมืดมิดในท้องนภาค่อย ๆ จางหาย ถูกแทนที่ด้วยแสงสว่างยามเช้า กระทั่งมังกรก็ไม่อาจฝืนห้วงทิวาราตรี
ซุนอวิ๋นถิงจับจ้องไปที่ยอดเขาหอก ปราณดาบรวมตัวอยู่นานแล้วในความว่างเปล่า พร้อมกลิ่นอายสังหารแผ่กระจายออกไป
เขายกมือขึ้น สะบัดลงไปทางยอดเขาหอก ปราณดาบที่อยู่กลางอากาศเหวี่ยงออกไปกลางฟากฟ้า
ครืนนน!
ดาบขนาดใหญ่อันเกรี้ยวกราดราวกับการลงทัณฑ์ของสวรรค์ทั้งเก้าเคลื่อนลงมา ตัดผ่านความว่างเปล่ารอบข้างแตกสลาย แม้กระทั่งคลื่นพลังวิญญาณที่กำลังพรั่งพรูก็ถูกปิดกั้น
ฝูงชนชำเลืองสายตามองคนแล้วคนเล่า จากนั้นขมวดคิ้ว นอกยอดเขาหอก คล้ายกับมีใครบางคนกำลังยืนอยู่บนกระบี่!
ทุกคนต่างให้ความสนใจ เห็นเพียงสตรีในชุดสีขาวกลางผืนฟ้า มือถือกระบี่ยาว กลิ่นอายรอบข้างกำลังสั่นไหว โดยมีกระบี่ขนาดเล็กโอบล้อมรอบตัวนาง
สตรีนางนี้คือฉินอี่หาน
ลูกตาของเฉิงไท่หดลง ทั้งที่ไม่รู้ว่าไป๋ชิวเอ๋อร์เป็นหรือตายแท้ ๆ แต่ผู้ฝึกกระบี่หญิงกลับรนหาที่ตายอย่างนั้นหรือ?!
เขาตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ฉินอี่หาน มานี่!”
“ฉินอี่หาน ถ้าเจ้ายังไม่มานี่อีก วันนี้เจ้ากับข้าตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับศิษย์กัน!”
อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะเหลียวแลอาจารย์ สีหน้าของนางหนักแน่น ขณะยืนอยู่กับที่ไม่ไปไหน
เฉิงไท่เห็นดังนี้ เขาแทบจะหัวเราะออกมาเพราะโทสะ
ลู่หยวนคนนี้ร้ายกาจยิ่งนัก คนที่มีวาสนาอย่างฉินอี่หานถึงขั้นอุทิศตนเพื่อเขา!
เจ้าสำนักกัดฟัน เขารับศิษย์เพียงไม่กี่คนเท่านั้น หากต้องเสียทั้งหมดไป เขาก็ไม่ต่างจากเศษฝุ่นในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์!
เขากำลังจะดึงฉินอี่หานมาที่นี่ แต่อดีตเจ้าสำนักผู้อยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า “จะรีบร้อนไปทำไม? ข้าคิดว่าการโจมตีของซุนอวิ๋นถิงอาจไม่สามารถฆ่านางได้”
เจ้าสำนักตัวแข็งทื่อ “หมายความว่าอย่างไร?”
อวี๋ฉู่มองพลังวิญญาณไร้ที่สิ้นสุดที่พัวพันรอบนาง ก่อนยิ้มออกมา “นอกจากคนอย่างเจ้ากับข้าแล้ว ใครจะสามารถเหาะอยู่กลางอากาศได้โดยไม่ได้รับการส่งเสริมจากพลังวิญญาณจนเค้นพลังออกมาได้ คนที่เหลือจำเป็นต้องใช้อาวุธวิเศษจึงจะยืนหยัดในความว่างเปล่าได้”
“ดูฉินอี่หานคนนั้นสิ นางสามารถใช้พลังวิญญาณได้ แสดงว่าต้องมีเคล็ดวิชาบางอย่างเป็นแน่”
อวี๋ฉู่ชำเลืองมองเฉิงไท่ “ในฐานะที่เจ้าเป็นอาจารย์สำนักของฉินอี่หาน เจ้าอาจจะรู้เกี่ยวกับนางไม่มากนัก เจ้าคงรู้แค่ว่านางมีหัวใจที่งดงาม”
“แต่สาวน้อยคนนั้น แทบจะมองเห็นเจ้าอย่างทะลุปรุโปร่ง เจ้าก็เห็นแล้วว่านางไม่ได้สนคำพูดของเจ้าเลย นางต้องรู้แน่ ๆ ว่าต่อให้วันนี้เจ้าจะพูดจารุนแรงแค่ไหน เจ้าก็จะปกป้องนางอยู่ดี”
“เจ้าเด็กน้อย ทำไมไม่ลองดูก่อนว่าฉินอี่หานสามารถทำอะไรเพื่อปกป้องตัวเองได้บ้าง!”
