ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 199 เพลิงเหมันต์สงัด
บทที่ 199 เพลิงเหมันต์สงัด
บทที่ 199 เพลิงเหมันต์สงัด
เหนือยอดเขาในตอนนี้ ฉู่เชิ่งถือดาบไว้ในมือ จิตสังหารทอประกายในดวงตา โทสะอันลึกล้ำพวยพุ่งออกมาราวกับคลื่นยักษ์
แม้กระทั่งค่ายกลที่อยู่นอกยอดเขาก็ถูกกระตุ้นเต็มที่ พวกมันส่องแสงเจิดจ้า อักขระสั่นไหว พวกมันทั้งหมดกำลังขัดขืนแรงกดดันจากฉู่เชิ่ง
ศิษย์เหล่านั้นที่อยู่บนยอดเขาออกมาคนแล้วคนเล่า เมื่อเห็นฉู่เชิ่ง พวกเขาต่างเข้าใจเป้าหมายที่คนผู้นี้มาที่นี่
ศิษย์บนยอดเขาต่างบ่นอยู่ในใจ อาจารย์เพิ่งออกเดินทางจากสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ โดยมุ่งหน้าสู่ตำหนักจักรพรรดิแดนมัชฌิมเพื่อสนทนาหารือจักรพรรดินี
จากนั้นฉู่เชิ่งคนนี้ก็เข้ามาลูบคม!
หนึ่งในผู้อาวุโสที่เป็นผู้นำดึงศิษย์ผู้น้อยไปด้านข้างแล้วกล่าวว่า “รีบไปเชิญอาจารย์จากราชวังจักรพรรดิแดนมัชฌิมเสีย!”
ศิษย์คนนั้นพลันใช้กระบี่บินทะยานมุ่งหน้าไปสู่แดนมิชฌิม
ศิษย์พี่เกาเฟิงฝืนยิ้มออกมา เขาเดินเข้าหาฉู่เชิ่ง เอ่ยถามว่า “ศิษย์น้องฉู่เชิ่ง ไม่ได้เจอกันนาน ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไปแดนลับหุบเขาเมฆามา ได้อะไรมาบ้างหรือ?”
ฉู่เชิ่งกวาดสายตาผ่านไป แรงกดดันเข้าโจมตีราวกับฟ้าถล่ม มันกดทับศิษย์พี่เกาเฟิง
ตูม!
แรงกดดันแรงกล้าพลันเกรี้ยวกราดขึ้นมา มันตรงเข้าบดขยี้กระบี่ยาวระดับราชันที่อยู่บนหลังของเกาเฟิง
แม้ศิษย์พี่คนนั้นยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ ทว่าพื้นที่รอบข้างตัวเขาถูกบดขยี้จนสิ้น ฉู่เชิ่งยืนอยู่ตรงหน้า ดาบในมือส่องแสงเจิดจ้า ราวกับมันพร้อมจะฟาดฟันออกไปในเสี้ยวลมหายใจต่อมา เพื่อบดขยี้ศีรษะอีกฝ่าย
“ข้าไม่มีเวลามาสนทนากับเจ้า ขอถามตามตรง เฉิงไท่อยู่ที่ใด?!”
โทสะที่ถูกสะกดเอาไว้เล็ดลอดมาจากปากของฉู่เชิ่ง ทำให้คู่สนทนาหลั่งเหงื่ออย่างต่อเนื่อง
“อาจารย์ไปราชวังจักรพรรดิแดนมัชฌิม”
โลหิตในดวงตาของคู่สนทนาไม่จางหาย “ข้าขอถามเจ้า ใครฆ่าบรรพชนดาบของข้า?! ใคร?!”
ศิษย์พี่เกาเฟิงลังเลสักพัก หากลู่หยวนผู้เป็นเทพแห่งความตายรู้ว่าตัวเขาสารภาพออกไป นั่นไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือ?!
ดาบของฉู่เชิ่งจ่อที่ลำคอ ขณะกล่าวประโยคลอดไรฟันออกมาว่า “ถ้าไม่บอก ข้าฆ่าเจ้าแน่!”
“ปะ… เป็นลู่หยวน! ลู่หยวน!”
ศิษย์พี่เกาเฟิงตอบทันที
“มันอยู่ไหน?!”
“อยู่บนยอดเขาหอก!”
ฉู่เชิ่งหันหลังแล้วถอยออกมา พลังทั้งหมดของเขาหายไป
ดวงตาของฉู่เชิ่งจับจ้องยอดเขาหอกที่อยู่ไกลออกไป จิตสังหารปรากฏขึ้นในดวงตา “ลู่หยวน ข้าจะมอบความตายให้แก่เจ้า!”
