ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 225 ผนึกทาสเก้าสงัด
บทที่ 225 ผนึกทาสเก้าสงัด
บทที่ 225 ผนึกทาสเก้าสงัด
บนแท่นสูง อาจารย์สำนักทั้งหลายสนทนาหลายสิ่งกับเฉิงไท่
ขณะนี้การแข่งขันภายในเพิ่งเริ่มไปได้สองรอบ แต่เต่ายักษ์ที่แบกค่ายกลเอาไว้กลับกลายเป็นควันธุลี ทำให้การแข่งขันภายในครั้งนี้ต้องล่าช้าไปอีกสองวัน
หลังจากสนทนา เฉิงไท่ก้าวมาข้างหน้าแล้วเอ่ยเสียงดังว่า “การแข่งขันภายในรอบที่สอง ลู่หยวนชนะ!”
“การแข่งขันภายในของวันนี้สิ้นสุดลงแล้ว การแข่งขันภายในของศิษย์ที่เหลือจะเริ่มขึ้นในอีกสามวัน!”
ศิษย์ทั้งหลายยกมือขึ้นคารวะก่อนแยกย้ายกันไปตามยอดเขาของตน ลู่หยวนเองก็จากไปเช่นกัน ถึงอย่างไรเสวียนเทียนชวนก็คงอยู่บนยอดเขาหอก เพื่อรอให้เขาแบ่งชิ้นเนื้อก้อนใหญ่ให้
เฉิงไท่เดินเข้าไปหาจักรพรรดินี โดยตั้งใจจะขอให้พระนางพักอยู่ที่สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เพื่อรับชมการแข่งขันภายในรอบที่เหลือต่อ
เพียงแต่มู่พ่านซานนำหน้าเขาไปหนึ่งก้าว “ท่านจักรพรรดินีเหนื่อยแล้ว การแข่งขันภายในวันนี้อาจจะทำให้ราชวังจักรพรรดิแดนมัชฌิมเข้าใจสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น ดังนั้นไม่จำเป็นต้องดูรอบที่เหลือ ท่านเพียงต้องส่งรายนามของผู้ชนะมาให้ก็พอ”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เฉิงไท่จึงไม่โน้มน้าวให้อยู่ต่อ
มู่พ่านซานคลี่ยิ้มก่อนพยักหน้า เขามองออกไปนอกสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เพียงหนึ่งอึดใจ กลิ่นอายทรงพลังระเบิดออกมา
วิ้ง!
พื้นที่ภายในระยะหนึ่งหมื่นลี้หยุดนิ่ง โดยมีสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์เป็นศูนย์กลาง
ผ่านไปหลายอึดใจ เสียงคำรามของมันกรดังขึ้น…
นอกสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ มังกรนาคาสามตัวกลับมาพร้อมรถม้าหยกผ่านความว่างเปล่าอีกครา หางของมังกรนาคาสามตัวม้วนกลับ ก่อนรถม้าหยกจะจอดข้างสตรีผู้สูงศักดิ์
จักรพรรดินียืนขึ้น แล้วเดินเข้ารถม้าไป พวกเฉิงไท่โค้งคำนับ
กรร!
มังกรนาคาแผดเสียงคำรามต่ำ ร่างขนาดใหญ่ของมันจากไปพร้อมกับรถม้าหยก องครักษ์ต่างล่าถอยกลับไป
แม้จักรพรรดินีจะไปแล้ว แต่นางทิ้งฮ่วนซิงไป๋เอาไว้ เฉิงไท่สั่งคนให้นำทางอีกฝ่ายไปที่ยอดเขาเพื่อพักผ่อน รอเข้ารับชมการแข่งขันภายในรอบต่อไป
ขณะลู่หยวนบินไปตามทาง เสียงของระบบดังขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ
[ระบบแจ้งเตือน หอคอยอสูรสวรรค์ดูดกลืนพลังดวงดาวแล้ว มันจึงเข้าสู่สภาวะบ่มเพาะ ระยะเวลาโดยประมาณคือหนึ่งเดือน]
ในจิตเทวะ หอคอยอสูรสวรรค์กลืนกินพลังดวงดาวที่ชิงมาจากบรรพชนเสวียนเรียบร้อย พลังมารรอบข้างยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเคลื่อนไหวไปมาอย่างมีความสุข
สิ้นเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นราวกับเรอ หอคอยอสูรสวรรค์พลันสั่นไหวอย่างรุนแรง พลังมารรอบข้างตกอยู่ในความเงียบสงัด ทั่วทั้งหอคอยเข้าสู่การบ่มเพาะ
มุมปากของลู่หยวนยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ในไม่ช้าเขาก็กลับถึงยอดเขาหอก
นอกยอดเขาหอก กันเม่ายืนอยู่ข้างกายเสวียนเทียนชวน
รองหัวหน้ากลุ่มเทียนทำตามคำสั่งของลู่หยวน คือการช่วยป้อนโอสถให้ศิษย์เอกยอดเขาวิธีเร้นลับ เพื่อรักษาชีวิตของอีกฝ่ายเอาไว้
เมื่อเห็นว่าลู่หยวนมาถึงแล้ว กันเม่าจึงยกมือขึ้นทำความเคารพ “คารวะท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์!”
