ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 254 ยันต์สลับที่
บทที่ 254 ยันต์สลับที่
บทที่ 254 ยันต์สลับที่
ประตูวิหารขนาดใหญ่เปิดออกเหนือท้องนภาเขตแดนลับ เมื่อเหลือบมองภายในกลับพบเพียงความมืดมิด ทำให้ไม่อาจทราบว่ามีอะไรอยู่ข้างใน
ทว่าหากพิจารณากลิ่นให้ดี ย่อมรับรู้ได้ถึงกลิ่นโลหิตเจือจางในอากาศ
ลู่หยวนออกแรงผลักประตูวิหาร ทำให้เกิดเสียง ‘ครืน’ ดังสนั่นแม้ขยับเพียงเล็กน้อย โดยมีฝุ่นฟุ้งกระจายมาจากด้านบน
ยามประตูเปิดออก แสงสว่างจากภายนอกสาดส่องเข้ามา สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือรูปปั้นหินสูงตระหง่าน
รูปลักษณ์ของมันประหนึ่งร่างมนุษย์หัววิหคเพลิง ซึ่งตั้งอย่างภาคภูมิพร้อมกระบี่ใหญ่เท่าโล่
หากมองข้างในก็จะพบว่าบริเวณด้านหลังยังมีรูปปั้นหินร่างมนุษย์หัววิหคเพลิงในอิริยาบถมากมาย บ้างยืนบ้างนั่ง บ้างถือกระบี่บ้างจับหอก
แต่ละตัวตั้งท่าพร้อมราวกับมหาสงครามกำลังจะอุบัติ
ขณะลู่หยวนก้าวเข้าไป รูปปั้นหินวิหคเพลิงที่อยู่ด้านหน้าพลันเคลื่อนไหว แสงสว่างสีแดงทอประกายจากดวงตาของมัน
“มนุษย์”
ปากของรูปปั้นหินขยับขณะส่งเสียงอันน่าเกรงขามออกมา
ตึง! ตึง! ตึง!
รูปปั้นหินยังคงขยับ ทำให้รูปปั้นทั้งหลายซึ่งอยู่ด้านหลังสั่นไหว
มังกรเจินหลงที่พันรอบแขนของลู่หยวนพลันขยับ ก่อนจะโคจรพลังมังกรถึงจุดสูงสุด
วิ้ง!
รูปปั้นหินซึ่งเดิมแยกเขี้ยวยิงฟันกลับสงบนิ่ง ส่วนดวงตาวิหคเพลิงสีแดงเข้มสูญสิ้นประกายเจิดจ้า
ลู่หยวนก้าวเข้าสู่ห้องโถงใหญ่
เสียง ‘พรึ่บ ๆๆ’ ดังขึ้น แสงเทียนสว่างวาบพลางส่องนำทางไปยังส่วนลึก
บุตรศักดิ์สิทธิ์เงยหน้า จนมองเห็นแผ่นหินขนาดใหญ่บนรูปปั้น มันเขียนว่า ‘แท่นบูชาวิหคเพลิง’
แม้สถานที่นี้ถูกทิ้งร้างมานาน แต่จารึกดังกล่าวยังปรากฏชัดเจน
ลู่หยวนคิ้วขมวด เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ทราบจุดประสงค์ของที่แห่งนี้ เมื่อกำลังจะย่างเท้าเดินเข้าไป เสียงของเจิ้งชิงเทียนพลันดังขึ้นในจิตเทวะอย่างวิตก “นายท่าน! รีบออกจากที่นี่!”
ร่างของเขาหยุดนิ่งพลางขมวดคิ้ว “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
นางมารอธิบายทันที “นายท่านอาจจะยังไม่ทราบ มันคือสถานที่สำหรับให้สัตว์เทพเผ่าวิหคเพลิงสักการะฟ้าดิน!”
“แท่นบูชาแห่งนี้ใช้เพื่อสังเวยสิ่งมีชีวิต! เผ่าของพวกมันจะเนรเทศสรรพชีวิตมาที่นี่เพื่อให้รูปปั้นหินด้านในสังหาร เมื่อเครื่องสังเวยสิ้นลมหายใจ มันจะส่งคนมาเก็บกวาดเพื่อสังเวยแก่ฟ้าดิน!”
