ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 246 ชิวชิงหลี พ่ายแพ้!
บทที่ 246 ชิวชิงหลี พ่ายแพ้!
บทที่ 246 ชิวชิงหลี พ่ายแพ้!
ตูม!
พลังมหาศาลอีกกลุ่มปรากฏขึ้นจากใจกลางของการต่อสู้ หลุมดำนับไม่ถ้วนพลันคืบคลานมาใกล้หมายทำลายล้างกระบี่ใหญ่สีทองครั้งแล้วครั้งเล่า
กระบี่ใหญ่ทรงพลังถูกกลืนกินในพริบตา ทำให้ปราณกระบี่ทั้งหมดของชิวชิงหลีสลายไป
ลู่หยวนถือกระบี่ยาว เพียงฟาดฟันออกไปก็ทำให้โลกสั่นไหว ก่อนที่หลุมดำนับไม่ถ้วนจะหายไปในบัดดล
ทุกสรรพสิ่งที่มืดมิดประหนึ่งภาพมายาถูกดูดเข้าไป จนผืนฟ้าสีครามกับดวงอาทิตย์เจิดจ้าปรากฏขึ้นอีกครั้ง สายลมอบอุ่นพัดผ่านราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
บุตรศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่กลางอากาศขณะเผชิญหน้ากับผู้สืบทอดวิถีคุณธรรมที่อยู่ไกลออกไป เขายังคงยกยิ้มมุมปาก
ขณะที่สายตาของฝ่ายตรงข้ามเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ การโจมตีเมื่อครู่แทบจะเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของนาง แต่เขารับไว้ได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามแม้แต่น้อย และยังฟื้นฟูความว่างเปล่าที่แตกสลายทั้งหมดได้ด้วยหนึ่งกระบี่!
กระบี่วิถีโลกาผงาดเหนือสวรรค์และโลกา เคลื่อนกายาสู่ขุนเขาธารา
แต่บัดนี้ชิวชิงหลีพึงตระหนักได้ ยามกระบี่วิถีโลกาอยู่ในมือของนาง มันไม่เคยสำแดงพลังถึงหนึ่งในหมื่น
เทียบกันแล้ว ลู่หยวนเหมาะที่จะเป็นเจ้าของมันมากกว่า
“ชิวชิงหลี ข้าจะให้เจ้าได้เชยชมว่ากระบี่วิถีโลกาแท้จริงมันเป็นเช่นไร”
สิ้นคำ ชายหนุ่มพลันกวัดแกว่งกระบี่ ส่วนมือซ้ายสร้างผนึกซึ่งเหมือนกับที่นางทำเมื่อครู่
วิ้ง!
ยามนี้กระบี่วิถีโลกาพลันหยุดนิ่ง ก่อนจะเกิดการสั่นไหว หมู่เมฆเริ่มเคลื่อนตัวพร้อมกันอย่างต่อเนื่อง เสียงฟ้าร้องส่งเสียงดังระงมสุดพรมแดน
ชิวชิงหลีเงยหน้าขึ้น รูม่านตาของนางพลันหดลง
มังกรสายฟ้านับไม่ถ้วนเคลื่อนไปมาในหมู่เมฆา พวกมันร่ายรำบนผืนฟ้า ก่อนหมุนกายาและเคลื่อนไปประจำตำแหน่ง
“นี่คือค่ายกลมังกรอัสนีเมฆาหรือ?!”
ชิวชิงหลีพึมพำ เสียงในลำคอของนางแหบพร่า สายตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง
การเปิดใช้งานค่ายกลไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก เริ่มจากร่ายคาถา ใช้มือแทนพู่กัน แล้วถ่ายทอดพลังวิญญาณไปที่ปลายนิ้ว ทำให้มันกลายเป็นอักขระ จนก่อเกิดเป็นค่ายกล
แต่ลู่หยวนไม่ใช้พลังวิญญาณ เขาเพียงกระตุ้นสายฟ้าในท้องนภาให้กลายเป็นมังกรอัสนี แล้วใช้พวกมันแทนอักขระ!
วิธีการสร้างค่ายกลเช่นนี้ ชิวชิงหลีเคยอ่านเจอในคัมภีร์โบราณ!
