ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 190 ดาบเพลิงสีม่วง
บทที่ 190 ดาบเพลิงสีม่วง
บทที่ 190 ดาบเพลิงสีม่วง
ซุนอวิ๋นถิงมองยอดเขาดาบที่อยู่ไกลออกไป ปราณดาบพรั่งพรูราวกับคลื่น ในขณะศิษย์จำนวนมากที่อยู่ในสำนักของเขากำลังถืออาวุธวิเศษ หมายจะหลบหนีไปให้พ้น แต่ปราณดาบรุนแรงได้ปิดกั้นทั่วทั้งยอดเขาดาบ
ปราณดาบมหาศาลรุกคืบอย่างบ้าคลั่ง จนก้อนเนื้อปลิวว่อนไปทั่ว
โลหิตสีชาดถูกย้อมทั่วทั้งยอดเขาดาบ ซุนอวิ๋นถิงจับจ้องมองไปไม่ไกลนักด้วยดวงตาแดงก่ำ
ศิษย์เหล่านี้ล้วนถูกคัดเข้ามาทีละคนอย่างยากลำบาก พวกเขาหลายคนเป็นที่คาดหวังของเขาเช่นกัน!
ตอนนี้กลับหายไปแล้ว…
ซุนอวิ๋นถิงอยู่ในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์มาหลายปี ทุกสิ่งที่เขาฟูมฟักมาหายไปหมดสิ้น
“หืม ซุนอวิ๋นถิง ปราณดาบของเจ้าไม่เลวเลยนี่”
เสียงเกียจคร้านดังมาจากด้านข้าง บรรพชนดาบชำเลืองมองอีกฝ่าย บุตรศักดิ์สิทธิ์ยืนเอามือไพล่หลังด้วยสีหน้าสงบ “ข้าจำได้ว่า ในบรรดาคนที่เจ้าจัดการไปเมื่อครู่ มีหลายคนอยู่ในรายชื่อประลองใช่หรือไม่ แถมคนเหล่านั้นเป็นยอดฝีมือที่สุดบนยอดเขาดาบของเจ้า น่าเสียดาย ๆ”
คุณชายจากตำหนักธารสุญญะแสร้งถอนหายใจ แต่มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“ลู่หยวน!”
ซุนอวิ๋นถิงแทบจะเค้นสองคำนี้ออกมาจากลำคอ พลังรอบข้างปั่นป่วนอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน เจตจำนงกระบี่ไร้ที่สิ้นสุดพุ่งมาที่ด้านหลังชายหนุ่ม
หมู่เมฆสีดำม้วนตัวราวกับน้ำหมึก สายฟ้าสีม่วงแลบปลาบไปมาเช่นกัน
สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ลอยอยู่ในอากาศ ได้รับผลกระทบจากพลังอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้เช่นกัน ทำให้มันเริ่มสั่นสะเทือน ในขณะที่บรรพชนดาบคล้ายกับถูกมารครอบงำ ทั้งแววตาเกรี้ยวกราดกับฟันที่ขบเข้าหากัน เส้นผมบนศีรษะตั้งชูชัน พลางจ้องมองลู่หยวนตาไม่กะพริบราวกับอยากเผาอีกฝ่ายให้เป็นจุณ
ศิษย์เหล่านี้ถูกปราณดาบของเขาฆ่าจริง แต่นี่ไม่ใช่ความตั้งใจของเขา!
มันเป็นเพราะลู่หยวน!
ใช่… เป็นเพราะมัน!
เป็นเพราะบุตรศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้วิชามาร! ซุนอวิ๋นถิงคล้ายกับพบเหตุผลบางอย่าง ก่อนจะระเบิดโทสะออกมา
“ลู่หยวน! เจ้ากล้าใช้วิชามารทำร้ายศิษย์ของข้าได้อย่างไร! วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าที่นี่แหละ!”
สิ้นเสียงของเขา ซุนอวิ๋นถิงประสานฝ่ามือเข้าด้วยกัน จากนั้นตะโกนเสียงต่ำว่า “ดาบเพลิงสีม่วง จงมา!”
ฟู่! ฟู่! ฟู่!
จากหุบเหวใต้เท้าทุกคน เปลวเพลิงสีม่วงพุ่งขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะเคลื่อนลงมาอยู่ในฝ่ามือของซุนอวิ๋นถิง เมื่อมันปรากฏขึ้น พลังวิญญาณรอบข้างเริ่มเคลื่อนตัว กระจายไปยังที่ที่เปลวเพลิงสีม่วงอยู่
ซุนอวิ๋นถิงกุมมือ เปลวเพลิงสีม่วงพวยพุ่งขึ้นมา ควบแน่นเป็นร่างอาวุธในทันที
ชั่วเวลาต่อมา ดาบเพลิงสีม่วงปรากฏขึ้นในมือของบรรพชนดาบ
“โอ้ นี่หรือคืออาวุธที่สร้างชื่อเสียงให้ท่านซุนอวิ๋นถิงในสงครามครั้งก่อน จนทำให้ได้รับสมญาปรมาจารย์ดาบ?”
