ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 251 ที่อยู่ของราชันมาร
บทที่ 251 ที่อยู่ของราชันมาร
บทที่ 251 ที่อยู่ของราชันมาร
ก่อนหน้านี้ลู่หยวนใช้เวลาหลายวันในหอคอยสวรรค์แห่งสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เพื่ออ่านบันทึกทั้งหมดเกี่ยวกับเผ่ามาร
ประวัติศาสตร์ซึ่งถูกบันทึกไว้ในหอคอยค่อนข้างละเอียด มีตั้งแต่มารเกิดเมื่อไหร่จนถึงพวกมันทำเรื่องชั่วร้ายมากมายแค่ไหน พวกเขาต่างบันทึกเอาไว้เป็นอย่างดี
แต่ภายหลังมหาสงครามเมื่อสามแสนปีก่อน บันทึกทั้งหมดเกี่ยวกับราชันมารและแม่ทัพมารทั้งหมดกลับถูกฝังกลบ เรื่องราชันมารและแม่ทัพมารตายแล้วหรือไม่ต่างถูกเขียนไว้เพียงน้อยนิด เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะกล่าวถึง
เมื่อเทียบกับข่าวลือซึ่งแพร่สะพัดในแผ่นดินหลักว่าราชันมารและแม่ทัพมารตายช่วงสามแสนปีก่อน… ใจความที่ได้กลับไม่ตรงกัน!
หากประกอบกับบันทึกของเหล่ามารในอดีตที่ผ่านมา ตัวตนโดยกำเนิดของพวกมันหลากหลายมาก บ้างเป็นบุตรแห่งสวรรค์มากความสามารถ บ้างเป็นองค์ชายของอาณาจักร บ้างเป็นเด็กกำพร้าและขอทานอยู่ข้างถนนโดยไร้รากฐานการบ่มเพาะ
โชคชะตาของพวกมันแตกต่างกันไป บ้างมีชีวิตหลายร้อยปี บ้างมีชีวิตเพียงยี่สิบปี
แม้คนเหล่านี้จะแตกต่างกัน แต่ลู่หยวนค้นพบความสอดคล้องหนึ่งซึ่งถูกซ่อนเอาไว้
เมล็ดพันธุ์มารเหล่านี้เคยเดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่งโดยไม่มีข้อยกเว้น
มันมีชื่อว่า ‘เกาะภูผาทมิฬ’
บันทึกเกี่ยวกับเกาะแห่งนี้ไม่มีความชัดเจน มันบอกเพียงว่าเป็นเกาะที่อยู่ทางทิศบูรพา ไม่มีบันทึกอะไรมากไปกว่านี้
ทว่ามันกลับเป็นที่น่าสังเกต เนื่องจากเมล็ดพันธุ์มารผู้กลับจากเกาะภูผาทมิฬ รากฐานการบ่มเพาะของพวกมันกลับเพิ่มขึ้นทีละขั้น แต่ภายในหนึ่งร้อยปี ความเป็นมารจะถูกเปิดเผย ก่อนจะตายไปภายใต้การพิชิตของผู้คนนับหมื่น
หากเป็นเพียงเมล็ดพันธุ์มารธรรมดาก็ว่าไปอย่าง แต่ตามที่บันทึกว่าไว้ มีเมล็ดพันธุ์มารสองถึงสามตนที่ใช้ชีวิตมาหลายร้อยปีเพื่อเก็บตัว แต่วันหนึ่งกลับออกจากที่พำนัก มุ่งหน้าสู่เกาะภูผาทมิฬทางทิศบูรพา
พฤติกรรมแปลกประหลาดดังกล่าว ทำให้ลู่หยวนรู้สึกประหลาดใจอย่างเลี่ยงไม่ได้
หลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้ หากในเกาะภูผาทมิฬทางทิศบูรพามีราชันมารและแม่ทัพมารอาศัยอยู่ แล้วพวกมันใช้พลังมารในการชี้นำเพื่อเรียกเหล่าเมล็ดพันธุ์มารให้มาหา ก็ย่อมเป็นไปได้ที่พวกมันจะมีพฤติกรรมเช่นนี้
ส่วนหุ่นเชิดกีฏตรงหน้า ในช่วงสามแสนปีก่อน มันอยู่ท่ามกลางมหาสงครามในฐานะทหารกองหน้าของเผ่ามาร ทำให้บัดนี้ มันจึงมีเพียงประสบการณ์จากมหาสงครามดังกล่าว
มันอาจจะไม่ทราบที่อยู่ปัจจุบันของราชันมารและแม่ทัพมาร
กระบี่วิถีโลกาในมือของลู่หยวนส่องแสงเจิดจ้า พลังแห่งวิถีคุณธรรมเคลื่อนไปตามพลังมารภายในร่างของหุ่นเชิดกีฏ ทำให้ความเจ็บปวดไร้ที่สิ้นสุดก่อเกิดขึ้นภายใน
“ไม่ยอมพูดหรือ!”