มังกรสายฟ้าเหล่านี้ขยับไปมาอย่างต่อเนื่อง พลังมหาศาลรวมตัวอยู่บนท้องนภา ยามพวกมันขยับ หมู่เมฆก็เคลื่อนตาม ไม่นานค่ายกลมังกรอัสนีเมฆาพลันก่อตัวขึ้นในฟากฟ้าไร้พรมแดน
ลู่หยวนยกมือขึ้นเพื่อสร้างผนึกตรงหน้า แล้วเอ่ยคำว่า
“หนึ่งกระบี่ฟาดฟันสวรรค์และโลก!”
สิ้นคำของลู่หยวน ค่ายกลมังกรอัสนีเมฆาเหนือสวรรค์ทั้งเก้าพลันขยับ ทำให้มังกรสายฟ้านับไม่ถ้วนแผดเสียงคำราม โลกตกอยู่ในความเงียบงันราวกับจำนนต่อเสียงดังกล่าว
ตูม!
คมกระบี่ใหญ่เคลื่อนลงมาจากค่ายกลมังกรอัสนีเมฆา และแผดเสียงออกมาด้วยจิตสังหารทรงพลัง
หัวใจของชิวชิงหลีแทบหยุดเต้นจนอยากหลบหนีโดยไม่รู้ตัว นางใช้พละกำลังทั้งหมดในรากฐานการบ่มเพาะเพื่อพุ่งทะยานออกไปไกล หมายจะพยายามหลีกหนีจากศูนย์กลางการโจมตีของกระบี่ใหญ่สีทอง
แต่ทันทีที่ขยับ คมกระบี่ใหญ่สีทองในท้องนภาพลันเบี่ยงตัวเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ามันเล็งมาที่ตน
เพียงไม่กี่อึดใจ ชิวชิงหลีทิ้งระยะห่างออกไปหลายร้อยจั้งอย่างคลุ้มคลั่ง ก่อนกระบี่ใหญ่เหนือความว่างเปล่าจะปรากฏขึ้นจากค่ายกลมังกรอัสนีเมฆา
สิ้นเสียงคำรามของมังกรสายฟ้านับไม่ถ้วน พวกมันเคลื่อนไปตามคมกระบี่ ก่อนจะผสานไปกับอาวุธ
คมกระบี่สีทองมีมังกรพัวพัน
ลู่หยวนเงยหน้าขึ้นพลางมองชิวชิงหลีผู้กำลังทะยานออกไปอย่างสิ้นหวัง พร้อมแสยะยิ้มอย่างเย็นชา “ฟาดฟัน!”
สิ้นคำของเขา กระบี่ใหญ่สีทองในฟากฟ้าพลันเคลื่อนลงมา
ตูม! ตูม! ตูม!
ความว่างเปล่าแตกสลายในพริบตา กระบี่ใหญ่สีทองเคลื่อนผ่าอากาศไปทางชิวชิงหลี
เพียงพริบตา กระบี่ฟาดฟันลงมา
เมื่อชิวชิงหลีเห็นว่าสายเกินกว่าจะหลบได้ นางจึงหันกลับมา แล้วยกกระบี่ขึ้นเพื่อเตรียมรับมือ
ตูม!
แสงสว่างสีขาววูบไหว สาดส่องให้เห็นความว่างเปล่ามืดมิดและแตกสลายเกือบทั้งหมด
พลังมหาศาลแผ่กระจายไปรอบข้าง สายลมกระโชกแรงพัดผ่าน แม้กระทั่งอากาศธาตุที่แตกสลายยังเกิดความปั่นป่วนในพริบตา
สายตาของลู่หยวนพลันจับจ้องไปที่คู่ต่อสู้ เขาพบว่าไม่ไกลกันนั้น ฉู่เชิ่งทะลวงการป้องกันที่นางมอบให้ ก่อนจะโคจรกำลังกายทั้งหมดเพื่อลุกขึ้นยืน แล้ววิ่งโขยกเขยกออกไปไกล ดูน่าเวทนาไม่น้อย
บุตรศักดิ์สิทธิ์ยิ้มเย้ยหยัน เขาร่ายค่ายกลในมือก่อนจะหายไปในพริบตา เพียงชั่วครู่ก็มาปรากฏขึ้นที่ด้านหลังฉู่เชิ่ง
ตูม!
