ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 242 ท่านหู่ลาจาก
บทที่ 242 ท่านหู่ลาจาก
บทที่ 242 ท่านหู่ลาจาก
“ปล่อยไปงั้นหรือ?”
ลู่หยวนเหลือบมองขึ้นไปเหนือศีรษะด้วยร่างที่เต็มไปด้วยเพลิงอัสนี เหนือสวรรค์ทั้งเก้าปรากฏเมฆมรสุมฟ้าคะนองแผ่ไปทั่วพร้อมแสงสายฟ้าวูบไหว และพลังมังกรอันไร้ที่สิ้นสุด
เมื่อท่านหู่ผู้ควบคุมร่างของฉู่เชิ่งเห็นดังนั้นหัวใจจึงสั่นสะท้าน ภาพลู่หยวนผู้ถูกห้อมล้อมด้วยพลังสีม่วง มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ท่าทียิ่งใหญ่ประหนึ่งเซียนสวรรค์ให้ความรู้สึกราวกับกำลังดูแคลนโลกทั้งใบ
ลู่หยวนจับจ้องไปยังท่านหู่ ทำเอาแผ่นหลังของอีกฝ่ายเย็นวาบและหัวใจแทบหยุดเต้น
“ได้สิ”
บุตรศักดิ์สิทธิ์เอ่ยสองคำนี้ออกมา แม้แต่ท่านหู่ยังตกตะลึงและจ้องมองอย่างเหม่อลอย สายตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
ลู่หยวนตอบตกลงหรือ?!
เป็นไปได้อย่างไร?!
เมื่อได้ยินลู่หยวนตอบตกลง วิญญาณของฉู่เชิ่งซึ่งอยู่ภายในจิตเทวะก็รู้สึกโล่งอก
เมื่อครู่บุตรศักดิ์สิทธิ์เตรียมการประหัตประหารทุกรูปแบบ ที่แม้แต่ท่านหู่ยังไม่มีทางเลือกนอกจากหลบหนี
บัดนี้เซียนสวรรค์จากสวรรค์ทั้งเก้าปรากฏกาย พร้อมหาทางออกให้!
ขอเพียงฉู่เชิ่งรอดไปได้ เรื่องราวก็ยังสามารถดำเนินต่อไปได้!
ลู่หยวนยกมือ มังกรสายฟ้าเก้าตัวซึ่งปกคลุมอยู่ข้างกายท่านหู่สั่นไหว หนึ่งในนั้นส่งเสียงคำรามต่ำ ก่อนจะหายไปจากโลก
“พยัคฆ์โลหิตไปได้ แต่ฉู่เชิ่งต้องอยู่!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ท่านหู่และฉู่เชิ่งตกตะลึง
เหนือหมู่เมฆ ร่างมายาของเซียนสวรรค์พยักหน้า “ได้”
พยัคฆ์โลหิตหรี่ตา มันคลานเข่าไปทางร่างมายา แล้วเอ่ยเสียงดัง “ไม่ได้ ท่านบรรพชน! ฉู่เชิ่งเป็นสหายคนสนิท ข้าทิ้งเขาไปไม่ได้! ท่านโปรดช่วยเขาด้วย!”
ร่างมายาของเซียนสวรรค์เผยคิ้วขมวด นางชำเลืองมองแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในฐานะบรรพชนและลูกหลาน ข้าปกป้องเจ้าได้ ส่วนเรื่องของเจ้าหนุ่มนั่นหาได้เกี่ยวกับข้าไม่”
แม้นางจะเป็นเพียงร่างมายา แต่หากต้องการปกป้องท่านหู่และฉู่เชิ่งจากเงื้อมมือของลู่หยวนก็ไม่ใช่ปัญหา นางถึงขั้นสามารถลงมือสังหารคุณชายลู่ได้ด้วยซ้ำ
แต่ระหว่างบุตรศักดิ์สิทธิ์กับนางไม่มีเหตุเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน อีกอย่าง นางเพียงทิ้งร่างมายาเอาไว้บนแผ่นดินนี้ เพื่อคอยคุ้มกันเผ่าพยัคฆ์โลหิตเท่านั้น
ลู่หยวนคือคุณชายของตระกูลใหญ่ หากวันนี้สร้างความบาดหมางเพราะเรื่องของพยัคฆ์โลหิต ยามร่างมายาสลายไป ลูกหลานของนางย่อมถึงคราวจบสิ้น!
บัดนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์ยอมทำตามที่บอกแล้ว นางก็ต้องยอมถอยบ้าง
พยัคฆ์โลหิตมีชีวิตรอดได้ ส่วนฉู่เชิ่งจะโดนอะไรบ้างก็เรื่องของเขา!
ยามได้ยินบรรพชนเอ่ยเช่นนั้น หัวใจของท่านหู่ก็สั่นสะท้าน
อีกด้านหนึ่ง ลู่หยวนสะบัดมือขวา หอกพันมังกรเก้าสวรรค์ปรากฏขึ้นพร้อมพลังสีม่วงแผ่ออกมา พวกมันเคลื่อนไปข้างหน้า ก่อนจะปกคลุมหอก
พวกมันเหมือนดั่งเปลวเพลิงที่มีเสียงฟ้าร้องอยู่ข้างใน
ภายใต้พลังสีม่วง มังกรบนหอกพันมังกรเก้าสวรรค์ขยับเพียงหนึ่งครั้ง สายฟ้าพลันฟาดลงมาประหนึ่งเทพมังกรจากสวรรค์ทั้งเก้าจุติ
“พยัคฆ์โลหิต ข้าขอแนะนำให้ตัดสินใจโดยเร็ว ข้าไม่มีเวลามาเล่นด้วยนานนัก”
ลู่หยวนยื่นคำขาด
ท่านหู่คุกเข่าอยู่กับที่ เพียงชั่วครู่ความคิดทั้งหลายก่อตัวขึ้น
หากยังอยู่กับฉู่เชิ่ง ด้วยพละกำลังและการบ่มเพาะของลู่หยวน วันนี้มันย่อมถึงแก่ความตาย!
แต่ถ้าทิ้งฉู่เชิ่ง อีกฝ่ายจะตาย แล้วเศษเสี้ยววิญญาณของเขาจะไปหาผู้เหมาะสมเพื่อบ่มเพาะจากที่ใด และเมื่อไหร่ถึงจะสามารถสร้างกายหยาบขึ้นมา พร้อมกลับสู่เผ่าพยัคฆ์โลหิตหุบเขาบูรพาได้?!
ไม่ว่าจะทางไหน ท่านหู่ก็รู้สึกว่าเป็นการยากที่จะตัดสินใจ!
ความลังเลของเขา ทำให้ฉู่เชิ่งระแวดระวัง เขาสัมผัสได้ถึงความขัดแย้งในใจของท่านหู่
เดิมบุตรแห่งโชคชะตาฉู่คิดว่าอีกฝ่ายมีโอกาสหักหลังน้อยที่สุด!
ย้อนกลับไปในเขตแดนลับหุบเขาเมฆา ท่านหู่เคยสาบานว่าต่อให้ภายภาคหน้าจะเกิดอะไรขึ้น อีกฝ่ายจะไม่มีวันทอดทิ้งเขา
และยังพูดถึงภาพฝันในอุดมคติให้ฟัง …บอกว่าฉู่เชิ่งจะต้องได้รับการบ่มเพาะจนกลายเป็นผู้นำสูงสุดของแผ่นดิน!
ภายใต้สถานการณ์ยามนี้ พยัคฆ์โลหิตสองจิตสองใจที่จะไปจากเขางั้นหรือ?!
สัญญาอะไรกัน… อดีตที่ผูกพันอะไรกัน เรื่องโกหกทั้งเพ!
“หึ!” วิญญาณของฉู่เชิ่งภายในก้นบึ้งของจิตใจพลันเย้ยหยันว่า “พยัคฆ์โลหิต ท่านยังมัวลังเลอะไรอยู่?! ไปได้แล้ว!”
ร่างที่เป็นของฉู่เชิ่งสั่นสะท้าน กลิ่นอายรอบข้างปั่นป่วน ในชั่วพริบตา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
สีหน้าที่เดิมสงบและมั่นคงบิดเบี้ยวครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ภายในไม่กี่อึดใจ ก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจัง
ร่างของฉู่เชิ่งกลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมของวิญญาณตัวเองอีกครา
เศษเสี้ยววิญญาณของท่านหู่ถูกกันออกไป เมื่อเห็นฉู่เชิ่งยึดร่างคืนไป พยัคฆ์โลหิตก็เอ่ยคำด้วยความวิตก “เจ้าหนู มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด! ข้า…”
ก่อนท่านหู่จะทันได้เอ่ยจบ ศิษย์เอกบรรพชนดาบพลันตะโกนด้วยเสียงดุดัน “ข้าไม่ใช่คนโง่!”