คุณชายแห่งตำหนักธารสุญญะพยักหน้า ก่อนสาวเท้ายาวเดินเข้าไป เขาเห็นเสวียนเทียนชวนหลับตาสนิท ใบหน้าขาวซีดราวกระดาษ ทั่วทั้งดวงหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ขามีรอยขาดราบเรียบและยังมีคราบโลหิตปรากฏ
“กันเม่า ไปตามหาคนที่ยอดเขาวิถีเร้นลับมาให้ข้า”
กันเม่าได้ยินดังนั้นจึงตอบรับทันที ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อผู้ใช้โล่กระบี่ไปแล้ว ลู่หยวนจึงเรียกระบบขึ้นมา
“ระบบ ข้าขอแลกผนึกทาสเก้าสงัด!”
[ระบบแจ้งเตือน แลกผนึกทาสเก้าสงัดเรียบร้อย!]
[ค่าชะตาวายร้ายของท่านลดลง 6,000 แต้ม! ค่าชะตาวายร้ายคงเหลือ 27,000 แต้ม!]
สิ้นเสียงของระบบ ยันต์สีม่วงใบหนึ่งปรากฏขึ้นจากปลายนิ้วของลู่หยวน
บนยันต์ใบนั้นมีลายเส้นหน้าตาพิสดาร อักขระดังกล่าวลอยขึ้นราวกับวิญญาณชั่วร้ายในขุมนรก โดยขยับขึ้นลงไปมา พยายามเป็นอิสระจากยันต์กระดาษราวกับมีชีวิต!
ลู่หยวนชำเลืองมองเสวียนเทียนชวน เตะอีกฝ่ายอย่างรุนแรง เพื่อเรียกคืนสติกลับมา
เสวียนเทียนชวนลืมตาขึ้นด้วยความประหลาดใจ สิ่งแรกที่เขารู้สึกคือความเจ็บปวดที่ยากจะลืมเลือน สติกลับคืนมาทีละน้อย ก่อนเอื้อมมือไปสัมผัสที่ช่วงล่าง ทว่าในบริเวณนั้น… ขาของเขาหายไปไหน?!
“เสวียนเทียนชวน เปิดจิตเทวะของเจ้าออก ข้าจะตีตราทาสให้กับเจ้า”
เสวียนเทียนชวนหันไปมองตามต้นเสียง ทันทีที่เห็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ เขาพลันตกตะลึง ไม่นานสติก็กลับคืนมาอย่างครบถ้วน
ชายบนรถเข็นฝืนนั่งลง หัวใจเต็มไปด้วยโทสะ เขาคลี่ยิ้มเย็นชาแล้วถามว่า “หากบุตรศักดิ์สิทธิ์ต้องการตัวข้า เหตุใดจึงต้องตัดขาข้าด้วย?”
หนึ่งในเหตุผลที่เสวียนเทียนชวนอยากเข้าร่วมกับกลุ่มของลู่หยวน เพราะคิดว่าจะสามารถรักษาขาของตนได้ หากติดตามอีกฝ่ายเขาจะได้ก้าวเดินด้วยขาของตัวเอง รวมถึงกวัดแกว่งกระบี่ได้เช่นเดียวกับผู้อื่น
แต่มาดูตอนนี้สิ…
ขาทั้งสองข้างถูกสะบั้น!
เขาทำได้เพียงนั่งอยู่ในสภาพต่ำเตี้ยเช่นนี้!
เสวียนเทียนชวนเกิดความสงสัยว่าลู่หยวนกำลังหลอกใช้เขาอยู่ การตัดขานี้จะต้องเกี่ยวกับแผนการบางอย่างเป็นแน่
ลู่หยวนแสร้งทำทีจริงจัง ก่อนตอบว่า “เจ้าไม่เข้าใจ ข้าเป็นผู้ช่วยเจ้าไว้ต่างหาก”
เสวียนเทียนชวนคิ้วขมวด “ช่วยข้าหรือ? บุตรศักดิ์สิทธิ์หมายความว่าอย่างไร?”
“ข้าขอถามอะไรหน่อย ขาของเจ้าใช้การไม่ได้มาตั้งแต่เกิดใช่หรือไม่?”
อีกฝ่ายตอบรับว่า “ใช่!”