“นายท่าน สถานที่แห่งนี้เงียบมาช้านาน พอท่านย่างกรายเข้ามารูปปั้นหินจึงถูกปลุกให้ตื่นขึ้นเพื่อเปิดใช้งานการสังหารเครื่องสังเวย หากไม่ใช่เพราะการคุ้มกันและขัดขวางจากมังกรเจินหลงข้างกาย เกรงว่าท่านคงถูกพวกมันล้อมไปนานแล้ว!”
ถึงอย่างไรเจิ้งชิงเทียนก็เคยเป็นจ้าวแห่งวิถีคุณธรรมเมื่อสามแสนปีก่อน นางทราบเรื่องนี้กระจ่างดี
ลู่หยวนหรี่ตา “แท่นบูชาวิหคเพลิงใช้สักการะฟ้าดินเพื่ออะไร”
นางครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วตอบกลับ “มีหลายจุดประสงค์ หนึ่งในนั้นคือใช้เลือดเนื้อของเครื่องสังเวยเพื่อสร้างเนื้อหนังมังสา ชดเชยส่วนที่ขาดหาย”
“ชดเชยส่วนที่ขาดหาย”
ลู่หยวนพึมพำคำเหล่านี้
เพียงชั่วพริบตา เขาก็มองทะลุปรุโปร่ง!
นับตั้งแต่เข้าเขตแดนลับแห่งนี้ เขาก็ได้ฮ่วนซิงไป๋เป็นผู้นำทางมาตลอดจนมาถึงที่นี่
แต่เมื่อมาอยู่ที่หน้าวิหาร อีกฝ่ายกลับบอกว่าจะไม่ร่วมทาง โดยปล่อยให้ลู่หยวนเข้ามาเพียงลำพัง
เพราะเหตุนั้น เขาจึงมาถึงสถานที่สักการะแห่งนี้เพียงผู้เดียว
ลู่หยวนตระหนักว่าหากฮ่วนซิงไป๋ร่วมทางมาด้วย เรื่องราวจะไม่เป็นเช่นนี้
ทั้งหมดนี้เป็นไปตามคำสั่งของจักรพรรดินีฉวนจง!
เรื่องที่นางสูญเสียเส้นชีพจรไม่ใช่ความลับในแดนมัชฌิมอีกต่อไปแล้ว
จักรพรรดินีผู้นี้อาจจะตั้งใจหลอกให้ลู่หยวนไปเป็นเครื่องสังเวย เพื่อชดเชยส่วนที่ขาดหาย?
ไม่ใช่สิ…
จักรพรรดินีมีสายเลือดวิหคเพลิงและกำลังทนทุกข์จากการสูญเสียเพลิงสวรรค์ จึงต้องใช้โลหิตมังกรเพื่อรักษา!
หมายความว่านางหมายตาวั่งไฉเอาไว้!
ลู่หยวนคลี่ยิ้มอย่างเย็นชาก่อนจะยื่นมือซ้ายออกไป ค่ายกลปรากฏขึ้น มันเป็นแบบเดียวกับที่สลักไว้บนร่างฉู่เชิ่ง
เมื่อค่ายกลจางหายไป เผยให้เห็นแสงสว่างสีขาวปรากฏพร้อมวูบไหวไปมาในมือของเขา
มันคือจุดที่ฉู่เชิ่งอยู่!
ลู่หยวนมองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าหลังจากอีกฝ่ายหลบหนี เจ้านั่นไม่ได้ออกจากวังจักรพรรดิแดนมัชฌิม ดูจากการเคลื่อนไหว เป็นไปได้ว่ากำลังมุ่งหน้าไปที่อื่น
จุดแสงสว่างในมือหายไป ก่อนที่ภาพมายาเลือนรางจะปรากฏ
ฉู่เชิ่งอยู่ในห้องโถงโอ่อ่า ภายในนั้นมีดาบใหญ่สีทองส่องแสงเจิดจ้าลอยอยู่ในอากาศธาตุ
บริเวณโดยรอบ มันเต็มไปด้วยสมุนไพรและโอสถวิญญาณทุกแห่งหน
บุตรแห่งโชคชะตาฉู่นั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ดาบใหญ่ราวกับกำลังสัมผัสบางสิ่ง
“ชิ เด็กคนนี้คู่ควรกับคำว่าบุตรแห่งโชคชะตาเสียจริง วิ่งออกไปไม่ทันไรก็พบวาสนาในวังจักรพรรดิแดนมัชฌิมแล้ว”
“ดาบใหญ่เล่มนี้สมควรเป็นอาวุธระดับจักรพรรดิ ไม่เลว… ถือว่าข้าขอก็แล้วกัน!”