ไม่ทราบได้ว่าศิษย์คนไหนโพล่งประโยคนี้ขึ้นมาท่ามกลางฝูงชน
อีกคนพยักหน้าเช่นกัน “ใช่แล้ว ข้าเคยได้รับเกียรติเห็นอาจารย์ซุนชักดาบเล่มนี้ออกมาครั้งหนึ่ง เมื่อฟันลงไปหนึ่งครั้ง จะทำให้ทุกชีวิตในหมื่นพรมแดนถูกทำลายล้าง ไม่รอดแม้แต่คนเดียว!”
“ดาบเล่มนี้คืออาวุธระดับครึ่งก้าวสู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์! ความจริงอาจารย์สำนักซุนนับว่าเป็นปรมาจารย์ดาบคนหนึ่ง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ได้ครอบครองมัน ดาบเล่มนี้ถูกหลอมขึ้นโดยหนึ่งในสิบเพลิงวิญญาณของแผ่นดินหลักนาม เพลิงม่วงคราม”
“อาวุธระดับสูงธรรมดา หากเผชิญหน้ากับดาบเพลิงสีม่วงเล่มนี้ จะถูกแผดเผาทันที!”
ศิษย์จำนวนมากได้ยินคำพูดเช่นนั้น พวกเขาก็กล่าวขึ้นมาว่า “เหอะ น่าหวาดกลัวขนาดนั้นเลยหรือ?! วันนี้ลู่หยวนอาจจะไม่รอดก็ได้!”
สายตาของทุกคนหันมามองชายหนุ่ม พบว่าสีหน้าของอีกฝ่ายยังเรียบเฉย ส่วนมังกรเจินหลงกำลังพันรอบคอของเขา ดวงตามังกรหนึ่งคู่ลืมขึ้น บนเกล็ดมังกรของมังกรเจินหลงมีแสงสว่างเลือนราง
หากใครบางคนมองอย่างละเอียด พวกเขาจะพบว่า ผิวพรรณของลู่หยวนในตอนนี้ มีอักขระแสงสว่างปรากฏขึ้นอย่างน่าประหลาด
เส้นดังกล่าวเหมือนกับเกล็ด ปกคลุมทั่วทั้งผิวของชายหนุ่มในทันที ในขณะที่พลังมังกรอันยิ่งใหญ่กำลังพลุ่งพล่านเช่นกัน
สายตาของลู่หยวนราวกับเปลวไฟ เขาจับจ้องดาบเพลิงสีม่วงในมือของซุนอวิ๋นถิง โดยในใจกำลังชั่งน้ำหนัก
วิญญาณเพลิงนี้นับว่าเป็นของดี… หอคอยอสูรสวรรค์ในจิตเทวะเริ่มมีปฏิกิริยาขึ้นมาเช่นกัน ราวกับถูกใจดาบเพลิงสีม่วงเล่มนี้ยิ่งนัก
ลู่หยวนลืมตาขึ้น จิตสังหารลุ่มลึกปรากฏในแววตา
จากนั้นชายหนุ่มพลันยกมือขวาขึ้น หอกพันมังกรเก้าสวรรค์ทะยานออกไปทันที
กรร!
พริบตาที่หอกพุ่งออกไป มังกรเจินหลงพุ่งตามติดไปกับมันด้วย มันทะยานไปพร้อมกับอาวุธวิเศษ
พริบตานั้น รูปมังกรขดสลักบนหอกพันมังกรเก้าสวรรค์พลันหายไป ถูกแทนที่ด้วยร่างของมังกรเจินหลงขดตัวอยู่
แสงสว่างสีทองวูบไหว เคลื่อนลงมาจากสวรรค์ทั้งเก้า แสงสว่างพาดผ่าน เคลื่อนผ่านชั้นหมู่เมฆสีดำ สะท้อนบนหอกในมือของลู่หยวน เสียงวิถีแห่งสวรรค์ดังขึ้น แรงกดดันของเผ่ามังกรปกคลุมทั่วทั้งสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์
ในตอนนี้ พลังหนึ่งกดข่มบ่าของทุกคนให้คุกเข่า จนทั่วพื้นที่เริ่มหนักอึ้งขึ้นมา
ศิษย์จำนวนมากไม่สามารถปรับตัวตามได้ทัน ขาของพวกเขาสั่นสะท้านคนแล้วคนเล่า จนต้องร่วงลงไปกับพื้น
แม้กระทั่งเฉิงไท่และอวี๋ฉู่ เมื่อสัมผัสพลังนี้เข้าก็ขมวดคิ้ว พวกเขาพยายามโคจรพลังวิญญาณเพื่อผลักไสแรงกดดันนี้ออกไป แต่มันกลับเปล่าประโยชน์
สายตาของเฉิงไท่เปลี่ยนไปเล็กน้อย กล่าวว่า “มังกรเจินหลงผสานกับหอกนี้ อานุภาพประหนึ่งการโจมตีของครึ่งก้าวสู่ขั้นปรมาจารย์ยุทธ์ ลู่หยวนคนนี้ไม่ใช่ธรรมดาแน่นอน”
อวี๋ฉู่พยักหน้าเช่นกัน สายตาของเขาจับจ้องหอกในมือของบุตรศักดิ์สิทธิ์
เดิมหอกพันมังกรเก้าสวรรค์เป็นอาวุธระดับจักรพรรดิ แต่ตอนนี้เมื่อมีมังกรเจินหลงติดอยู่กับหอกยาว มังกรขดตัวเดิมกลับหายไป ทำให้ทั่วทั้งหอกทะยานจากระดับจักรพรรดิเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์
อาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์!
