ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 240 เพลิงอัสนี!
บทที่ 240 เพลิงอัสนี!
บทที่ 240 เพลิงอัสนี!
เมื่อมองค่ายกลตรงหน้า สายตาของชิวชิงหลีพลันแปลกไป
นางครอบครองเส้นชีพจรแห่งวิถีคุณธรรม แต่ไม่เคยสังเกตว่าพลังแห่งวิถีคุณธรรมจะซ่อนอยู่ใต้นาคามังกรแดงสองหัว
ทว่าลู่หยวนกลับมองออกอย่างรวดเร็ว และยังวางอุบายหลอกให้สัตว์ร้ายเข้ามา เพื่อเด็ดหัวพวกมันในคราวเดียว!
ชิวชิงหลีมองการณ์ไม่ไกลมากพอจนรู้สึกละอายแก่ใจนัก
“ขอบคุณบุตรศักดิ์สิทธิ์”
ผู้สืบทอดวิถีคุณธรรมประสานมือคารวะ ส่วนวิญญาณอีกดวงในก้นบึ้งหัวใจกลับหลุดพ้นพันธนาการออกมาเอ่ยคำยียวน “เจ้าได้เห็นกับตาแล้วว่าท่านลู่หยวนแข็งแกร่งแค่ไหน ภายหน้าย่อมมีตำแหน่งใหญ่โตบนแผ่นดินหยวนหง! เหตุใดยังไม่เข้าสู่อ้อมแขนของเขาอีก อย่างไรก็ดีกว่าฉู่เชิ่งผู้นั้นไม่ใช่หรือ?”
ชิวชิงหลีแยกความคิดออกมาสะกดวิญญาณดวงนั้น สายตาของนางเต็มไปด้วยความเย็นชา
ลู่หยวนฮัมเพลง พลางมองไปทางเปลวเพลิงสามดวงที่อยู่โดยรอบ
เปลวเพลิงทั้งสามมีสีสันอันน่าหลงใหล พวกมันคือเพลิงวิญญาณ
เปลวเพลิงสีม่วงที่อยู่ด้านบนดูสะดุดตาที่สุด
รอบเปลวเพลิงสีม่วงมีสายฟ้าเคลื่อนไปมา และปรากฏเสียงฟ้าร้องดังอย่างต่อเนื่อง
เปลวเพลิงอีกสองดวงต่างแสดงความยำเกรงต่อเพลิงวิญญาณดวงดังกล่าว
แน่นอนว่าเพลิงสายฟ้านั้นคือเพลิงวิญญาณลำดับ 11 … เพลิงอัสนี!
มีข่าวลือว่าเดิมเพลิงอัสนีนี้ไม่ได้เป็นของแผ่นดินหยวนหง แต่เป็นเพลิงจากสวรรค์และมีจิตเทวะเป็นของตนเอง ดังนั้นมันจึงแบ่งส่วนออกมาหลายดวง และกระจายตัวไปทั่วหล้า
มีเพียงส่วนนี้ที่ชักนำสายฟ้ามาได้ หากผู้ถือครองทรงพลัง ย่อมสามารถอัญเชิญได้แม้กระทั่งทัณฑ์อัสนีแห่งวิถีสวรรค์!
ด้วยเหตุดังกล่าว ในยุคแรกเริ่ม เพลิงอัสนีจึงเป็นเพลิงวิญญาณลำดับที่สาม!
แต่ตลอดยุคสมัยที่ผันผ่าน เจ้าของเพลิงอัสนีทุกคนไม่สามารถใช้มันได้ดีนัก และไม่มีใครชักนำให้ทัณฑ์อัสนีฟาดลงมาได้
หลายคนเริ่มตั้งคำถามถึงพละกำลังแท้จริงของเพลิงอัสนี เป็นเหตุให้อันดับของมันในรายชื่อเพลิงวิญญาณลดลงครั้งแล้วครั้งเล่า
สุดท้ายมันก็หลุดจากสิบอันดับแรก จนเป็นรองเพลิงเหมันต์สงัด!