ลู่หยวนสะบัดมือขวา จุดแสงสว่างจมลง พร้อมภาพมายาเลือนหายไป
เขาค้นหาในห้องโถงใหญ่อยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่พบของมีค่า ก่อนจะบ่นออกมาว่า ‘ซวยซะจริง’
ผ่านไปชั่วครู่ ลู่หยวนหยุดลงยังตำแหน่งกึ่งกลางที่ใช้เข้ามา ก่อนมองขึ้นไปยังแผ่นหินขนาดใหญ่
เพียงไม่กี่อึดใจ เขาขยับมือไปเบื้องหน้า ส่งให้หอกประหนึ่งมังกรเกล็ดจากห้วงลึกพุ่งตรงไปที่แผ่นหิน
หอกยาวลากเส้นตัดผ่านไปมาหลายครา
ไม่ช้ามันก็กลับมาอยู่ด้านหลังลู่หยวนประหนึ่งมังกรขด
เขามองแผ่นหิน แล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ในขณะนี้ เสียงเคลื่อนไหวนอกห้องโถงใหญ่ลอยเข้าหูของบุตรศักดิ์สิทธิ์
มันเป็นเสียงสนทนาของผู้คนทั้งหลายอยู่หน้าวิหาร ผู้ที่พูดจาออกรสที่สุดคือฮ่วนซิงไป๋
เขาได้ยินเพียงเสียงคุ้นเคยวอนขอให้ไว้ชีวิตลู่หยวน สายเลือดตระกูลลู่ รวมถึงแดนเหนือกับแดนมัชฌิม
ดูเหมือนจะเป็นการขอความเมตตา แต่หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ เสียงของฮ่วนซิงไป๋ก็เงียบไป
กลิ่นอายมหาศาลกลุ่มหนึ่งกำลังพุ่งเข้ามา มันเป็นของมู่พ่านซาน!
ดวงตาของลู่หยวนปรากฏรอยยิ้มเย็นชา
“ระบบ แลกยันต์สลับที่!”
สิ้นเสียงของลู่หยวน ยันต์ใบหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ
เขาสะบัดมือ ก่อนยันต์สีทองจะสลายกลายเป็นผุยผง
ค่ายกลใต้เท้าของลู่หยวนส่องแสงวาบ ห้วงอากาศสั่นไหว และมิติบิดเบี้ยว
…
นอกวิหาร มู่พ่านซานช่วยผลักประตูให้จักรพรรดินีเข้าไป!
ก่อนพบว่าห้วงอากาศใจกลางห้องโถงใหญ่พลันสั่นไหว ก่อนร่างหนึ่งจะหายวับไปต่อหน้าต่อตา
มู่พ่านซานพยุงจักรพรรดินีเข้ามา ด้วยรากฐานการบ่มเพาะของเขา ย่อมมองออกว่าผู้ที่เพิ่งหายไปในพริบตาคือลู่หยวน
เสี้ยวพริบตาเดียวกันนั้น ห้วงอากาศใจกลางวิหารสั่นไหวอีกครา ร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในจุดที่บุตรศักดิ์สิทธิ์เคยอยู่
ก่อนองครักษ์จะทันได้ตอบสนอง เขาพบว่าร่างที่โผล่มากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่กลางห้องคือฉู่เชิ่ง
ผ่านไปหลายอึดใจ บุตรแห่งโชคชะตาฉู่พลันเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาร้อนผ่าวขณะเอ่ยเสียงดัง “ผู้อาวุโส ข้าสะกดปราณวิญญาณในทะเลลมปราณไว้ที่อื่นแล้ว! ท่านสืบทอดเจตจำนงดาบของข้าได้เลย!”