ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 243 ชิวชิงหลีปะทะลู่หยวน
บทที่ 243 ชิวชิงหลีปะทะลู่หยวน
บทที่ 243 ชิวชิงหลีปะทะลู่หยวน
จิตวิญญาณต่อสู้ของลู่หยวนเพิ่มขึ้น เปลวเพลิงสีม่วงบนร่างสั่นไหว หอกพันมังกรเก้าสวรรค์ในมือของเขาเคลื่อนไหวตาม
กรร!
มังกรซึ่งพันอยู่บนหอกยาวของลู่หยวนขยับ
เหนืออากาศธาตุ พลังสีม่วงแผ่กระจายจนปกคลุมทั่วหล้า เมื่อหอกในมือของลู่หยวนตวัดออกไป ทั่วปฐพีบังเกิดแรงสั่นสะเทือน
เพียงชั่วครู่ ทรายและหินเกลือกกลิ้งไปมาอย่างคลุ้มคลั่ง ทั่วท้องนภาเต็มไปด้วยพลังมังกร ประหนึ่งจุดจบกำลังมาเยือน
ฉู่เชิ่งผู้ยืนอยู่ตรงหน้าบุตรศักดิ์สิทธิ์มีท่าทีสงบจนน่าประหลาด เขาเหยียดมือออก ทำให้ดาบใหญ่ที่ตกอยู่ไกลออกไปพุ่งกลับมา
เขาคว้าดาบใหญ่ไว้มั่นแล้วใช้มือซ้ายรูดไปตามคม จนเลือดไหลรินชโลมสันดาบใหญ่ในบัดดล
กลิ่นอายเย็นเยือกกระจายไปตามบริเวณที่โลหิตไหลผ่าน เปลวเพลิงและพลังวิถีก่อตัวขึ้น
เมื่อฉู่เชิ่งกวัดแกว่งดาบใหญ่ อักขระสีทองพลันปรากฏตามผิวหนัง ทำให้ร่างของเขาในยามนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
บุตรแห่งโชคชะตาฉู่เพียงรู้สึกว่าตัวเขาในตอนนี้เปี่ยมด้วยพลังไร้ขีดจำกัด ซึ่งเป็นผลจากการเสริมกำลังของคัมภีร์เก้าเคล็ดวิชาดาบแปดแดนร้าง!
พลังมหาศาลซึ่งปกคลุมท้องนภาเกิดการคลุ้มคลั่ง ก่อนจะรวมตัวอยู่มุมหนึ่งเหนือฟากฟ้า
“ลู่หยวน! มาสู้กัน!”
ฉู่เชิ่งแผดเสียงคำราม ดาบยาวในมือเคลื่อนไหวฉับไว กลิ่นอายไร้เทียมทานกระจายไปทั่วร่างของเขา
ตูม!
บุตรแห่งโชคชะตาเหยียบย่างบนพื้นจนเกิดเสียงสั่นสะเทือน ทำให้ทรายและหินกระจายไปทั่ว ก่อนจะร่วงลงมาอย่างรุนแรง
เขาพุ่งเข้าหาลู่หยวนประหนึ่งลูกธนูที่ออกจากสาย เพียงไม่กี่อึดใจก็มาอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย
ฉู่เชิ่งยกดาบด้วยสองมือ อาวุธขยายใหญ่ขึ้นจนยาวหนึ่งร้อยฉื่อ ก่อนจะบดบังท้องนภาไปครึ่งส่วน
ครืน! ครืน! ครืน!
กลิ่นอายของฉู่เชิ่งหนักอึ้ง เขาพลันฟาดฟันออกไป ดาบยาวซึ่งปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงไร้ที่สิ้นสุด แผดเผาอากาศรอบข้าง
“หึ รนหาที่ตาย!”
ลู่หยวนยิ้มหยัน ก่อนจะขยับหอกยาวในมือ แล้วตวัดออกไป เพื่อรับมือฉู่เชิ่ง
ตูม!
