ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 209 ฮ่วนซิงไป๋
บทที่ 209 ฮ่วนซิงไป๋
บทที่ 209 ฮ่วนซิงไป๋
เซียวเทียนผู้กำลังยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามย่อมเห็นพวกเสวียนเทียนชวนเช่นกัน ด้านหลังของเขาคือยอดฝีมือของกลุ่มเทียน
นับตั้งแต่บุตรแห่งโชคชะตาสายเลือดมังกรได้สติ เขาก็ถูกบรรพชนกระบี่กักบริเวณอยู่บนยอดเขากระบี่ ไม่ได้ออกไปไหน
แต่โชคยังดี บรรพชนกระบี่ไม่ได้กันคนจากกลุ่มเทียนเข้าสู่ยอดเขากระบี่ พวกเขามาแจ้งหัวหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์ภายนอก เมื่อทราบว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับลู่หยวน น้องชายคนนี้ก็วางใจ
ภายหลัง เซียวเทียนก็เก็บตัวเพื่อศึกษาร่องรอยของวิถีกระบี่ที่บังเอิญทำความเข้าใจมาได้
ตอนนี้การแข่งขันภายในได้เปิดม่านออกแล้ว เซียวเทียนจึงออกจากการเก็บตัวเช่นกัน เขานำศิษย์ทั้งหมดของกลุ่มเทียนเพื่อมาให้กำลังใจลู่หยวน!
ทว่าพวกเขามาถึงที่นี่ตั้งนานแล้ว เวลาผ่านไปหลายชั่วยาม แต่กลับไม่มีวี่แววของพี่ใหญ่ของท่านหัวหน้า
ตอนนี้การแข่งขันภายในกำลังจะเริ่มแล้ว หากลู่หยวนยังไม่มา เกรงว่าคงได้พลาดการแข่งขันภายในครั้งนี้เป็นแน่!
ทว่า… เซียวเทียนได้ขอให้กันเม่าไปยอดเขาหอกเพื่อตามหาเขาแล้ว คาดว่าอีกไม่นานจะต้องพบตัวลู่หยวนแน่นอน!
ขณะนี้เองที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ย่างก้าวออกจากยอดเขาหอก ชุดสีแดงห่มดำอันวิจิตรสง่างามขับเน้นใบหน้าดั่งมงกุฎหยก มังกรเจินหลงผู้เรืองอำนาจพันเกี่ยวรอบแขน ท่าทีของมันสง่างามประหนึ่งบุตรแห่งเทพ!
เมื่อลู่หยวนก้าวออกจากยอดเขาหอก ค่ายกลรอบข้างจึงปิดการทำงาน เขาเห็นสายลมกระโชกพัดผ่าน สายตาของชายหนุ่มหลุบต่ำ พลังทลายสวรรค์พลันปกคลุมพื้นที่รอบด้านเอาไว้
ร่างหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนักถูกกดข่มพลังจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
ใบหน้าของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำราวกับห้วงน้ำ เขาเห็นผู้ชายคนหนึ่งสวมชุดคลุมสีเหลืองปักลายอยู่ไม่ไกล อีกฝ่ายอายุราวสิบเจ็ดถึงสิบแปดปี สีหน้าค่อนข้างขึงขัง ถึงแม้ตอนนี้จะถูกกดข่ม แต่กลับไม่แตกตื่นแต่อย่างใด พร้อมตะโกนชี้แจง “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ข้าไม่ได้มาร้าย!”
“เจ้าเป็นใคร?”
ลู่หยวนขมวดคิ้ว เขาไม่เคยเห็นคนผู้นี้มาก่อน ถึงแม้คนผู้นี้จะถูกกดข่มเอาไว้ แต่ยังคงมีกลิ่นอายเบาบางมาจากร่างกายของอีกฝ่าย แสดงให้เห็นว่าระดับการบ่มเพาะไม่ได้ต่ำต้อย แม้ว่าเทียบกับหยางอวิ๋นที่ตายไปแล้วจะไม่ได้ต่างกันมากนักก็ตามที
ชายหนุ่มตอบว่า “ชื่อของข้าคือฮ่วนซิงไป๋! เป็นศิษย์ของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์!”
“ทำไมเจ้าถึงมาตามหาข้า?”
“ข้าได้ยินเรื่องของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่มานานแล้ว วันนี้เป็นวันแข่งขันภายในของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ข้าเห็นว่าท่านยังไม่มาเสียทีก็เลยออกมาตามหา!”
ฮ่วนซิงไป๋เงยหน้าขึ้น ดวงตาทอประกายวิบวับ
“บุตรศักดิ์สิทธิ์! การกระทำของท่านทั้งน่าทึ่งและอหังการยิ่งนัก! ถึงขนาดทำให้นางเฒ่าอย่างบรรพชนเสวียนยอมคุกเข่าตั้งแต่มาถึงสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ได้ ข้าไม่พอใจนางเฒ่าคนนั้นมานานแล้ว! ทุกวันเอาแต่ทำหน้าตาบูดบึ้งระรานผู้อื่น จนข้าหลงคิดไปว่าสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์เป็นหนี้ชีวิตนางเสียอีก!”