เมื่อกล่าวจบ ร่างของฉู่เชิ่งวูบไหว ก่อนทะยานเข้าสู่ยอดเขาหอก
ระหว่างทะยานออกไป เสียงจากก้นบึ้งของหัวใจฉู่เชิ่งดังขึ้น “เจ้าหนู คิดให้ดี ๆ ก่อน ถ้าเจ้าสร้างปัญหาในตอนนี้ จะได้สิ่งที่ต้องการหรือไม่?”
ฝีเท้าของฉู่เชิ่งพลันชะลอลง “ท่านหู่ ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
เสียงแหบพร่าของท่านหู่ดังขึ้น ตอบว่า “อย่าลืมสิว่าเหตุใดเจ้าถึงกลับมาที่นี่ ตอนนี้การแข่งขันภายในของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ใกล้มาถึงแล้ว หากติดอันดับสูงสุดในครั้งนี้ เจ้าย่อมได้รับรางวัลมากมาย ไม่เพียงแค่เข้าโถงลับของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์เพื่อแสวงหาวาสนาเท่านั้น แต่ยังสามารถเข้าตำหนักของจักรพรรดิแดนมัชฌิมได้อีกด้วย!”
“ขอเพียงเจ้าเข้าตำหนักของจักรพรรดิแดนมัชฌิมได้ก็จะมีโอกาสเข้าใกล้จักรพรรดินีฉวนจง ตอนนี้นางป่วยหนักอยู่ และเหล่ามหาอำนาจในแดนมัชฌิมต่างทำการค้นหาเพลิงเหมันต์สงัดเพื่อช่วยบรรเทาอาการให้นาง”
“เพลิงเหมันต์สงัดที่ว่านี้อยู่ในมือของเจ้าแล้ว!”
ฉู่เชิ่งหยุดเดิน ก่อนยื่นมือซ้ายออกไป เปลวเพลิงสีน้ำเงินปรากฏขึ้นในฝ่ามือของเขา อุณหภูมิรอบข้างลดลงเล็กน้อย
มันคืออันดับสิบในรายชื่อเพลิงวิญญาณ เพลิงเหมันต์สงัด!
ฉู่เชิ่งพลิกเปลวเพลิงในมือ เขาลังเลสักพัก ก่อนเอ่ยถามว่า “แต่ทุกคนในยอดเขาดาบดีกับข้าทั้งนั้น ตอนนี้พวกเขากลับตายอย่างน่าเวทนา จะให้ข้าเมินเฉยได้อย่างไร?”
“เหอะ”
ท่านหู่เย้ยหยันว่า “อะไร? ข้ารู้นะว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่”
“เจ้าหนู ที่เจ้าต้องการก็แค่ชื่อเสียง ซุนอวิ๋นถิงแทบไม่เคยทำอะไรให้เจ้าเลยด้วยซ้ำ เจ้าเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจไม่ใช่หรือ”
“เจ้าคงกังวลว่าหากละทิ้งพวกเขาเสียตอนนี้ ย่อมต้องถูกผู้คนประณาม ชื่อเสียงป่นปี้ ในภายหน้าเรื่องนี้จะยังตกผลึกอยู่ในใจของผู้คน เป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงใช่หรือไม่?”
“ข้ารู้ว่าเจ้าอยากเป็นอันดับหนึ่งในโลกนี้ และผู้อยู่อันดับหนึ่งย่อมเป็นที่เคารพของคนนับพัน หากเป็นเช่นนั้น เจ้าก็จะไม่ถูกตีตรา!”
ฉู่เชิ่งนิ่งเฉย ไม่ปฏิเสธ
ท่านหู่กล่าวต่อว่า “ไม่ต้องห่วง เมื่อเรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว ข้าก็จะสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”
เหนือยอดเขาหอก โลหิตในดวงตาของฉู่เชิ่งจางหายไป เขายังคงกุมดาบเอาไว้ ก่อนตะโกนด้วยน้ำเสียงเดือดดาลว่า “ลู่หยวน ออกมาเดี๋ยวนี้!”
หลังจากนั้น ฉู่เชิ่งก็ฟาดฟันดาบออกไป ทำให้พื้นที่เบื้องหน้าสั่นสะเทือน
ค่ายกลทั้งหมดนอกยอดเขาหอกทำงาน
ตูม!
ปราณดาบฟาดฟันเข้าใส่ค่ายกล ก่อนจะสลายหายไป
“ลู่หยวน เจ้าเต่าหัวหด ออกมาเดี๋ยวนี้! ข้าคือฉู่เชิ่งผู้เป็นศิษย์เอกของบรรพชนดาบ เนื่องจากเจ้าทำลายยอดเขาดาบจนสิ้น วันนี้ข้าจึงมาทวงคืนความยุติธรรม!”