สายตาของเฉิงไท่เคร่งขรึม ไม่ย่างก้าวไปไหน
ใช่แล้ว ดูเหมือนเขาจะยังรู้จักศิษย์ตัวเองไม่ดีพอ พูดให้ถูกก็คือ ไม่ว่าจะฉินอี่หานหรือไป๋ชิวเอ๋อร์ เขาก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย
เจ้าสำนักรู้เพียงแค่ว่า ทั้งสองฝึกฝนอย่างหนักยิ่ง พรสวรรค์ยอดเยี่ยม ส่วนนิสัยใจคอ เขาไม่ได้รู้อะไรเลย
ถ้าเป็นอย่างนั้น อาศัยช่วงเวลานี้ เพื่อดูการตัดสินใจของศิษย์ดีกว่า
เมื่อซุนอวิ๋นถิงเห็นฉินอี่หาน เขาก็ยิ้มหยันก่อนพยักหน้า
ดี!
พวกเจ้าทั้งคู่จะช่วยลู่หยวนสินะ!
งั้นก็ไปลงนรกซะ!
บรรพชนดาบคว้าท้องนภาด้วยมือขนาดใหญ่ หมู่เมฆเหนือความว่างเปล่ารวมตัวกลายเป็นดาบขนาดใหญ่ เสียงฟ้าร้องพลันดังขึ้นในหมู่เมฆที่เคลื่อนตัว จนเต็มไปด้วยพลังอันหนักอึ้ง เสียงคำรามราวกับความเกรี้ยวกราดของทวยเทพดังขึ้นในใจของทุกคน
ซุนอวิ๋นถิงกำมือขนาดใหญ่กลายเป็นหมัด จากนั้นกระแทกลงไปทางยอดเขาหอกด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี
ตูม! ตูม! ตูม!
หมู่เมฆสายฟ้าทรงพลังยิ่งเคลื่อนลงมา แรงกดดันมหาศาลเร่งความเร็วดาบขนาดใหญ่ที่เพิ่งฟาดลงไป เพียงพริบตา ทั้งดาบขนาดใหญ่และดาบเมฆาพลันเข้าถึงใบหน้าของฉินอี่หาน
ปราณกระบี่รอบตัวฉินอี่หานแตกสลายจนสิ้น พลังวิญญาณที่เคลื่อนผ่านยันต์สื่อสารกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เริ่มสลายเช่นกัน
แค่ในแววตาของผู้ฝึกกระบี่หญิงกลับไม่มีความหวาดกลัว ต่อให้นางต้องตายวันนี้ก็ช่าง แต่ลู่หยวนจะตายไม่ได้!
ฉินอี่หานเค้นลมปราณขึ้นมา คลื่นพลังวิญญาณที่พรั่งพรูตอบรับคำเรียกขานของนาง พลังวิญญาณส่วนหนึ่งถูกดึงมาที่นาง
ผู้ฝึกกระบี่หญิงรู้ตัวเองดี ด้วยพลังของนาง ต่อให้ระดมพลังวิญญาณทั้งหมดก็ไม่สามารถหยุดซุนอวิ๋นถิงได้ แต่ถ้าสามารถถ่วงเวลาได้สักหนึ่งลมหายใจก็เกินพอแล้ว!
นางชูกระบี่ยาวในมือขึ้น ให้พลังวิญญาณเคลื่อนตามการชี้นำของนาง จนก่อตัวเป็นกระบี่ขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว ฟาดฟันเข้าใส่ดาบขนาดใหญ่ที่กำลังโจมตีเข้ามา
ตูมม!!