“ส่วนหยางอวิ๋น เขาชอบพากลุ่มอวิ๋นไปไหนมาไหนด้วย ทำตัวเหมือนกับไม่กลัวใครหน้าไหน ถึงขั้นกล่าวว่าลูกหลานของตระกูลชั้นสูงล้วนเป็นขยะ!”
ฮ่วนซิงไป๋เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองแสวงความชอบธรรม “หากไม่ใช่เพราะในตอนนั้นข้ายังต้องอยู่ในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เกรงว่าคงได้โกรธเคืองเป็นฟืนเป็นไฟแน่!”
ฮ่วนซิงไป๋พูดจาด้วยท่าทีกระตือรือร้นมากขึ้น ผ่านไปสักพัก ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยโทสะ ก่อนต่อว่าคนเหล่านั้นที่ลู่หยวนเคยจัดการไล่ตั้งแต่บรรพชนไปจนถึงลูกหลานที่ยังไม่เกิดขึ้นมา
ภายหลัง คำพูดชื่นชมที่มีต่อบุตรศักดิ์สิทธิ์ยังคงลอยมาไม่มีสิ้นสุด เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูปก็ไม่มีทีท่าว่าจะจบสิ้น
ตอนนี้ลู่หยวนพอจะเข้าใจแล้วว่าฮ่วนซิงไป๋คนนี้ ไม่ได้มีความคิดร้ายแต่อย่างใด
ชายหนุ่มยกมือขึ้นแล้วดึงกลิ่นอายกลับมา
เมื่อฮ่วนซิงไป๋ได้รับอิสระ เขาเผยสีหน้ายินดี พลางก้าวมาข้างหน้า “บุตรศักดิ์สิทธิ์ ท่านเชื่อข้าสินะ!”
สายตาของลู่หยวนราบเรียบ “พูดมา เจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องอะไร?”
อีกฝ่ายย่อมไม่ได้มีจิตมุ่งร้าย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีจุดประสงค์อื่นใด
ฮ่วนซิงไป๋ผู้เคยยิ้มอย่างมีความสุข กลับมีสีหน้าจริงจังขึ้นทันที “ที่ข้ามาพบบุตรศักดิ์สิทธิ์วันนี้ ข้อแรก เพื่อแสดงความนับถือต่อท่าน ข้อสอง มีหนึ่งเรื่องที่ข้าอยากขอความร่วมมือจากบุตรศักดิ์สิทธิ์!”
ลู่หยวนหรี่ตา “ร่วมมือหรือ?”
“ใช่!” สายตาของฮ่วนซิงไป๋เต็มไปด้วยความมั่นใจ “บุตรศักดิ์สิทธิ์น่าจะทราบอยู่แล้วว่า หลังสิ้นสุดการแข่งขันภายในครั้งนี้ ผู้ได้อันดับสูงสุดไม่กี่คนสามารถเข้าสู่วังจักรพรรดินีแดนมัชฌิมได้! วาสนาสูงสุดที่อยู่ภายในนั้น ล้วนตกเป็นของผู้ชนะ!”
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ด้วยพลังของท่าน ย่อมต้องได้รับเลือกอย่างแน่นอน! ถึงแม้ข้า ฮ่วนซิงไป๋ จะอยู่อันดับเจ็ดในทำเนียบสวรรค์ แต่ข้าก็มั่นใจว่าจะได้รับเลือกอย่างแน่นอน!”
“ข้ารู้ว่ามีโชคชะตายิ่งใหญ่อยู่ลึกเข้าไปในวังจักรพรรดินีแดนมัชฌิม ข้าเดาว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์คงสนใจเช่นกัน แต่การได้มานั้นอันตรายยิ่งนัก หากบุตรศักดิ์สิทธิ์ร่วมมือ ข้าสามารถเอามันมาให้ได้อย่างแน่นอน!”
ลู่หยวนตรวจสอบฮ่วนซิงไป๋ตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาสังเกตเห็นว่าฮ่วนซิงไป๋สวมชุดคลุมสีเหลือง ที่ปลายแขนมีลวดลายของวิหคเพลิงปีกสีม่วงมาบรรจบกัน
ลวดลายนี้ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ในแดนมัชฌิม บนกำแพงเมืองของแดนมัชฌิม มีธงปักอยู่ทุกหนึ่งร้อยจั้ง บนธงแต่ละผืนมีลวดลายนี้ถูกปักเอาไว้
นี่คือสัญลักษณ์ของตระกูลชั้นสูงในแดนมัชฌิม มีสมาชิกตระกูลชั้นสูงเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถสวมชุดที่มีลวดลายดังกล่าวได้
เจ้าหนุ่มคนนี้คือสมาชิกของตระกูลชั้นสูงแห่งแดนมัชฌิม!
