ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 210 จักรพรรดินีมาด้วยตัวเอง
บทที่ 210 จักรพรรดินีมาด้วยตัวเอง
บทที่ 210 จักรพรรดินีมาด้วยตัวเอง
ลู่หยวนและฮ่วนซิงไป๋มองตามไป พบว่าเสียงเรียกนั้นมาจากกันเม่าที่กำลังขี่กระบี่บินเข้ามาด้วยสีหน้าวิตกกังวล
เมื่อกันเม่ามาถึง เขายกมือทำความเคารพลู่หยวน ก่อนกล่าวว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์ การแข่งขันภายในกำลังจะเริ่มแล้ว ถ้าท่านไม่ไป เกรงว่าจะพลาดการจับฉลาก!”
ขั้นตอนแรกของการแข่งขันภายในคือการจับฉลากเพื่อเลือกคู่ต่อสู้!
ริมฝีปากของลู่หยวนยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม “จะแตกตื่นไปทำไม? พวกเขาควรเป็นคนที่แตกตื่นไม่ใช่หรือ? คิดว่าทุกคนคงหวังอยู่ลึก ๆ ที่จะไม่เจอกับข้าอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้น ก่อนจะทันได้ขึ้นลานประลอง พวกเขาคงยอมจำนนไปแล้ว”
ฮ่วนซิงไป๋ผู้อยู่ข้างกายได้ยินดังนั้น ดวงตาจึงทอประกาย “ข้าก็เหมือนกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เช่นกัน!”
เมื่อครู่กันเม่าสนใจแต่พี่ใหญ่ของเซียวเทียน จึงไม่ได้ให้ความสนใจกับคนที่อยู่ข้างกายมาก่อน
เมื่อเห็นฮ่วนซิงไป๋ กันเม่าก็ยกมือขึ้นทำความเคารพทันที “คารวะท่านฮ่วน”
ฮ่วนซิงไป๋ไม่ได้แสดงท่าทีเป็นมิตรต่อผู้ใช้โล่กระบี่เหมือนอย่างที่ทำกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้สีหน้าของเขาจริงจัง “พอได้แล้ว”
กันเม่าลดมือลง ในใจของเขารู้สึกแปลกประหลาด ทำไมน้องเขยในอนาคตของจักรพรรดินีฉวนจงถึงมายืนอยู่ข้างกายบุตรศักดิ์สิทธิ์ได้ แถมยังสนทนากันอย่างถูกคออีก?!
ผู้ใช้โล่กระบี่ยืนอยู่ด้านข้างลู่หยวนอย่างสงบ ก่อนลอบบอกทุกสิ่งเกี่ยวกับฮ่วนซิงไป๋ให้บุตรศักดิ์สิทธิ์ฟัง
หลังจากบอกไปไม่กี่ประโยค ลู่หยวนจึงได้รู้ตัวตนของฮ่วนซิงไป๋
จักรพรรดินีฉวนจงมีน้องสาวหนึ่งคน แม้จะเป็นน้องสาว แต่ตอนนี้นางเป็นผู้มีสิทธิ์สืบทอดบัลลังก์ของแดนมัชฌิมเช่นกัน
สตรีผู้นี้ครอบครองวิถีที่ยิ่งใหญ่ นางเก็บตัวพร้อมกระบี่คู่กายหนึ่งเล่มมาหลายปี ว่ากันว่าอยากทำความเข้าใจวิถีแห่งสวรรค์ในอึดใจเดียว เพื่อทะลวงขั้นสู่สวรรค์ ก้าวเข้าสู่การเป็นเทพเซียน!
ซึ่งฮ่วนซิงไป๋เป็นคู่หมั้นของสตรีผู้นั้น ถึงแม้ยังไม่ได้กำหนดวันแต่งก็ตาม แต่ครึ่งหนึ่งของแดนมัชฌิมก็ยอมรับเขาแล้ว! เขาเองก็เป็นคุณชายตระกูลฮ่วนแห่งตระกูลยิ่งใหญ่ในบรรดาตระกูลชั้นสูงจำนวนมากของแดนมัชฌิม!