ลู่หยวนยืนเอามือไพล่หลัง “หากเป็นเช่นนั้นจริง มันก็คืออุปสรรคของรากฐานการบ่มเพาะ ต่อให้เจ้าใช้เคล็ดวิชารักษา แต่ยามโคจรพลังในร่างกายมันราบรื่นเหมือนผู้อื่นหรืออย่างไร?”
“หากภายภาคหน้า เจ้าได้รับสืบทอดโชคชะตาอันยิ่งใหญ่ แต่กลับไม่สามารถสืบทอดมันได้เพราะขานี้ขึ้นมาจะทำอย่างไร?”
คำถามเหล่านั้นกระแทกเข้ากลางใจของเสวียนเทียนชวน ทำให้เขาเกิดอาการลังเล
สิ่งที่ลู่หยวนพูดใช่ว่าจะไร้เหตุผลเสียทีเดียว
“แน่นอนว่าการที่ข้าตัดขาของเจ้า มันคือแผนที่วางไว้เพื่อตัวเจ้าเอง”
เมื่อเสวียนเทียนชวนได้ยินเช่นนี้ เขาหันหน้าไปมองลู่หยวน
มุมปากของบุตรศักดิ์สิทธิ์ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม “โลหิตวิหคเพลิง …การเกิดใหม่จากเถ้าถ่าน!”
สิ้นประโยคดังกล่าว รูม่านตาของอีกฝ่ายพลันหดเกร็ง สายตาตกตะลึง!
สัตว์เทวะวิหคเพลิงที่เคยรอดพ้นจากความตายถึงเก้าครั้ง ว่ากันว่าโลหิตของมันสามารถฟื้นคืนคนตาย รวมถึงเนื้อหนังได้!
หากได้รับโลหิตวิหคเพลิง เช่นนั้นขาที่ขาดไปของเขาจะต้องกลับคืนมาอีกครั้ง!
“บุตรศักดิ์สิทธิ์คิดแบบนี้หรือ?!”
เสวียนเทียนชวนยังคงกังขาในตัวลู่หยวน แต่ความเคลือบแคลงใจมันลดลงไปกว่าครึ่ง
ลู่หยวนพยักหน้า ก่อนแสร้งทำสีหน้าจริงจัง “แน่นอนอยู่แล้ว ข้าเพิ่งค้นพบว่า ข้างใต้ราชวังจักรพรรดิแดนมัชฌิม คือซากปรักหักพังของเผ่าวิหคเพลิง ที่นั่นพวกเราอาจจะพบโลหิตวิหคเพลิงก็เป็นได้”
เสวียนเทียนชวนนิ่งไป ลู่หยวนมีชะตาที่จะอยู่เหนือวิถีแห่งสวรรค์!
ขอเพียงติดตามอีกฝ่ายไป เขาย่อมมีโอกาสทะลวงขั้นจนก้าวสู่สวรรค์ได้
นอกจากนี้โบราณสถานวิหคเพลิงที่อยู่ใต้ราชวังจักรพรรดิแดนมัชฌิมมีโชคชะตาที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้นอยู่ บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ก็ไม่คิดปิดบัง ก่อนลั่นวาจาออกมาว่าจะไปนำมาให้ ราวกับตอบรับความปรารถนาอันแรงกล้าของเขาอย่างจริงใจ
ยิ่งกว่านั้น…
มันก็แค่การตีตราทาสแลกกับความปรารถนาที่สูงสุดในชีวิต… ยังมีอะไรต้องกลัวอีกหรือ?!
เขาเตรียมใจเอาไว้แล้ว!
เสวียนเทียนชวนครุ่นคิดสักพัก ในที่สุดจึงตัดสินใจได้ เขายกมือขึ้นทำความเคารพ “ข้าเข้าใจบุตรศักดิ์สิทธิ์ผิดไป หวังว่าเจ้าจะยกโทษให้”
“ไม่เป็นไร เปิดจิตเทวะของเจ้าเถอะ”
เสวียนเทียนชวนเปิดจิตเทวะ เขาเห็นลู่หยวนถือยันต์เอาไว้ ก่อนแปะเข้าที่หน้าผากของเขา
วิ้ง!
ศิษย์เอกยอดเขาวิถีเร้นลับเพียงรู้สึกถึงคลื่นบางอย่างแพร่กระจายออกมาจากจิตเทวะ ความเจ็บปวดแสนสาหัสยังคงก่อตัวขึ้น ราวกับในใจมีภูตผีนับไม่ถ้วนกำลังเคลื่อนไหวไปมา คอยก่อกวนเขาอย่างต่อเนื่อง
ไม่กี่อึดใจ ความเจ็บปวดแสนสาหัสหายไป เสวียนเทียนชวนหอบหายใจอยู่พักใหญ่จึงสงบสติอารมณ์ได้
ผู้ติดตามคนใหม่ของลู่หยวนปรากฏกาย…