เส้นโลหิตปูดโปนขึ้นบนหน้าผากของฉู่เชิ่ง พร้อมดวงตาแดงก่ำ “ท่านมีความคิดที่จะถอยอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?! หากวันนี้ลังเลและคิดทอดทิ้งข้า แล้ววันพรุ่งนี้เล่า?! ท่านจะไม่จับดาบมาแทงหัวใจข้าเลยหรือ?!”
ฉู่เชิ่งเอ่ยถามเสียงดัง ทำให้ท่านหู่พูดไม่ออก
เขาอยากจะไปจริง ส่วนสิ่งที่คิดยามนี้ก็คือหลังลาจากบุตรแห่งโชคชะตาแล้ว มันจะหาร่างใหม่ได้อย่างไร
เหนือสิ่งอื่นใด… มันไม่เคยต้องการทำเช่นนั้น
ท่านหู่มองฉู่เชิ่ง เห็นเพียงแววตาของอีกฝ่ายที่เต็มไปด้วยโทสะของผู้ถูกหักหลัง
มันทราบดีว่าอธิบายไปก็ป่วยการ
ต่อให้ฝืนอยู่ข้างกายฉู่เชิ่ง ความแตกแยกระหว่างทั้งสองก็เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หากโชคดีจนรอดจากภัยพิบัติในวันนี้ไปได้ ฉู่เชิ่งก็ไม่มีวันเชื่อใจเขาอีกต่อไป
หากเป็นเช่นนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ข้างกายอีกฝ่าย!
“ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ โชคชะตาระหว่างเจ้ากับข้าเป็นอันสิ้นสุด!”
ท่านหู่เอ่ยคำตัดสายสัมพันธ์อย่างยากลำบาก พลางหลุบสายตาลงต่ำ
สิ้นคำ… เศษเสี้ยววิญญาณของมันก็ออกจากร่างของฉู่เชิ่ง
เซียนผู้ถูกปกคลุมด้วยเพลิงเมฆาจากสวรรค์ทั้งเก้ายื่นมือออกไป ทำให้หมู่เมฆกระจายตัว ก่อนจะกลืนกินเศษเสี้ยววิญญาณของท่านหู่
นางยิ้มบางให้ลู่หยวน ก่อนเพลิงเมฆาในท้องนภาจะสลายไปพร้อมกับร่างมายา
[ระบบแจ้งเตือน บุตรแห่งโชคชะตาฉู่เชิ่งแยกทางกับเสี้ยววิญญาณพยัคฆ์โลหิต! ค่าชะตาของเขาลดลง 10,000 แต้ม! ค่าชะตาที่เหลือในตอนนี้คือ 12,000 แต้ม!]
[ค่าชะตาวายร้ายของท่านเพิ่มขึ้น 20,000 แต้ม! ค่าชะตาวายร้ายในปัจจุบันคือ 53,000 แต้ม!]
เมื่อได้ยินเสียงระบบดังก้องในหู ดวงตาของลู่หยวนทอประกาย
ค่าชะตาห้าหมื่นแต้ม!
ฉู่เชิ่งผู้นี้มีโชคชะตาให้กอบโกยมากมาย!
มุมปากของลู่หยวนยกยิ้ม
หึหึ ฉู่เชิ่งหนอฉู่เชิ่ง …แม้กระทั่งไพ่ตายใบสุดท้ายเจ้าก็ยังสูญเสียมันไป หากข้าไม่จัดการเจ้าเสีย เกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาทเกินไปแล้ว!
ฉู่เชิ่งทราบว่าวันนี้เป็นศึกชี้ชะตา หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เขาจะต้องตายอยู่ที่นี่
แต่จะยอมให้มันเกิดขึ้นไม่ได้!
หากยังไม่ลองสู้ แล้วจะรู้แพ้ชนะได้อย่างไร?!
เพลิงเหมันต์สงัดปรากฏขึ้นจากร่างของฉู่เชิ่ง สายตาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณต่อสู้
“ลู่หยวน เรื่องระหว่างเจ้ากับข้าจะจบลงในวันนี้!”