ชิวชิงหลีเอ่ยกับชายหนุ่มว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์ ข้าอยากเข้าสู่สภาวะบ่มเพาะ ท่านช่วยปกป้องข้าได้หรือไม่”
ลู่หยวนพยักหน้า พร้อมสร้างค่ายกลจำนวนมากติดตั้งไว้ข้างกาย จากนั้นจึงดึงเพลิงวิญญาณสามดวงไปที่อื่นเพื่อเตรียมดูดกลืนพวกมัน
นางยื่นมือออกไปเพื่อชี้นำพลังวิถีคุณธรรมไว้ด้านข้าง ก่อนจะนั่งขัดสมาธิและใช้พลังวิญญาณเพื่อชักนำพลังแห่งวิถีคุณธรรมเข้ามาสัมผัสกับเส้นชีพจรแห่งวิถีคุณธรรม พร้อมเริ่มบ่มเพาะ
ลู่หยวนผู้ยืนอยู่ข้างกายมองเพลิงวิญญาณสามดวงที่ถูกดึงดูดออกมา เขาเพียงยื่นมือออกไปเพื่อกลืนกินเพลิงวิญญาณสองดวงที่ไม่ใช่เพลิงอัสนี
ในจิตเทวะ หอคอยอสูรสวรรค์หิวโหยมานานอ้าปากกว้าง แล้วกลืนกินเพลิงวิญญาณเข้าไปทีละดวง
เหลือเพียงเพลิงอัสนีที่ลู่หยวนต้องบ่มเพาะด้วยตนเอง!
แม้การให้หอคอยอสูรสวรรค์กลืนกินเพลิงอัสนีนี้เข้าไปจะเป็นวิธีใช้งานที่เร็วที่สุด
ทว่าด้วยวิธีดังกล่าว เพลิงอัสนีจะกลายเป็นสารอาหารของหอคอยอสูรสวรรค์ และวันหนึ่งมันจะถูกกลืนกินจนหมด!
แม้เพลิงอัสนีจะเป็นเพลิงวิญญาณอันดับ 11 แต่มันเป็นเพลิงวิญญาณเพียงหนึ่งเดียวที่เคลื่อนลงมาจากสวรรค์ หากเขาสามารถหลอมและปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาได้ มันอาจจะไม่ด้อยไปกว่าสามอันดับแรกในรายชื่อเพลิงวิญญาณปัจจุบัน!
ลู่หยวนยกสองมือขึ้นเพื่อประคองมันเอาไว้ตรงกลาง ค่ายกลจำนวนมากปรากฏขึ้นข้างกาย พร้อมปกคลุมเอาไว้ทั้งหมด
เมื่อบุตรศักดิ์สิทธิ์นั่งขัดสมาธิ เพลิงอัสนีที่ลอยอยู่ในฝ่ามือจึงเริ่มปั่นป่วน
รอบข้างเพลิงอัสนีมีเสียงฟ้าคำรามดังสนั่น พร้อมสายฟ้าสีม่วงประหนึ่งงูขนาดเล็กที่ปลดปล่อยพลังออกมาอย่างต่อเนื่อง พวกมันอยู่รอบข้างเพื่อรอคอยโอกาสจู่โจม
“ท่านหู่ เพลิงวิญญาณเหล่านั้นจะเป็นของลู่หยวนไม่ได้!”
ในเขตแดนลับ ฉู่เชิ่งกระตุ้นรากฐานการบ่มเพาะทั้งหมดพร้อมมุ่งหน้าสู่การต่อสู้
เสียงของท่านหู่แหบพร่าและมุ่งมั่น “ไม่ต้องห่วง ข้าตรวจสอบมาแล้ว เด็กคนนั้นไม่มีเส้นชีพจรเพลิงวิญญาณ จึงไม่สามารถดูดกลืนเพลิงวิญญาณได้ ส่วนเหตุใดเพลิงเหมันต์สงัดที่เขาเคยพรากไปถึงสามารถถูกเรียกออกมาได้ มันต้องเป็นเพราะอุบายบางอย่างไม่ผิดแน่!”
ฉู่เชิ่งที่ได้ยินคำของท่านหู่จึงเกิดวางใจ
เมื่อนึกถึงท่าทีที่มู่พ่านซานแสดงออกเมื่อครู่ เขายิ่งรู้สึกเดือดดาล
คนพวกนี้ดีแต่ดูถูกผู้อื่น!
รอให้ได้รับวาสนาที่ยิ่งใหญ่มาก่อน คนพวกนี้จะได้รู้ว่าฉู่เชิ่งผู้นี้คือราชัน!
บุตรแห่งโชคชะตาฉู่ถูกโทสะครอบงำอย่างต่อเนื่องจนไม่สามารถรับรู้ถึงความเป็นจริง
เขาทราบว่าหากตัวเองในตอนนี้ไปสู้กับลู่หยวน ย่อมไม่ต่างจากกระแทกหินด้วยไข่!
หากต้องการเอาชนะบุตรศักดิ์สิทธิ์ ก็ต้องได้รับโอกาสมาก่อน!
เขาได้ทำข้อตกลงกับท่านหู่แล้ว หากได้รับวาสนาในหอคอยสวรรค์ประทาน เขาจะออกจากสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์เพื่อเดินทาง วันที่เขาหวนกลับมาจะเป็นศึกชี้ชะตากับลู่หยวน!
