ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 226 ตีตราทาส
บทที่ 226 ตีตราทาส
บทที่ 226 ตีตราทาส
“เสวียนเทียนชวน”
เสียงของลู่หยวนดังขึ้น
ชายบนรถเข็นเงยหน้าขึ้น ทันทีที่เห็นอีกฝ่าย เขาพลันรู้สึกหวาดกลัวตามสัญชาตญาณ มันเป็นความรู้สึกที่ยอมจำนนจากก้นบึ้งของหัวใจ
ราวกับชายตรงหน้าคือผู้ปกครองโลกทั้งใบ ส่วนเขาเป็นเพียงฝุ่นธุลีผู้มีค่าเพียงคุกเข่าอยู่แทบเท้าบุตรศักดิ์สิทธิ์ และใช้ชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลของชายคนนี้
เสวียนเทียนชวนก้มศีรษะ เขาพลันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
จากมุมที่ลู่หยวนมองไม่เห็น ดวงตาของชายบนรถเข็นสั่นไหวระริก
เขาเคยถูกผนึกหนอนกู่เข้าไปในร่างกายแล้วไม่ใช่หรือ?!
หนอนกู่นี้จะกัดกร่อนตราทาส แม้มันจะไม่สามารถกวาดล้างผนึกทั้งหมดได้ แต่มันสามารถรับประกันได้ว่าเขาจะไม่ได้รับผลจากตราทาสมากจนเกินไป!
ทว่า… ความหวาดกลัวและความยอมจำนนรุนแรงในใจตอนนี้มันคืออะไร?!
เสวียนเทียนชวนตั้งสมาธิ หนอนกู่มากกว่าสามร้อยตัวที่เขาปลูกถ่ายเอาไว้ล้วนอยู่ภายในจิตเทวะ ยังไม่มีตัวไหนถึงแก่ความตาย!
หรือว่าปัญหาจะอยู่ที่ตัวหนอนกู่?
เป็นไปไม่ได้!
เขาทดสอบหนอนกู่นี้กับศิษย์บนยอดเขาเร้นลับมานับร้อยครั้ง ก่อนนำมาใช้กับตัวเอง ปัญหาไม่ได้อยู่ที่พวกมัน
“เสวียนเทียนชวน เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?”
ชายบนรถเข็นเงยหน้าขึ้นอีกครา พบว่าลู่หยวนกำลังยกยิ้มมุมปาก เส้นโค้งที่ประดับใบหน้าหยกไม่เหมือนกับสายลมยามวสันตฤดูอีกต่อไป บัดนี้มันเหมือนกับมัจจุราชแห่งนรกภูมิ ชวนให้คนตรงหน้ารู้สึกสันหลังเย็นวาบ
“สิ่งที่ข้าตีตราบนตัวเจ้าไม่ใช่ตราทาสธรรมดา เจ้าเตรียมการอะไรไว้ล่วงหน้าล้วนเปล่าประโยชน์”
รูม่านตาของเสวียนเทียนชวนหดลงจนมีขนาดเท่าเข็มหมุด ยามนี้เขารู้สึกเหมือนถูกเปิดโปงต่อหน้าลู่หยวน!
การบ่มเพาะของหนอนกู่นี้คือวิชาต้องห้าม แม้กระทั่งอาจารย์สำนักยังไม่สามารถตรวจจับได้!
แล้วคุณชายลู่ทราบได้อย่างไร?!
ขณะนี้ เสียงของกันเม่าดังมาแต่ไกล “ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ ข้านำคนจากยอดเขาเร้นลับมาให้แล้ว!”
ลู่หยวนชำเลืองมองไปทางกันเม่า เขาเลิกคิ้วราวกับกำลังมองมดตัวหนึ่ง “เจ้าสงสัยว่าทำไมข้าถึงรู้ใช่หรือไม่?”
เสวียนเทียนชวนพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว
ลู่หยวนยกมุมปากขึ้น “ข้าไม่ได้รู้หรอก ข้าเพียงโกหกเจ้า แต่ยามนี้ข้ารู้แล้ว”
ทุกคำพูดของเขาราวกับค้อนยักษ์ มันทุบเข้าที่หัวใจของเสวียนเทียนชวนอย่างรุนแรง
ผ่านไปหลายอึดใจ ผู้ถูกตีตราทาสเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา
เดิมเขาคิดว่าตนคือผู้ที่สามารถหยั่งรู้จิตใจของผู้อื่นได้ แม้เป็นเพียงศิษย์ผู้สืบทอดของบรรพชนเสวียนแค่ในนามเท่านั้น แต่เขาก็สามารถทำให้ศิษย์ทั้งหลายของหญิงชราเชื่อฟังได้
แต่ยามได้เห็นลู่หยวนในวันนี้ เขารู้ทันทีว่า หัวใจถูกหยั่งรู้แท้จริงมันเป็นเช่นไร
ต่อหน้าสายตาของชายผู้นี้ ทุกสรรพสิ่งในสวรรค์และโลกย่อมไม่มีที่ให้หลบซ่อน!