หลายคนขี่กระบี่มาหลังจากได้ยินเสียงของฉู่เชิ่ง พวกเขายืนอยู่ไกลออกไปเพื่อรอชมความตื่นเต้น
“ศิษย์พี่ฉู่เชิ่งกลับมาแล้วหรือ? เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“เมื่อครู่เอง ถ้าเขากลับมาเร็วกว่านี้สักนิดคงจะดีไปแล้ว ยอดเขาดาบจะได้ไม่มีสภาพเช่นนี้”
“เหอะ เขากลับมาก็ไม่มีประโยชน์ ลู่หยวนคือมัจจุราช เจ้ามองไม่ออกหรือ? กระทั่งอาจารย์ซุนยังหลงกล คนของยอดเขาดาบจึงตกตายกันหมดสิ้น! แม้แต่ซุนชิงเหอก็ตายอย่างน่าเวทนาด้วยน้ำมือของอาจารย์ซุน! หากฉู่เชิ่งรีบกลับมา เขาอาจจะกลายเป็นหนึ่งในศพเหล่านั้นก็ได้!”
“เขามาตามหาลู่หยวนตอนนี้จะไปมีประโยชน์อะไร? ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรือ?!”
“ข้ากลับไม่คิดอย่างนั้น เจ้าไม่สังเกตหรือว่าฉู่เชิ่งเมื่อครู่ทรงพลังแค่ไหน? ข้าคิดว่าการบ่มเพาะของเขาคืบหน้าไปมากแล้ว!”
ทันทีที่ชายหนุ่มกล่าวออกมา เขาจึงได้เห็นดาบของฉู่เชิ่งที่อยู่ไกลออกไปฟาดฟันออกมาอีกครั้ง
ปราณดาบรุนแรงราวกับคลื่นขนาดใหญ่ ถูกฟาดฟันออกไปอย่างเกรี้ยวกราด มันตรงเข้าสู่ค่ายกล
ตูม!
เสียงการปะทะขนาดใหญ่กระจายทั่วสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ค่ายกลปรากฏรอยร้าวขึ้นมา
“ฉู่เชิ่งถึงกับฟันใส่ค่ายกลที่บรรพชนหลิงอวิ๋นสร้างงั้นหรือ?!”
สายตาทุกคู่มองตาม…
ฉู่เชิ่งชูดาบอีกครั้ง ปราณดาบไร้ที่สิ้นสุดปรากฏขึ้น พลังมหาศาลพลันเคลื่อนลงมาที่สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์
ดาบในมือของฉู่เชิ่งระเบิดเปลวเพลิงออกมา กลิ่นอายเย็นเยือกแผ่ซ่านไปรอบข้าง กระจายไปทั่วทั้งพื้นที่
หลังจากกลิ่นอายนี้ปรากฏขึ้นมา ศิษย์ทั้งหลายผู้อยู่รอบข้างพลันรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่ลดลง ความรู้สึกเย็นเยือกแผ่ซ่านไปที่ด้านหลัง ก่อนกระจายไปทั่วร่างกาย
แม้ผู้ที่มีรากฐานการบ่มเพาะต่ำจะโคจรพลังวิญญาณในร่างกาย พวกเขาก็ยังคงถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์
ดวงตาของฉู่เชิ่งมีเปลวเพลิงสีน้ำเงินลุกโชนขึ้นมา ดาบในมือของเขาได้รับการถ่ายเทพลังวิถีเข้าไป ทำให้มันสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง พลังวิญญาณรอบข้างพรั่งพรูอย่างบ้าคลั่ง สายลมแรงกล้าพัดผ่าน ราวกับโลกทั้งใบกำลังสั่นสะเทือน
“ลู่หยวน!! จงออกมา! …เดี๋ยวนี้!”
ทุกครั้งที่ฉู่เชิ่งพูดออกมา พลังรอบข้างจะรุนแรงขึ้น เมื่อสิ้นคำพูดสุดท้าย ฉู่เชิ่งพลันฟาดฟันเปลวเพลิงสีน้ำเงินที่ปกคลุมอยู่ในปราณดาบออกไป ตรงเข้าหาค่ายกล!
ตูม!
สิ้นเสียงระเบิด ค่ายกลพังทลาย ยอดเขาหอกถูกเปิดเผยอย่างสมบูรณ์
ฉู่เชิ่งถือดาบไว้ในมือ ดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร “ลู่หยวนตัวบัดซบ ตายเสียเถอะ!”