ฉู่เชิ่งสูดหายใจเข้าอีกหลายคราจนกระทั่งได้กลิ่นโลหิตฉุน
เมื่อมองรอบข้าง เขาพบว่าไกลออกไป พื้นดินกลับเต็มไปด้วยเนื้อสัตว์อสูรดูน่าสะอิดสะเอียน
ศิษย์เอกยอดเขาดาบกวาดสายตามอง ก่อนพบชิวชิงหลีกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในค่ายกล โดยมีค่ายกลทั้งหลายห้อมล้อมเอาไว้
ไม่ไกลกันนั้น ลู่หยวนถือเพลิงวิญญาณไว้ในมือ ราวกับกำลังคิดหาวิธีใช้มันบ่มเพาะ
ท่านหู่เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าหนู! มันคือเพลิงอัสนีซึ่งอยู่อันดับสิบเอ็ดในรายชื่อเพลิงวิญญาณ!”
ฉู่เชิ่งตกตะลึง ร่องรอยความละโมบก่อตัวขึ้นในใจ
ยามนี้เขามีเพลิงเหมันต์สงัดที่เป็นอันดับสิบในรายชื่อเพลิงวิญญาณ หากได้อันดับสิบเอ็ดมาครอบครองหรือถึงขั้นหลอมรวมเพลิงวิญญาณทั้งสองเข้าด้วยกันได้ พละกำลังของเขาย่อมเพิ่มขึ้นมหาศาล!
“มอบร่างให้ข้า จะได้เอาเพลิงอัสนีกลับมาให้เจ้า!”
“เจ้าหนู หลังจากนี้ให้จดจำเอาไว้ว่าหากเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามฝืนร่างกายเพื่อต่อสู้กับลู่หยวนเด็ดขาด! ถอยก่อนแล้วค่อยคุย!”
ฉู่เชิ่งพยักหน้าหนักแน่น พร้อมมอบร่างให้กับท่านหู่
เกลียวโลหิตสายหนึ่งปรากฏขึ้นทั่วร่างของศิษย์เอกยอดเขาดาบ ก่อนจะหายไปในชั่วอึดใจ สายตาของฉู่เชิ่งพลันมืดพร้อมบรรยากาศรอบตัวที่เปลี่ยนไป
ท่านหู่ควบคุมร่างของฉู่เชิ่ง ปกปิดตำแหน่งกลิ่นอายแล้วเดินไปทางบุตรศักดิ์สิทธิ์
ยามนี้ลู่หยวนยังคงเล่นสนุกกับเพลิงอัสนี ไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องการบ่มเพาะมัน
ท่านหู่เอ่ยคำขึ้นในใจ “เจ้าหนู อย่าห่วงไปเลย ลู่หยวนไม่สามารถหลอมเพลิงอัสนีได้ ไม่อย่างนั้นเหตุใดจึงยังมัวเล่นกับมันแทนที่จะหลอมเล่า?”
วิญญาณของฉู่เชิ่งพยักหน้า เขาจ้องมองอีกฝ่ายโดยตาไม่กะพริบ หลังจากมั่นใจว่าลู่หยวนยังไม่ได้บ่มเพาะมัน เขาจึงสลัดความกลัวออกไปได้
ครั้นฉู่เชิ่งมาถึง เขาคิดว่าอาจจะต้องเสียใจไปชั่วชีวิตหากชายหนุ่มได้รับวาสนาเป็นเพลิงวิญญาณ!
หากไม่ใช่เพราะมัวไปคุยเรื่องจักรพรรดินีกับมู่พ่านซาน เขาคงสามารถเข้าสู่เขตแดนลับได้ไปนานแล้ว!
ท่านหู่ควบคุมร่างกายอย่างชำนาญ หลังจากมองเห็นโอกาสจึงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เปลวเพลิงเหมันต์เงียบสงัดปรากฏทั่วร่าง ยามชูดาบที่ปกคลุมด้วยเปลวเพลิงขึ้นมา
ตูม!
ท่านหู่ระดมรากฐานการบ่มเพาะทั้งหมด แยกพื้นที่หลายร้อยจั้งออกจากกันด้วยหนึ่งดาบ ก่อนจะบีบอัดพวกมันในบัดดล
ดาบชี้ไปเบื้องหน้า ถ่ายทอดพลังแห่งวิถีรอบเพลิงเหมันต์สงัดไปยังลู่หยวน
ท่านหู่เตรียมการไว้หมดแล้ว ยามตวัดดาบจนทำลายค่ายกลทั้งหมดนี้ได้ ลู่หยวนผู้ถือเพลิงอัสนีไว้ในมือจะหาทางซ่อนมันไว้เพื่อให้เคลื่อนไหวได้สะดวก จังหวะนั้นคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการช่วงชิง!