ลู่หยวนยิ้มหยัน ก่อนจะกวัดแกว่งกระบี่ยาวในมือ เพื่อถ่ายเทพลังแห่งกฎเกณฑ์วิถีทั้งหมดเข้าไป
ตูม! ตูม! ตูม!
ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนสะบั้นลงไปพร้อมกับพลังแห่งวิถีกระบี่ ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน
การโจมตีดังกล่าวทะลวงเข้าใส่หุ่นเชิดกีฏหลายครั้งจนเกิดบาดแผล ทำให้โลหิตไหลนอง
หนอนภูตผีซึ่งกำลังกัดทึ้งถูกพลังแปลกประหลาดบางอย่างซัดออกไป ขณะที่พลังมารมหาศาลกระจายออกจากร่างของลู่หยวน
หลังจากหนอนภูตผีเหล่านั้นสัมผัสพลังมารของเขาได้ พวกมันสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะขยับร่างกายเพื่อหันไปหาหุ่นเชิดกีฏ
ในดวงตาของพวกมันเต็มไปด้วยแสงสว่างสีแดงแปลกประหลาด ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว
หุ่นเชิดกีฏมองพลังมารที่แผ่ออกมาจากร่างของลู่หยวน พลันอดประหลาดใจไม่ได้ “มะ เมล็ดพันธุ์มารหรือ?!”
มันไม่คาดคิดว่าผู้ควบคุมกระบี่วิถีโลกาจะเป็นเมล็ดพันธุ์มาร?!
“หุ่นเชิดกีฏ ไม่สำคัญหรอกว่าเจ้าจะพูดหรือไม่ เพราะข้ามีอุบายมากมายที่จะทำให้เจ้าพูด”
น้ำเสียงเย็นชาของลู่หยวนดังมาจากด้านข้าง เมื่อหันไปมองกลับพบหนอนภูตผีจำนวนมาก ทำให้มันตกตะลึงจนรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
ลู่หยวนชักกระบี่ยาวออกมา แล้วเอ่ยว่า “หุ่นเชิดกีฏ ข้าได้ยินมาว่าหากหนอนภูตผีกินผู้มาจากเผ่ามารเข้าไป พลังของพวกมันจะเพิ่มขึ้นหลายร้อยเท่าจนทำให้บางส่วนวิวัฒนาการกลายเป็นหนอนมาร ข้ายังไม่เคยทดสอบมาก่อน ดังนั้นวันนี้ข้าขอลองหน่อยแล้วกัน!”
สิ้นคำ ลู่หยวนถ่ายเทพลังมารเข้าไป หนอนภูตผีนับไม่ถ้วนคล้ายกับได้รับคำสั่ง พร้อมกรูกันเข้าไปเพื่อกัดกินหุ่นเชิดกีฏจนกลายเป็นกองหนอน
“อ๊ากกกกก!!!”
เสียงร้องน่าเวทนาของหุ่นเชิดกีฏยังคงดังกึกก้อง
ในปากแผลชุ่มโลหิตที่เกิดจากพลังของกระบี่ หนอนภูตผีจำนวนมหาศาลรวมตัวเพื่อกัดทึ้งอย่างต่อเนื่อง
เสียงเลือดเนื้อถูกฉีกขาดดังขึ้นอย่างชัดเจน
ภายใต้การกัดทึ้งเหล่านี้ ทำให้หุ่นเชิดกีฏเกลือกกลิ้งไปตามพื้นด้วยความเจ็บปวด สติของมันเริ่มเลือนราง แต่เมื่อโดนคลื่นพลังมารเข้าไป กลับทำให้สติซึ่งใกล้จะดับลงกลับคืนมา
ความรู้สึกเจ็บปวดแผ่ซ่านไปถึงจิตใจอย่างรวดเร็ว ประหนึ่งธาราไหลเชี่ยว
ไม่ช้าหุ่นเชิดกีฏก็ล้มลงกับพื้น ร่างของมันกระตุกไปมา เลือดเนื้อปรากฏเด่นชัด รวมถึงหนอนภูตผีที่ทะลวงเข้าไป
หากผู้อื่นมาเห็นฉากนี้ พวกเขาคงอาเจียนไปนานแล้ว
แต่ทั้งลู่หยวนและสือจิ่วยืนอยู่ด้านข้างด้วยท่าทีเย็นชา
“ข้า… ข้าพูดแล้ว!”