ไม่แปลกใจเลยที่เขากล้าพูดว่าได้รับเลือกอย่างแน่นอน รวมถึงการที่เขารู้เรื่องโชคชะตาอันยิ่งใหญ่ในราชวังจักรพรรดินี แสดงว่ามันต้องมีความข้องเกี่ยวกับอีกฝ่ายอย่างแน่นอน!
ลู่หยวนถอนสายตากลับ “โชคชะตาอันยิ่งใหญ่หรือ? ข้าชักอยากรู้แล้วสิว่ามันคืออะไร?”
ฮ่วนซิงไป๋บอกทุกสิ่งที่รู้ให้ฟัง “บุตรศักดิ์สิทธิ์น่าจะทราบดีว่าตระกูลชั้นสูงของแดนมัชฌิมแห่งนี้มีสายเลือดวิหคเพลิงกลายพันธุ์อยู่!”
“ตอนนี้ในแดนมัชฌิมเป็นถิ่นที่อยู่ของอดีตเผ่าวิหคเพลิง ข้างใต้วังจักรพรรดินีมีซากปรักหักพังแห่งหนึ่งอยู่! นอกซากปรักหักพังมีผนึกโบราณ หากไม่มีเส้นชีพจรโลหิตสัตว์เทวะ ย่อมไม่สามารถเปิดได้!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ลู่หยวนก็รู้ในทันทีว่าเด็กคนนี้หมายความว่าอย่างไร
เด็กคนนี้กำลังคิดจะฉวยโอกาสจากสิ่งที่ลู่หยวนครอบครอง เพื่อเปิดผนึกโบราณนั่น!
เพื่อจะได้เข้าไปเอาโชคลาภยิ่งใหญ่ที่ว่า!
ภายหลังฮ่วนซิงไป๋เสริมต่อว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะเป็นคนนำทางให้ ส่วนท่านช่วยพาเข้าไปข้างใน ข้าแค่ต้องการสมุนไพรวิญญาณที่อยู่ข้างในเท่านั้น ส่วนที่เหลือบุตรศักดิ์สิทธิ์เอาไปได้เลย! ว่าอย่างไร?”
ลู่หยวนยืนเอามือไพล่หลัง “วาสนาเช่นนี้ หากข้ารับเอาไว้ จักรพรรดินีจะไม่ตามมาถลกหนังเอาหรอกหรือ?”
เมื่อคนฟังได้ยินคำพูดเช่นนั้น จึงตบอกตัวเอง “บุตรศักดิ์สิทธิ์วางใจได้ เรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน พื้นที่ที่ถูกเก็บงำเอาไว้เป็นส่วนหนึ่งของสถานที่ที่เปิดให้กับสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เพียงแต่ว่าไม่มีใครรู้ทางเข้าไป!”
ฮ่วนซิงไป๋ลดเสียงลง “เรื่องนี้ท่านจักรพรรดินีเป็นคนขอให้ข้ามาบอกท่านเอง!”
ลู่หยวนมองคู่สนทนา ความสงสัยก่อเกิดขึ้นในใจ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็เป็นอันตกลง!”
บุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่กังวลว่าเจ้าหนุ่มคนนี้ตั้งใจจะทำอะไร ตอนนี้เขาไม่เพียงมีเคล็ดวิชามากมายเท่านั้น แต่ยังสั่งสมค่าชะตาไว้นับหมื่นอีกด้วย
ต่อให้อีกฝ่ายเป็นเซียน เขาก็มั่นใจว่าตนจะพ้นภัยได้อย่างแน่นอน!
ถ้าเด็กคนนี้ไม่ได้โกหก เขาก็ตัดสินใจเอาไว้แล้วว่าหากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา ฮ่วนซิงไป๋ก็จะเป็นคนแรกที่ตาย!
ยิ่งกว่านั้น เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับจักรพรรดินีฉวนจง สมุนไพรวิญญาณที่ฮ่วนซิงไป๋กล่าวถึงน่าจะเป็นสิ่งที่จักรพรรดินีต้องการ!
เขาอยากรู้จริง ๆ ว่าจักรพรรดินีผู้ปกครองแดนมัชฌิมต้องการสมุนไพรวิญญาณแบบไหนกัน!
ฮ่วนซิงไป๋ได้ยินดังนั้น ในใจก็เปี่ยมด้วยความยินดี เขารีบพยักหน้า “ถ้าบุตรศักดิ์สิทธิ์ให้สัญญาเช่นนี้ก็นับว่าดี!”
“จะว่าไปแล้ว บุตรศักดิ์สิทธิ์ โอกาสเช่นนี้ท่านกับข้าต้องร่วมแรงเท่านั้นจึงจะได้มา พวกเราต้องห้ามพาใครไปด้วยเด็ดขาด!”
อีกฝ่ายรับคำ “แน่นอนอยู่แล้ว”
ฮ่วนซิงไป๋อยากพูดบางอย่างอีก แต่กลับได้ยินเสียงเรียกจากไกล ๆ ว่า “ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์!”