ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 187 ท่านปู่ ช่วยข้าด้วย!
บทที่ 187 ท่านปู่ ช่วยข้าด้วย!
บทที่ 187 ท่านปู่ ช่วยข้าด้วย!
เมื่อเห็นโอกาสจากทัณฑ์อัสนีของซุนซิงเหอ เฉิงไท่ก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมา ปรากฏการณ์ที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า เป็นสัญญาณว่าเส้นชีพจรวิญญาณบริสุทธิ์ได้รับการซ่อมแซมแล้ว
แต่เหตุใดลู่หยวนและไป๋ชิวเอ๋อร์ถึงยังไม่เคลื่อนไหวอีกล่ะ?!
เฉิงไท่มองยอดเขาหอกที่อยู่ไกลออกไป แต่ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ตูม! ตูม! ตูม!
ทัณฑ์อัสนีมังกรเกล็ดพลันปรากฏขึ้นอีกครั้ง พลางเคลื่อนลงสู่ที่ใดสักแห่งในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์
เมื่อเสียงคำรามของอัสนีดังขึ้น เสียงฟ้าร้องขนาดใหญ่พลันปกคลุมเกือบทั่วโลก แผ่แรงกดดันมาพร้อมกับมันเช่นกัน
ศิษย์ในสำนักจำนวนมากไม่อาจทนกับแรงกดดันดังกล่าวได้ ต่างก็มีสีหน้าซีดเผือด โลหิตเดือดพล่านในอก จนอาจารย์สำนักหลายคนต้องลงมือพร้อมกันเพื่อปกป้องพวกเขา
กรร!
เมื่อมังกรเกล็ดสีม่วงเคลื่อนลง เพียงเสียงร้องของมังกรดังขึ้น สายฟ้าสีม่วงก็ทำลายล้างยอดเขาลูกนั้นทันทีจนแผ่นหินศิลาทั้งหลายพังทลาย
ผ่านไปหลายอึดใจ ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในสายฟ้าสีม่วงโดยมีมังกรเกล็ดสามหัวลอยอยู่เคียงข้าง
สายตาของซุนอวิ๋นถิงเต็มไปด้วยความยินดี ร่างดังกล่าวคือซุนซิงเหอ ขอเพียงอีกฝ่ายสามารถทำความเข้าใจมหาวิถีในช่วงการเกิดปรากฏการณ์มังกรเกล็ดอัสนีแม้เพียงเล็กน้อย เขาก็จะได้รับพลังสูงสุดมาครอบครอง!
ในตอนนี้ ท่ามกลางยอดเขาหอกที่อยู่ไกลออกไป เสียงร้องของมังกรเจินหลงปกคลุมอากาศ จนทั่วโลกสั่นสะเทือน ครั้นทุกคนหันมองก็เห็นเพียงร่างหนึ่งที่เคลื่อนไหวรวดเร็วพุ่งทะยานออกมาจากทัณฑ์อัสนีในทันที
อวี๋ฉู่กุมขวดน้ำเต้าในมือยามจับจ้องมังกรเจินหลงตาไม่กะพริบ พึมพำว่า “ข้าไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม นี่คือมังกรเจินหลงอย่างนั้นหรือ?!”
เมื่อบรรพชนดาบเห็นดังนี้ เขาก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่า ๆๆๆๆ หลานชายของข้ายอดเยี่ยมยิ่งนัก เขาถึงกับเรียกมังกรเจินหลงออกมา และยอมรับเป็นเจ้านายในช่วงทัณฑ์อัสนี!”
“หลานชายซิงเหอของข้าจะต้องเลื่อนขั้นจากเทียมเซียน เพื่อกลายเป็นเทียมเทพอย่างแน่นอน!”
เสียงของซุนอวิ๋นถิงแทบกึกก้องไปทั่ว แม้กระทั่งราชวังแดนมัชฌิมก็ถูกห้อมล้อมด้วยเสียงหัวเราะบ้าคลั่ง
…
ในส่วนลึกของวัง สตรีนางหนึ่งในชุดคลุมหรูหรายืนตระหง่านอยู่ในห้องโถงโอ่อ่า พลางถือตำราโบราณเอาไว้ในมือเรียวงามและอ่านมันอย่างตั้งใจ
พลังมังกรมหาศาลจากภายนอกไม่สามารถส่งผลกระทบต่อสิ่งที่อยู่ข้างในได้ แต่ก็ยังคงมีเสียงดังแทรกเข้ามา นางขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนวางตำราในมือหยกทันทีแล้วเงยหน้าขึ้น ร่องรอยความเจ็บปวดฉายชัดในดวงตา
เมื่อชายชราที่กึ่งคำนับอยู่ด้านข้างเห็นดังนี้ จึงก้าวมาหาพลางเอ่ยถามว่า “ฝ่าบาทรู้สึกไม่ดีอย่างนั้นหรือ ต้องการให้ข้าไปทำให้เสียงภายนอกเงียบลงหรือไม่?”