พลังที่แตกต่างกันทั้งสองปะทะกัน พลังวิญญาณกระจายไปทั่วทุกหัวมุมของแดนมัชฌิม คลื่นพลังรุนแรงที่ทรงพลังกระจายไปรอบข้างเช่นกัน
แต่ทั้งดาบเมฆาและดาบขนาดใหญ่เหนือท้องนภาเพียงสั่นไหว ขณะคลื่นรุนแรงสลายไป ดาบขนาดใหญ่ทั้งสองยังคงฟาดฟันลงมา
ตอนนี้ฉินอี่หานยังคงยืนตัวตรง แต่มุมปากเต็มไปด้วยโลหิต หน้าอกถึงขั้นยุบลง เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บจากปราณดาบขนาดใหญ่เมื่อครู่
นางชูกระบี่ขึ้น โลหิตที่มุมปากย้อมกระบี่ยาวให้กลายเป็นสีแดง พลังวิญญาณรอบข้างเริ่มเคลื่อนตัวตามคำสั่งของนาง
ซุนอวิ๋นถิงมองผู้ฝึกกระบี่หญิงที่กำลังจะตายด้วยสายตาเหยียดหยัน
ที่ฉินอี่หานสามารถขัดขวางการโจมตีเมื่อครู่ได้ เพราะมีพลังวิญญาณเคลื่อนตัวมากเกินไป แต่ตอนนี้พลังวิญญาณแตกสลายไปทุกหัวมุมแล้ว หากจะรวมตัวอีกครั้งมันก็สายเกินไป!
ปราณดาบส่องแสงเจิดจ้า ก่อนฟาดฟันลงมาอีกครั้ง
เฉิงไท่รวบรวมพละกำลังเช่นกัน เตรียมที่จะยื่นมือเข้าช่วยทุกเมื่อ แต่ในตอนนี้ ฉินอี่หานผู้ยืนอยู่กับที่พลันยิ้มออกมา
คราบโลหิตที่มุมปากขับเน้นให้รอยยิ้มดูยั่วเย้า
ซุนอวิ๋นถิงยิ้มหยัน ฉินอี่หานผู้นี้เสียสติไปแล้ว ในเวลาแบบนี้ยังยิ้มออกมาได้อย่างไร?!
เหอะ… ข้าไม่รู้หรอกนะว่าหลังจากได้ไปพบพญามัจจุราชแล้วจะยังยิ้มออกอีกหรือเปล่า!
ในตอนนี้ ฉินอี่หานชูกระบี่ยาวขึ้น ชี้ไปที่ทิศทางหนึ่ง
พลังวิญญาณนับไม่ถ้วนที่กระจายอยู่ในแดนมัชฌิมล้วนเคลื่อนตัว ก่อเกิดเป็นกระบี่ขนาดใหญ่ในพริบตา ก่อนฟาดลงไปยังทิศนั้น
พลังกระบี่สูงสุดแข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนขัดขืนดาบขนาดใหญ่เมื่อครู่ พลังของกระบี่รุนแรงขึ้นในทันที มันกดทับและทะลวงยอดเขาตามทางจำนวนมาก
ทุกคนสับสน หรือว่าฉินอี่หานจะเสียสติไปแล้ว?!
ตอนนี้นางถึงกับถ่ายพลังวิญญาณทั้งหมด เพียงเพื่อฟันไปที่อื่นงั้นหรือ?!
หลังจากซุนอวิ๋นถิงตกตะลึงสักพัก สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นหนักอึ้งทันที
จุดที่กระบี่ขนาดใหญ่ฟาดลงไป คือที่ที่หลานชายของเขาซุนซิงเหอทำการทะลวงอยู่!
ฉินอี่หานผู้นี้ใช้วิธีล้อมเว่ยช่วยจ้าว!*[1]
ซุนอวิ๋นถิงชำเลืองมอง เห็นแค่ว่าสีหน้าของผู้ฝึกกระบี่หญิงยังคงเหมือนเดิม รอยยิ้มที่มุมปากคล้ายกับจะบอกซุนอวิ๋นถิงว่า ‘หลานชายของเจ้า เจ้าจะช่วยหรือไม่?’
[1] การบุกเข้าโจมตีในจุดที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย โจมตีในจุดที่ศัตรูไม่ได้เตรียมการตั้งรับและคอยระวังป้องกัน ย่อมถือว่าได้เปรียบและได้รับชัยชนะมาแล้วครึ่งหนึ่ง