ไกลออกไป กระบี่ใหญ่สีทองสำแดงพลังอีกครั้งจนแสงสว่างหมองหม่น ก่อนจะพบว่ารอบข้างของชิวชิงหลีมีโล่ปรากฏขึ้นเพื่อป้องกันอย่างแน่นหนา
ภายในโล่ นางปลดปล่อยรากฐานการบ่มเพาะวิถีคุณธรรมทั้งหมดออกมาเพื่อช่วยค้ำจุนร่างเอาไว้ บริเวณหน้าผากมีเหงื่อไหล ใบหน้าขาวซีดประหนึ่งกระดาษ ส่วนมุมปากมีโลหิตหลั่งรินออกมา
นางมองกระบี่ใหญ่สีทองที่ยังเคลื่อนลงมาขณะรู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัสอยู่ภายใน ความสิ้นหวังก่อตัวขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ
กระบี่เล่มนี้ เมื่อเทียบกับที่นางใช้ตอนแรก มันช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
โล่ที่ปรากฏขึ้นเป็นฝีมือของประมุขตระกูลชิว ยามเกิดหายนะ มันสามารถช่วยปกป้องชีวิตนางได้
บัดนี้ โล่ปรากฏขึ้นมาแล้ว แต่กระบี่ใหญ่สีทองที่อยู่ด้านนอกยังไม่เคลื่อนลงมาอย่างสมบูรณ์
หากมองอย่างละเอียดจะพบรอยร้าวขนาดเล็กบนโล่ หมายความว่ามันไม่สามารถต้านกระบี่ใหญ่เล่มนี้ไว้ได้นาน!
ลู่หยวนเงื้อกระบี่อีกครั้ง ก่อนจะฟาดฟันไปทางชิวชิงหลี
กระบี่ใหญ่สีทองพลันวูบไหว ทำให้แรงกดดันเพิ่มขึ้นเท่าทวี
ตูม! ตูม! ตูม!
กระบี่ใหญ่สีทองเคลื่อนผ่านความว่างเปล่า มันยังคงกดทับลงมา
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
รอยร้าวยังคงปรากฏบนโล่ที่อยู่รอบนอกชิวชิงหลี
สีหน้าของนางซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว พลังวิญญาณในร่างเหือดหายอย่างต่อเนื่อง กลิ่นอายแห่งวิถีคุณธรรมที่อยู่ข้างกายแผ่ออกมาจากโล่ในบริเวณรอยแยก
เปรี้ยง!
ภายใต้แรงกดดันมหาศาลของกระบี่ใหญ่สีทอง ในที่สุดโล่ก็ไม่สามารถต้านเอาไว้ได้จนเกิดเสียงระเบิด เพียงพริบตา มันก็กลายเป็นผุยผงก่อนจะหายไปในบัดดล
ชิวชิงหลีไม่เหลือเรี่ยวแรงให้ขัดขืนอีกต่อไป นางจึงปล่อยมือจากกระบี่ยาวสีเขียว พลังวิญญาณสูญสลาย วิถีคุณธรรมมลายสิ้น
ความสิ้นหวังก่อตัวขึ้นในใจ ยามนี้นางไม่กังวลว่าจะตายหรือไม่ แต่คิดเพียงว่าฉู่เชิ่งยังไม่ออกจากเขตแดนลับแห่งนี้ หากนางตาย เขาจะเป็นรายต่อไป
ชิวชิงหลียิ้มเย้ยหยันตนเองอยู่ในใจ นางถึงกับโอ้อวดตัวเองว่าเป็นอันดับหนึ่งบนทำเนียบสวรรค์ของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้กุมโชคชะตาวิถีคุณธรรม และเป็นอัจฉริยะแห่งตระกูลชิวที่หาได้ยากในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา
แต่วันนี้ แม้แต่จะปกป้องคนสำคัญก็ทำไม่ได้ ยามอยู่ต่อหน้าลู่หยวน ฉายาอัจฉริยะแห่งวิถีคุณธรรมกลับเป็นเพียงของไร้ค่า
ทันใดนั้น ที่หางตาของนาง ร่างหนึ่งได้ดึงดูดความสนใจ
นางหันไปมองด้านข้าง ก่อนจะพบร่างชุ่มโลหิตกำลังวิ่งอย่างคลุ้มคลั่งอยู่ไกลลิบ สภาพกะโผลกกะเผลก ดูน่าขบขันไม่น้อย
คนผู้นี้คือฉู่เชิ่ง!
ชิวชิงหลีตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะอย่างเย็นชา ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าตนช่างไร้เดียงสา
ทั้งที่กำลังจะตายแต่ยังมัวไปคิดเรื่องฉู่เชิ่ง ส่วนอีกฝ่ายได้สติไปนานแล้ว ก่อนจะทะลวงการป้องกันของนางจนหลบหนีไปไกล