เสียงของเขาเรียบเฉยราวกับซุนอวิ๋นถิงผู้กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเป็นเพียงมดที่สามารถถูกบดขยี้จนตายได้
คนฟังไม่ตอบอะไรอยู่หลายอึดใจ ก่อนจะส่ายหน้า มีเหงื่อเย็นบนหน้าผาก สีหน้าซีดเผือดขึ้นมา
“ไม่มีปัญหา ไม่ได้เกี่ยวกับโลกภายนอกหรอก ก็แค่อาการป่วยเดิมของข้าเท่านั้น”
“เสียงภายนอกนั่น คือซุนอวิ๋นถิงหรือ?”
ชายชราพยักหน้า ตอบด้วยความเคารพยิ่งว่า “ทูลฝ่าบาท ถูกต้องแล้ว”
“ฟังแล้วเหมือนจะเกี่ยวกับหลานชายของเขา ไปตรวจสอบให้หน่อย”
หลังจากสตรีผู้นั้นกล่าวพลางเดินไปทางตั่งนุ่มในห้องโถง สาวใช้จำนวนมากก็ก้าวเข้ามารับใช้ ห่มให้ผ้าคลุมปกปิดร่างของหญิงสาว
ชายชราคำนับก่อนยกมือขึ้น “พ่ะย่ะค่ะ!”
หลังจากยืนตัวตรงอีกครั้งจนสามารถมองเห็นใบหน้าได้ชัดเจน พบว่าชายชราคนนี้ดูเหมือนชายหนุ่ม ถึงแม้เสียงจะแก่เฒ่ายิ่ง แต่ใบหน้าก็ยังดูอ่อนเยาว์ ระหว่างคิ้วของเขามีรอยย่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น… เพียงแต่ที่แก้มข้างซ้ายมีรอยแผลปรากฏอยู่ ดูน่าสะพรึง
หากยอดฝีมือมีชื่อในแดนมัชฌิมพบชายผู้นี้เข้า ไม่ว่าใครก็ต้องเกิดความรู้สึกเคารพอยู่ในใจแน่นอน เขาคือองครักษ์คนสนิทของจักรพรรดินีฉวนจง มู่พ่านซาน!
เขาอ้างตนว่ามีรากฐานการบ่มเพาะอยู่ในขั้นจ้าวยุทธ์ แต่เมื่อหลายสิบปีก่อน คนผู้นี้กลับฆ่าจ้าวยุทธ์คนหนึ่งด้วยหนึ่งฝ่ามือ
พลังของมู่พ่านซานเป็นปริศนาในแดนมัชฌิม บางคนบอกว่าเขาคือขั้นเทียมเซียน บางคนบอกว่าเขาคือขั้นเทพยุทธ์ บางคนบอกว่า มู่พ่านซานสามารถทะลวงขั้นสู่สวรรค์ได้ แต่เป็นเพราะไม่สามารถออกห่างจากจักรพรรดินีฉวนจงได้ จึงยังคงอาศัยอยู่ในแผ่นดินหยวนหง
มู่พ่านซานออกจากห้องโถงหลัก ส่งสัมผัสเทวะออกไปตรวจสอบสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์
…
ในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ในตอนนี้สายตาของซุนอวิ๋นถิงกำลังจับจ้องมังกรเจินหลง เขาตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลี้ยงดูมันอย่างไร
มังกรเจินหลงตัวนี้เป็นดั่งราชาในหมู่สัตว์เทพ จึงไม่สามารถทำสัญญาโดยตรงได้ หาไม่แล้วจะเป็นการจำกัดการเติบโตในอนาคตของมัน ตอนนี้มันมาที่นี่ด้วยตัวเอง แสดงว่ามันน่าจะยอมรับซุนซิงเหอเป็นเจ้านาย จึงไม่จำเป็นต้องทำสัญญา
เช่นนั้นก็ต้องนำทรัพยากรของศิษย์ไร้ประโยชน์ในสำนักเหล่านั้นมาแบ่งให้มังกรเจินหลง!