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสถานะของเขาสูงส่งยิ่งนัก!
เมื่อกันเม่าพูดถึงตรงนี้ เขาได้เน้นย้ำถึงตัวตนตระกูลชั้นสูงของฮ่วนซิงไป๋
ลู่หยวนยกยิ้ม แต่ไม่เก็บตัวตนของผู้เข้าหามาคิดจริงจัง
ตระกูลชั้นสูงสุดของแดนมัชฌิมอะไรกัน?
ไม่มีบุตรแห่งโชคชะตาเลยสักคน!
น่าผิดหวังจริง ๆ!
“ถึงเวลาแล้ว ไปกันเถอะ!”
ภายหลังลู่หยวนเอ่ยคำ ความว่างเปล่ารอบข้างผันผวน ก่อนทั้งสองจะทันได้มองชัดเจน ร่างของลู่หยวนก็ทะยานไปไกลแล้ว ทั้งสองจึงรีบสาวเท้าตามไป
ในพื้นที่ส่วนกลางของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เฉิงไท่ยืนอยู่บนแผ่นหิน อาจารย์สำนักทั้งหลายตั้งตารอคอย สายตาจับจ้องไปที่ประตูสำนัก
กรร!!
เสียงมังกรทะยานดังมาจากไกล ๆ ทุกคนในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์แทบหยุดหายใจ
ศิษย์ที่กำลังกระซิบกระซาบเหล่านั้นต่างพากันหุบปาก ใบหน้าของพวกเขาซีดเซียวเพราะแรงกดดันดังกล่าว
ทุกคนมองไปที่ต้นเสียง พบว่าหมอกด้านนอกประตูสำนักค่อย ๆ ผันผวน
ทันใดนั้น องครักษ์จำนวนมากในชุดเกราะทองจึงก้าวออกจากหมอกพร้อมกับถือง้าวไว้ในมือ แต่ละคนมีสีหน้าเคร่งขรึม แววตาเปี่ยมด้วยจิตสังหาร ระดับการบ่มเพาะของพวกเขาไม่ต่ำไปกว่าขั้นเทียมเซียน!
ศิษย์จำนวนมากที่ยังอ่อนต่อโลกมองดูคนเหล่านี้ ในใจก็บังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา
เมื่อเหล่าศิษย์ได้ยินชื่อองครักษ์จักรพรรดิแดนมัชฌิม พวกเขาต่างพากันเบือนหน้าหนี
พวกเขารู้ว่า คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์มือเปื้อนเลือด!
องครักษ์นับร้อยยืนเรียงกันสองแถว ยาวไปจนถึงประตูสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาเคลื่อนไหวพร้อมกัน ง้าวในมือสั่นไหวไปมา พวกเขาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง พร้อมตะโกนเสียงดังว่า “ฝ่าบาทเสด็จ ทำความเคารพ!”
สุรเสียงดังกล่าวดังก้องถึงชั้นเมฆ!
กรร!!
เสียงคำรามของมังกรดังขึ้นอีกครา ภายในหมู่เมฆ มังกรนาคาสามตัวแผ่ร่างกายกระจายไปทั่วทั้งอาณาเขต
หลังจากมังกรนาคาสีน้ำเงินสามตัวสำแดงตน รถม้าหยกสีทองขนาดใหญ่จึงปรากฏ
องครักษ์ตะโกนอีกครั้งว่า “ฝ่าบาทเสด็จ!”
ร่างของเฉิงไท่วูบไหว ตามมาด้วยเหล่าอาจารย์
เจ้าสำนักเคลื่อนลงมาอยู่ตรงหน้ารถม้าหยก จากนั้นคารวะด้วยความเคารพ แล้วกล่าวว่า “คารวะฝ่าบาท”
เหล่าอาจารย์ยกมือทำความเคารพเช่นกัน “คารวะฝ่าบาท!”