พลังแตกต่างกันทั้งสองเข้าปะทะ แสงสว่างสีขาววาบขึ้นชั่วขณะ กลืนกินพื้นที่ข้างในจนสิ้น
อากาศรอบข้างไม่อาจแบกรับพลังดังกล่าวได้ ทำให้พวกมันแตกสลายภายใต้ผลจากการโจมตี
เพียงชั่วอึดใจ เจ้าของดาบล่าถอยออกจากแสงสว่าง พร้อมพุ่งไปด้านหลังในบัดดล
พรวด!
ฉู่เชิ่งกระอักโลหิตออกมา ทั่วร่างเต็มไปด้วยโลหิต อักขระของคัมภีร์เก้าเคล็ดวิชาดาบแปดแดนร้างทั่วกายกระจัดกระจาย ดาบยาวในมือปรากฏรูหลายแห่ง
ตูม!
ฉู่เชิ่งกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดไร้ที่สิ้นสุดลามจากแขนขาลึกไปถึงกระดูก
ยามแสงสว่างสีขาวจางหาย ลู่หยวนยังคงถือหอกพันมังกรเก้าสวรรค์ ทั่วร่างเต็มไปด้วยพลังสีม่วง ประหนึ่งบุตรแห่งสวรรค์จุติลงมา
ชุดสีชาดห่มดำปราศจากฝุ่นธุลี
ลู่หยวนย่างสามขุมเข้าหาฉู่เชิ่ง มุมปากยกขึ้น พร้อมสายตาเต็มไปด้วยความดูแคลน “ขยะ เจ้ารับการโจมตีของข้ายังไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“ขยะอย่างเจ้า ไม่รู้สึกละอายใจที่มีชีวิตอยู่หรือ? คิดว่าคู่ควรกับทรัพยากรที่ใช้ไปหรืออย่างไร? หากสมุนไพรวิญญาณทราบว่าเจ้าเป็นขยะ พวกมันคงยอมเน่าเปื่อยอยู่ใต้ดินเสียยังดีกว่า!”
เมื่อได้ยินคำดูถูกเหยียดหยามของศัตรูคู่อาฆาต ฉู่เชิ่งแทบบันดาลโทสะ เขาอยากลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง แต่กลับไม่สามารถโคจรพลังวิญญาณได้แม้แต่น้อย
เนื่องจากในทะเลลมปราณคล้ายกับมีส่วนสำคัญถูกโจมตีจนไม่มีชิ้นดี ทำให้การโคจรติดขัด เป็นการยากที่จะรวบรวมลมปราณได้
ลู่หยวนเยื้องย่างเข้ามาหาเขาอย่างเชื่องช้า พลางลากหอกยาวไปตามพื้น เสียงปลายหอกที่เสียดสีกับทราย ประหนึ่งปีศาจจากขุมนรกกำลังลากโซ่ตรวน พยายามหลุดพ้นจากพันธนาการ
ขณะที่ฉู่เชิ่งไม่สามารถทำอะไรได้
เขาทำได้เพียงมองคู่แค้นเข้ามาพรากชีวิตด้วยสายตามืดหม่น ความสิ้นหวังก่อตัวขึ้นเต็มหัวใจ
เขาจะต้องจบสิ้นในวันนี้หรือ?
“บุตรศักดิ์สิทธิ์รอเดี๋ยวก่อน!”
น้ำเสียงร้อนรนดังขึ้นเพื่อห้ามปรามลู่หยวน
ฉู่เชิ่งมองไปด้านข้าง ก่อนจะพบชิวชิงหลีผู้กระตุ้นพลังแห่งวิถีคุณธรรมเพื่อทะลวงค่ายกล และมุ่งหน้ามาหาทั้งสอง
ร่างของนางเข้ามาขวางหน้าฉู่เชิ่ง สายตาแน่วแน่ส่งไปหาลู่หยวน นางทราบว่าเมื่อครู่มีการต่อสู้ระหว่างทั้งสอง และยามนี้นายท่านกำลังจะลงมือสังหารอีกฝ่าย!
แม้ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นางจะต้องช่วยฉู่เชิ่งให้ได้!
นางยังไม่ทราบว่าวิญญาณของฉู่เชิ่งถูกพรากไปแล้วหรือไม่
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ ท่านไว้ชีวิตฉู่เชิ่งได้หรือไม่? ท่านต้องการสิ่งใดเชิญว่ามาได้เลย!”