ความปรารถนาเดิมของเสวียนเทียนชวนมลายหาย
เขาเป็นคนฉลาด ดังนั้นจึงทราบดีว่า การเปิดโปงของของลู่หยวนในวันนี้เป็นการแสดงอำนาจ
เป้าหมายของมันคือทำให้เขารู้ซึ้งว่า หากเล่นตุกติกต่อหน้านายท่าน อาจถึงแก่ความตายโดยไม่รู้ตัว!
ยามนี้ กันเม่ากับศิษย์บรรพชนเสวียนทั้งหลายต่างเข้ามาใกล้
เสวียนเทียนชวนสะกดความคิดทั้งหลายเอาไว้ ร่างกายยืดตรง ดวงตาของเขากลับมาแจ่มชัด ก่อนคำนับให้บุตรศักดิ์สิทธิ์ “นายท่าน ข้าขอร่วมเป็นร่วมตายไปพร้อมกัน! ด้วยความเต็มใจรับใช้ขอรับ”
กันเม่าเห็นดังนั้นจึงเย้ยหยันอยู่ในใจ
รองหัวหน้ากลุ่มเทียนไม่ได้มีความสัมพันธ์อันดีกับเสวียนเทียนชวนมานานแล้ว!
คนที่ประจบสอพลอบุตรศักดิ์สิทธิ์ก่อนคือเขาก็จริง
แต่ก็ไม่ได้ประจบโจ่งแจ้งจนเกินงาม แต่เสวียนเทียนชวนกลับทำตัวน่าสังเวช อีกฝ่ายพยายามฝีนสังขาร เพื่อคุกเข่าหมอบกราบสามครั้ง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อขอความเห็นใจจากท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์!
อย่าคิดว่าเจ้าจับกระบี่ไม่ได้ แล้วท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์จะยอมตามใจเชียว!
“เจ้ากลับไปพักฟื้นที่ยอดเขาเร้นลับก่อน หากมีเรื่องอะไร ข้าจะเรียกเจ้าเอง”
เสวียนเทียนชวนคารวะนายท่านอีกครั้ง “ขอรับ!”
ศิษย์ทั้งหลายของบรรพชนเสวียนพาศิษย์พี่ใหญ่จากไป
กันเม่าตกอยู่ในห้วงความคิดขณะมองร่างของเสวียนเทียนชวนจนลับสายตา
ลู่หยวนกำลังจะกลับยอดเขาหอก แต่เขาได้ยินเสียง ‘ตุบ’ ก่อนจะเห็นกันเม่าคุกเข่าเพื่อคำนับ พลางเอ่ยว่า “ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ ข้าเองก็เต็มใจรับใช้และพร้อมสละชีวิตเพื่อท่าน!”
คุณชายแห่งตำหนักธารสุญญะชะงักงัน “เจ้าอยากทำอะไรเพื่อข้าใช่หรือไม่?”
ผู้ใช้โล่กระบี่พยักหน้าหนักแน่น
“ถ้าเช่นนั้น ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากรบกวนให้เจ้าทำเสียหน่อย”
ดวงตาของกันเม่าทอประกาย “บุตรศักดิ์สิทธิ์เชิญว่ามา”
ลู่หยวนส่งยันต์ใบหนึ่งให้กันเม่า แล้วเอ่ยว่า “ไปตามหาที่พักของชิวชิงหลีในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์และตามยอดเขา เสร็จแล้วมารายงานให้ข้า”
กันเม่ารับมันไว้และพยักหน้าอย่างหนักแน่น “บุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่ต้องห่วง ข้าจะตามหาให้เจอ!”
คุณชายลู่สะกิดเท้าขึ้น มุ่งหน้าสู่ยอดเขาหอก
บนยอดเขาลับแห่งหนึ่งในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ชิวชิงหลียืนอยู่ใต้พฤกษาวิญญาณ แนวคิ้วขมวด ขณะพยายามโน้มน้าว “พี่ฉู่เชิ่ง อุบายของลู่หยวนในวันนี้เจ้าได้เห็นกับตาแล้ว ด้วยพลังของเจ้าในตอนนี้ ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดังนั้นเลี่ยงเขาไปก่อนย่อมดีกว่า!”