ท้ายสุดหุ่นเชิดกีฏไม่อาจทนได้ ก่อนจะฝืนพูดประโยคนั้นออกมาจากลำคอ
ทันทีที่ลู่หยวนยกมือ หนอนภูตผีที่อยู่ตามพื้นต่างถอยออกมา เพื่อเปิดทางให้เขาเดินเข้าไป
ยามนี้หุ่นเชิดกีฏถูกกัดทึ้งจนเต็มไปด้วยโลหิต ไม่มีผิวหนังสภาพดีปกคลุมตามร่างกาย ในบริเวณที่ปากแผลโลหิตเปิดออก ได้ถูกหนอนภูตผีกัดทึ้งจนสภาพดูไม่ได้
“ว่ามา”
ลู่หยวนหลุบตามองอีกฝ่ายจากมุมสูง แล้วขยับปากอย่างเชื่องช้า
หุ่นเชิดกีฏถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ข้าไม่ทราบว่าพวกเขาตายแล้วหรือไม่”
“แต่หลังจากสิ้นสุดมหาสงครามในตอนนั้น ราชันมารและแม่ทัพมารถูกเล่นงานโดยสตรีผู้หนึ่งที่ทะลวงขั้นสู่สวรรค์ ข้าเห็นมากับตา อุบายที่นางใช้ทำให้พวกเขาเข้าไปอยู่ในค่ายกลแปลกประหลาด”
“นางเก็บค่ายกลนั้นแล้วเตรียมจะจากไป แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง มีเมฆสีดำปรากฏขึ้นเหนือสวรรค์ทั้งเก้า สายฟ้าสีทองนับหมื่นฟาดเข้าใส่จนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากนั้น ค่ายกลที่มีราชันมารและแม่ทัพมารก็หายไป”
“ส่วนเผ่ามารที่เหลือ ถ้าไม่ตายก็ถูกผนึกไว้ที่นี่เหมือนกับข้า”
หุ่นเชิดกีฏเอ่ยทุกสิ่งที่รู้ออกมา
ลู่หยวนถามอีกว่า “แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเกาะภูผาทมิฬ?”
หุ่นเชิดกีฏงุนงงอย่างเห็นได้ชัด “เกาะภูผาทมิฬคืออะไร?”
เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย บุตรศักดิ์สิทธิ์จึงล้มเลิกความคิดที่จะสืบสาวก่อนก้าวถอยออกมา สายตาของเขาหมองหม่น “สือจิ่ว ข้าฝากที่เหลือด้วย”
มารตัวน้อยก้าวไปข้างหน้า แววตาของนางเผยความปรารถนาอีกครา
“องค์หญิง ข้า…”
หุ่นเชิดกีฏยังไม่ทันกล่าวอะไร สือจิ่วยื่นฝ่ามือมาปิดปากมันไว้ ก่อนจะถ่ายทอดพลังมารทั้งหมด ทำให้ร่องรอยพลังมารที่เหลืออยู่ในร่างของมันถูกดูดออกไป
หุ่นเชิดกีฏดิ้นรนกระเสือกกระสนตัวไปมา ไม่ช้าก็กลายเป็นกองเนื้อ
พลังมารที่เข้าสู่ร่างของสือจิ่วยังคงพลุ่งพล่าน นางจึงนั่งขัดสมาธิเพื่อหลอมพลังมารทั้งหมด
ลู่หยวนยืนเอามือไพล่หลัง พลางนึกถึงสิ่งที่หุ่นเชิดกีฏเอ่ยเมื่อครู่ในใจ
สตรีผู้ทะลวงขั้นสู่สวรรค์
ลู่หยวนคิดถึงหญิงสาวถือกระบี่หักที่เห็นในฝันถึงสองครา นางผู้นั้นทะลวงขั้นสู่สวรรค์ ทั่วร่างเต็มไปด้วยโชคชะตายิ่งใหญ่ ไม่เหมือนคนธรรมดา
ในความฝัน นางถือดาบมารไว้ในมือ ให้ความรู้สึกประหนึ่งราชันมาร
ลู่หยวนนึกถึงทุกสิ่งในความฝันอย่างถ้วนถี่ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ภาพทรงจำนั้นก็เริ่มเลือนรางอีกครา
ผ่านไปหลายอึดใจ บุตรศักดิ์สิทธิ์จึงส่ายหน้าก่อนจะสะกดความสงสัยในใจเอาไว้
เขามองค่ายกลที่กำลังลอยอยู่ และเลือกจะหันไปสนใจเขตแดนลับแห่งนี้แทน
อย่างน้อยก็ในตอนนี้…