ลู่หยวนหยุดฝีเท้า บัดนี้สีหน้าของเขามืดมนพลางมองชิวชิงหลีด้วยสายตามุ่งร้าย “ชิวชิงหลี ข้าเริ่มรำคาญเจ้าแล้ว ขืนยังมาขวางทางอีก ข้าจะฆ่าเจ้าด้วย!”
ยามนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่มีท่าทีใจอ่อนแม้แต่น้อย วาจาของเขาเต็มไปด้วยจิตมุ่งร้าย ประหนึ่งมัจจุราชจากนรกภูมิ
ชิวชิงหลีสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของอีกฝ่ายจนรู้สึกเย็นวาบที่สันหลัง
แต่นางไม่ถอยสักก้าว…
เมื่อฉู่เชิ่งเห็นชิวชิงหลีก้าวเข้ามาในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเพื่อออกหน้าปกป้อง เขาก็รู้สึกตื้นตัน
ความท้อใจที่เพิ่งก่อตัวขึ้น… ได้มลายหายไป
ชิวชิงหลีคือลูกหลานของตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรม นางมีพรสวรรค์ไร้ที่สิ้นสุด!
แม้ทั้งสองจะไม่เคยสู้กัน แต่ฉู่เชิ่งทราบว่าหากนางทุ่มสุดกำลัง ก็อาจเป็นคู่ต่อสู้ของลู่หยวนได้!
ต่อให้พละกำลังจะเทียบไม่ได้ แต่ชิวชิงหลียังมีอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์นามว่า ‘กระบี่วิถีโลกา’
ขอเพียงกระบี่ดังกล่าวสำแดงเดช ไม่ว่าลู่หยวนจะทรงพลังแค่ไหนก็ไม่อาจขัดขืนได้
ชิวชิงหลียืนอยู่เบื้องหน้าฉู่เชิ่งก่อนจะปริปากเอ่ย สายตาของนางมุ่งมั่นยิ่ง “ข้าหวังว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์จะปล่อยฉู่เชิ่งไป!”
“หากเจ้าอยากปกป้องเขา ก็ลองดูว่ามีปัญญาพอหรือไม่!”
แรงกดดันของลู่หยวนหนักอึ้ง หอกในมือขยับอีกครั้ง มังกรซึ่งพันรอบกายเขาแผดเสียงคำราม ทำให้พลังมังกรเอ่อล้นในบัดดล
เหนือสวรรค์ทั้งเก้าท่ามกลางหมู่เมฆ อัสนีสีม่วงพลันเคลื่อนตัว เพียงชั่วพริบตาสายฟ้านับพันก็มารวมตัว ไม่นานมันก็กลายเป็นมังกรสายฟ้าขนาดใหญ่น่าเกรงขามกลืนกินเมฆา
“ชิวชิงหลี ข้าอยากรู้นักว่าตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรมอย่างพวกเจ้า จะมีความสามารถอะไรให้ชมบ้าง!”
ลู่หยวนเพียงเคลื่อนไหวในพริบตา ทำให้พลังมังกรเจิดจ้ากระจายไปยังอากาศธาตุรอบข้าง
เขาตวัดหอกขึ้น เพื่อเล็งไปที่ชิวชิงหลี
เหนือความว่างเปล่า มังกรสายฟ้าพุ่งลงมา
ตูม! ตูม! ตูม!
อากาศรอบข้างแตกสลาย พื้นที่เดิมหมองหม่น กลับกลายเป็นห้วงมืดไร้พรมแดนไม่อาจเห็นดวงตะวัน
แม้ชิวชิงหลีไม่อยากมีเรื่องกับลู่หยวน แต่เพื่อปกป้องฉู่เชิ่ง นางจึงต้องสู้ในศึกนี้!
สีหน้าของชิวชิงหลีเคร่งขรึมขึ้น จากนั้นนางก็ยกมือเพื่อสังเวยกระบี่ยาว
ยามกระบี่ถูกปลดปล่อย ทั่วหล้าพลันเงียบสงัด ท้องนภาที่เดิมมืดมิดเพราะการพังทลายกลับมาเจิดจ้าอีกครา