ฉู่เชิ่งยังคงเงียบงัน แต่สายตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะ
นางเห็นดังนี้จึงได้แต่ถอนหายใจ “พี่ฉู่เชิ่ง ข้ารู้ว่าทำไมเจ้าถึงโกรธ แต่เรื่องที่ชิงหลีสัญญาว่าจะเป็นสาวใช้ของลู่หยวนมันเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว”
“หัวใจของชิงหลี ยังคงอยู่กับเจ้าเสมอ ไม่มีวันแปรเปลี่ยน”
สิ้นคำ ใบหน้างดงามของชิวชิงหลีที่อยู่ใต้ผ้าคลุมถูกแต่งแต้มด้วยสีแดง
ในใจของฉู่เชิ่ง ท่านหู่เอ่ยว่า “เจ้าหนู หญิงสาวผู้นี้ยอมไปอยู่กับลู่หยวนก็เพื่อเจ้า หากไม่ใช่เพราะนาง เจ้าย่อมไม่ได้รับความช่วยเหลือ”
ฉู่เชิ่งยังคงไม่ขยับ เรื่องที่ชิวชิงหลีแสดงเป็นสาวใช้เพื่อเขา แน่นอนว่าเขาทราบดี
ทว่า… เรื่องที่ชิวชิงหลีเปลื้องผ้าอาบน้ำให้ลู่หยวน เขายังไม่ทราบ!
เมื่อได้ยินผู้คนสนทนาเรื่องดังกล่าวราวกับได้ไปเห็นมากับตา ปอดของบุตรแห่งโชคชะตาฉู่แทบจะระเบิดออกมา!
เปลื้อง ผ้า อาบ น้ำ …สี่คำนี้ทำเอาหลายคนเก็บไปฝันยามหลับ!
ชิวชิงหลีเป็นคนในฝันของฉู่เชิ่ง ทุกคนในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ทราบเรื่องไม่มากก็น้อย แล้วคนอื่นจะคิดกับเขาเช่นไร เมื่อข่าวลือเช่นนี้แพร่สะพัดออกไป?!
ตอนฉู่เชิ่งเพิ่งทราบเรื่องนี้ เขายังไม่ปักใจเชื่อ ถึงอย่างไร ในยามนั้นก็มีเพียงลู่หยวนกับชิวชิงหลี หากบุตรศักดิ์สิทธิ์ยืนกรานที่จะแพร่สะพัดข่าวลือออกไป แล้วมีสิ่งใดบ้างที่เขาไม่สามารถใส่สีตีไข่เพิ่มอีกได้?!
เหล่าศิษย์ทั้งหลายเห็นมากับตาว่า ตอนชิวชิงหลีออกจากยอดเขาหอก สภาพของนางเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ใบหน้าขาดซีดราวกระดาษ แม้กระทั่งเสื้อผ้ายังขาดวิ่น!
มีสิ่งใดในโลกหล้าที่ทำให้นางอับอายได้ถึงเพียงนี้?!
ฉู่เชิ่งเดือดดาล บัดนี้คำพูดปลอบประโลมของนางในดวงใจที่ลอยเข้าหูของเขาไม่ต่างจากคำพูดเหยียดหยัน
เสียงของท่านหู่ยังคงดังขึ้น “เจ้าหนู มันไม่ใช่เรื่องผิดแปลกที่เจ้าจะกังขา แต่เจ้าต้องเข้าใจความร้ายแรงของสถานการณ์บ้าง!”
“หญิงสาวผู้นี้คือสมาชิกของตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรม! ตอนนี้นางกำลังให้ความสนใจเจ้า ดังนั้นเจ้าต้องทราบก่อนว่า หากทิ้งนางไป จะมีโชคชะตายิ่งใหญ่เพียงไหนที่ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น!”
“หากเจ้าอยากเอาชนะลู่หยวน การอยู่เคียงข้างนางเป็นทางที่ถูกต้อง!”
คำพูดของท่านหู่ทำให้ฉู่เชิ่งตกตะลึง โทสะทั้งหมดในดวงตาของเขามลายหาย
ภูมิหลังตระกูลของชิวชิงหลีนับว่าพิเศษ แค่โชคชะตาอย่างเดียวก็ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะนำกองกำลังใดมาเทียบเคียงได้!
ยามที่นางเป็นผู้สืบทอดของบรรพชนดาบก็ได้รับสมบัติล้ำค่ามากมาย อีกทั้งชิวชิงหลียังมอบของทั้งหมดนั่นให้กับเขา!
ในช่วงเวลานั้น เขารู้สึกว่าในฐานะลูกผู้ชายต้องไม่พึ่งพาสตรีเพียงอย่างเดียว เขาจึงปฏิเสธทรัพยากรบ่มเพาะอย่างสุภาพไปหลายชิ้น
พอมาคิดดูตอนนี้ หากตอนนั้นเขารับของทั้งหมดไป รากฐานการบ่มเพาะของเขาคงก้าวกระโดดไปนานแล้ว!