ลู่หยวนจะสามารถปลดปล่อยพลังจากอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ได้มากแค่ไหนกันหนอ…
อวี๋ฉู่จิบสุราหนึ่งอึก ถามอย่างแผ่วเบาว่า “เจ้าเด็กน้อยลู่หยวนคนนี้ เขาก้าวเข้าสู่ขั้นเทียมเทพแล้วหรือยัง?”
เฉิงไท่ขมวดคิ้ว มุมปากกระตุก แต่เขายังคงไม่ตอบ
เขาไม่กล้าตัดสิน เพราะลู่หยวนมีเคล็ดวิชามากมาย
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เฉิงไท่รู้สึกมาตลอดว่า การที่ซุนอวิ๋นถิงเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายในวันนี้ อาจจะไม่สามารถเอาชนะได้ ต่อให้ซุนอวิ๋นถิงจะเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ หรือต่อให้ลู่หยวนจะก้าวเข้าสู่ขั้นเทียมเทพ แต่มันก็มีช่องว่างของทั้งสองขั้นอยู่
ช่องว่างที่กว้างขนาดนั้น ไม่สามารถทะลุทะลวงได้!
แต่ลู่หยวนผู้ยืนอยู่ตรงนี้ มีพลังหนักอึ้งอยู่รอบข้าง เหมือนกับกำลังบอกเฉิงไท่ว่า ดาราจักรกว้างใหญ่แห่งนี้ อาจจะไม่สามารถหยุดยั้งเขาได้!
แน่นอนว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่รู้เรื่องที่พวกเฉิงไท่กำลังครุ่นคิด เขาถือหอกยาวเอาไว้ ขยับเล็กน้อยจนบังเกิดเสียงคำรามของมังกรดังขึ้น ก่อนที่หอกพันมังกรเก้าสวรรค์จะพุ่งไปอีกด้าน
ตูม!
ทั่วทั้งสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์เริ่มพังทลายเพราะแรงกดดันนี้ ค่ายกลขนาดใหญ่ขององครักษ์ปรากฏขึ้นมา เพื่อต้านทานแรงกดดันจากการสะบัดหอกในมือของลู่หยวน
พรวด! พรวด! พรวด!
ศิษย์นับไม่ถ้วนที่ยืนอยู่นอกค่ายกลป้องกัน ต่างรู้สึกเจ็บปวดในใจเพราะได้รับผลจากพลังนี้ โลหิตสีชาดทะลักออกมาจากปาก บ่าของพวกเขาหนักอึ้งมากขึ้น
ทันทีที่เฉิงไท่ยื่นมือออกไป กลิ่นอายของเขาพลุ่งพล่านออกมา ก่อนจะส่งศิษย์เหล่านี้เข้าไปในค่ายกลป้องกัน
โทสะในใจของซุนอวิ๋นถิงผู้ยืนอยู่ตรงกันข้ามกับลู่หยวนถูกสะกด ตอนนี้เขารู้สึกถึงการตอบสนองที่ต่างออกไปจากอาวุธในมือของชายหนุ่ม
หอกเล่มนี้มัน… อาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์!
แม้กระทั่งบรรพชนดาบก็ไม่เคยใช้อาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์มาก่อน!
ความละโมบปรากฏขึ้นในดวงตา มีของดีมากมายอยู่รอบตัวลู่หยวน หากของดีทั้งหมดนี้มาอยู่ในอ้อมแขนของเขา ย่อมดีไม่น้อย
ทั้งสองสบสายตากัน ต่างมองเห็นความละโมบในแววตาอีกฝ่าย