ด้านนอกรถม้าหยกมีผ้าม่านโปร่งปกคลุมอยู่ มันบดบังร่างส่วนใหญ่ของคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างใน ทำให้มองเห็นได้เลือนรางว่าเป็นร่างผอมสูง ทรวดทรงองค์เอวสมสัดส่วน
“ตามสบายเถอะ”
จากภายในรถม้าหยก เสียงสตรีทรงอำนาจดังลอดออกมา
พวกเฉิงไท่จึงลุกขึ้น เอ่ยว่า “ขอบคุณฝ่าบาท”
เจ้าสำนักก้าวมาข้างหน้า “การแข่งขันภายในครั้งนี้ ฝ่าบาทมาที่นี่ด้วยตนเอง ช่างเป็นเกียรติแก่สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์!”
“ตอนนี้กระหม่อมเตรียมที่นั่งสำหรับฝ่าบาทไว้พร้อมแล้ว เชิญฝ่าบาท”
นางพยักหน้า “นำทางได้เลย”
ภายหลังน้อมรับคำสั่งของจักรพรรดินี เฉิงไท่หันไปพร้อมกับกลุ่มคน เดินไปยังพื้นที่ส่วนกลางของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์
มังกรนาคาสีน้ำเงินสามตัวลุกขึ้น พวกมันลากรถม้าหยกข้ามประตูบินไปทางสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์
เงาร่างขนาดใหญ่ของมังกรนาคากับรถม้าหยกเข้าปกคลุมสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ไปกว่าครึ่ง และแผ่แรงกดดันที่ปกคลุมฟ้าดินมาสู่เบื้องล่าง
ศิษย์ทั้งหลายไม่สามารถต้านพลังของมังกรเหล่านี้ได้ พวกเขาต่างคุกเข่าลงคนแล้วคนเล่า
เมื่อรถม้าหยกมาถึงตรงกลางสำนัก พลังของมังกรนาคาก็ทะยานสู่จุดสูงสุด ภายใต้พลังดังกล่าวมีเพียงศิษย์ไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังคงยืนตัวตรงได้
มู่พ่านซานผู้ติดตามอยู่นอกรถม้าหยกชำเลืองมอง นอกจากคนบางส่วนผู้อยู่ทำเนียบสวรรค์ที่ยังยืนอยู่นอกฝูงชนโดยไม่ยอมคุกเข่าแล้ว ยังมีคนบางส่วนที่ดึงดูดความสนใจของเขา
กลุ่มหนึ่งคือพวกบรรพชนเสวียนที่มีกระดานเสี่ยงทายของเสวียนเทียนชวนส่องแสง พลังดาราจักรปรากฏขึ้น ปกป้องศิษย์ทั้งหลายของยอดเขาวิถีเร้นลับเอาไว้ แต่ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้คุกเข่า แต่ก็ต้องกระตุ้นรากฐานการบ่มเพาะ เพื่อประคองตัวเองเอาไว้
กลุ่มที่สองคือพวกเซียวเทียน กระบี่ยักษ์ในมือบุตรแห่งโชคชะตาสายเลือดมังกรพุ่งขึ้นไปในอากาศ แผ่พลังพุ่งทะยานออกไปขัดขืนแรงกดดันของมังกรนาคาที่ปกคลุมท้องนภาเอาไว้ พลังมังกรปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องบนร่างกายของเขา และสลายแรงกดดันออกไป
ส่วนกลุ่มที่สาม…
มู่พ่านซานจับจ้องคนที่อยู่นอกฝูงชน อีกฝ่ายอยู่ภายใต้ชุดสีดำ ทำให้ยากที่จะเห็นรูปลักษณ์ของได้อย่างชัดเจน
เขายืนตัวตรงภายใต้แรงกดดันของมังกรนาคา ไม่มีความสั่นไหวแต่อย่างใด
มู่พ่านซานแยกสัมผัสเทวะออกไปส่วนหนึ่ง เพื่อสำรวจคนผู้นั้น
หลังจากอีกฝ่ายรู้สึกถึงสัมผัสเทวะส่วนหนึ่งของเขาได้ จึงเงยหน้าขึ้นมองท้องนภา
องครักษ์แห่งจักรพรรดินีหรี่ตาเล็กน้อย คนผู้นี้คือฉู่เชิ่งที่ถูกอัดปางตายด้วยฝีมือของลู่หยวนก่อนหน้านี้!