ทว่ามังกรเจินหลงที่ลอยอยู่รอบทัณฑ์อัสนีไม่ทราบว่าใครบางคนที่อยู่ด้านล่างกำลังวางแผนจะทำอะไร ดวงตามันจับจ้องไปที่มังกรเกล็ดสีม่วง เสียงร้องทุ้มต่ำยังคงเล็ดลอดออกมาจากปากของมัน
มังกรเกล็ดสีม่วงคล้ายกับสัมผัสถึงเสียงเรียกของมังกรเจินหลงได้ ผ่านไปสักพัก หมู่เมฆทั้งหมดเริ่มสั่นไหว สายฟ้านับไม่ถ้วนถูกดูดกลืนเข้าไปในเมฆา ทะเลเมฆสีดำราวกับน้ำหมึกเริ่มสลายไป เหลือทิ้งไว้เพียงมังกรเกล็ดสายฟ้าสีม่วง
ทุกคนขมวดคิ้ว มังกรเกล็ดสายฟ้านี้คือร่างจำแลงของทัณฑ์อัสนี มันควรจะอยู่บนพื้นโลกแค่ชั่วคราว ก่อนจะกลับสู่ท้องนภา
สภาพเช่นนี้ให้อยู่บนโลกได้อย่างไร?!
ซุนอวิ๋นถิงจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้างเช่นกัน อาวุธวิเศษที่เขามอบให้กับหลานชายสามารถทำให้รอดจากทัณฑ์อัสนีได้ครึ่งชั่วยาม หากนานไปกว่านี้ อาวุธวิเศษจะต้องไร้ประโยชน์แน่นอน!
ถึงตอนนั้นหากทัณฑ์อัสนียังอยู่ ซุนซิงเหอคงหมดสภาพอย่างเป็นแน่!
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ เหนือท้องนภา หมู่เมฆสีดำทั้งหมดจางหาย ดวงอาทิตย์กลับสู่โลกอีกครั้ง แต่มังกรเกล็ดอัสนียังคงลอยอยู่รอบหลานชายบรรพชนดาบ เสียงเปรี๊ยะ ๆ ดังมาจากสายฟ้าสีม่วง ห้อมล้อมเขาเอาไว้
ซุนซิงเหอผู้อยู่ใจกลางสายฟ้าปกป้องเส้นชีพจรเอาไว้ เสื้อผ้าทั้งหมดบนร่างกายถูกทำลายเพราะสายฟ้า จนเหลือเพียงชุดเกราะล้ำค่าที่อยู่บนร่างกายคอยปกป้องเขาจากสายฟ้ารอบข้าง
ในตอนแรก เขารักษาอาการสงบเพื่อบ่มเพาะได้ แต่หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ชายผู้นี้ก็หมดความอดทน จนถึงขั้นได้กลิ่นบางอย่าง มันเหมือนกับกลิ่นย่างเนื้อที่มาพร้อมความเจ็บปวดคมปลาบที่ทำให้หนังศีรษะชาด้าน
กลิ่นนี้มาจากร่างกายของเขา!
เมื่อซุนซิงเหอก้มมองก็พบว่าเนื้อช่วงน่องถูกย่างไปนานแล้ว
ในตอนนี้ เขาจะไปมีความคิดทำความเข้าใจวิถีแห่งสวรรค์ได้อย่างไรอีก สายฟ้าร้อนแรงยังแล่นต่อไปไม่หยุด ไม่ช้าก็มาถึงต้นขา หากมากกว่านี้รากฐานการบ่มเพาะของเขาคงถูกทำลายลงทั้งเป็น!
ในใจของซุนซิงเหอหวาดกลัว เขาหยิบอาวุธวิเศษทั้งหมดในร่างกายออกมา ต้องการปกป้องขาของตนเอาไว้ และอดที่จะตะโกนเสียงดังไม่ได้ “ท่านปู่ ช่วยข้าด้วย!”
เมื่อถูกทัณฑ์อัสนีกักขังเอาไว้ ซุนอวิ๋นถิงจะได้ยินเสียงของหลานชายได้อย่างไร
ทว่าในยามสิ้นหวัง มังกรเจินหลงพลันหันขวับมาหา มันแผดเสียงคำรามต่ำออกมา เมื่อปากอ้าออก สายฟ้าทั้งหมดที่อยู่โดยรอบซุนซิงเหอก็ถูกดูดเข้าไปในท้องของมันทันที