ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 256 บุตรแห่งโชคชะตาเพิ่มค่าชะตา!
บทที่ 256 บุตรแห่งโชคชะตาเพิ่มค่าชะตา!
บทที่ 256 บุตรแห่งโชคชะตาเพิ่มค่าชะตา!
มู่พ่านซานทะยานออกจากซากปรักหักพังวิหคเพลิง โดยมอบหน้าที่ประคองจักรพรรดินีให้ฮ่วนซิงไป๋ ทันทีที่เท้าแตะพื้น คลื่นพลังนับหมื่นก็สั่นสะเทือน!
คลื่นพลังหลายชั้นซ้อนทับกันพุ่งไปข้างหน้า สั่นสะเทือนไปทั่วทุกทิศทางและมุ่งสู่ตำหนักใต้ดิน
หลายอึดใจให้หลัง คลื่นพลังทั้งหมดก็สงบลง
สายตาของมู่พ่านซานเหลือบไปทางทิศใต้ของวังจักรพรรดินี ซึ่งเป็นที่ตั้งของสุสานราชวงศ์
สถานที่แห่งนั้นเป็นพื้นที่ต้องห้าม ซึ่งในเวลาปกติไม่มีผู้ใดกล้าย่างกรายเข้าไป
ทว่าตอนนี้มู่พ่านซานรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีคนอยู่ข้างในนั้น
องครักษ์วัยกลางคนหรี่ตาลง มันเป็นประกายด้วยแววจิตสังหาร
ประวัติศาสตร์ราชวงศ์ฉวนจงเป็นสิ่งที่ไม่อาจล่วงเกิน!
กษัตริย์ฉวนจงมากมายกำลังหลับใหล ณ ที่แห่งนี้ จึงไม่ควรมีผู้ใดเข้ารบกวนความสงบสุข
การเข้าสู่สุสานของราชวงศ์ฉวนจงนั้นเท่ากับท้าทายทั่วทั้งอาณาจักรฉวนจง!
มู่พ่านซานหันมองไปยังซากปรักหักพังวิหคเพลิง มีเพียงฉู่เชิ่งที่ถูกเขาทุบตีจนเกือบตายอยู่ข้างใน!
ฉู่เชิ่งไม่รู้ว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เขาออกมาจากสุสานของราชวงศ์แล้ว
เช่นนั้นใครเล่าที่อยู่ในสุสาน?
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจของมู่พ่านซาน
เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นอย่างที่ฉู่เชิ่งพูด เรื่องทั้งหมดคือกลอุบายของลู่หยวน?
เขาเดินทางข้ามทวีปมาหลายปีเพียงนี้ แต่ไม่เคยได้ยินว่ามียันต์ใดที่สามารถสลับตำแหน่งของคนสองคนได้ทันที
มู่พ่านซานมองฮ่วนซิงไป๋ที่อยู่ข้างกายแล้วถามว่า “ตอนที่เจ้าเฝ้าที่นี่ เจ้าเห็นฉู่เชิ่งเดินเข้าไปในซากปรักหักพังวิหคเพลิงหรือไม่?”
เมื่อได้ยินคำถามของท่านองครักษ์ ชายในชุดเหลืองทองผู้ประคองจักรพรรดินีก็เผยแววตาเย็นชา มุมปากยกขึ้น พร้อมเปล่งวาจาอันเต็มไปด้วยเจตนาเสียดสี “ไม่ใช่ว่าเจ้ามีความสามารถมากหรอกรึ? ฉู่เชิ่งมาหรือไม่ เจ้าไม่รู้หรือ?”
เมื่ออีกฝ่ายได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาพลันฉายแววเย็นเยียบและหัวเราะ “ไอ้หนู เจ้ายังเด็กเกินไป เจ้าคิดว่าลู่หยวนเห็นเจ้าอยู่ในสายตาจริง ๆ น่ะหรือ?”
“แม้ว่าเจ้าจะเป็นนายน้อยตระกูลฮ่วน และเป็นราชบุตรเขยของวังจักรพรรดินีฉวนจงของข้า แต่ในสายตาของลู่หยวน เจ้าไม่มีค่าแม้แต่ผายลม!”
“วันนี้เจ้าประจบเขา พรุ่งนี้ก็ยังมีคนอื่นประจบเขา สำหรับคนอย่างลู่หยวน สิ่งที่เขาไม่ขาดแคลนที่สุดคือคนรับใช้อย่างเจ้า!”
ทุกคำพูดของมู่พ่านซานราวกับมีด ทุกคำทุกประโยคคล้ายกับจะแทงหัวใจของฮ่วนซิงไป๋เป็นรูพรุน
จักรพรรดินีดูการโต้เถียงระหว่างทั้งสองคนแล้วขมวดคิ้ว มีคำพูดมากมายสุมอยู่ในอก ขณะที่กำลังจะเอ่ยปาก นางก็ได้ยินฮ่วนซิงไป๋ที่อยู่ข้างกายหัวเราะขึ้นมา
องครักษ์ใหญ่ขมวดคิ้ว “หัวเราะอะไร?”
ฮ่วนซิงไป๋ชำเลืองมองด้วยสายตาได้ใจอย่างที่สุด
“มู่พ่านซาน อย่าคิดว่าข้าจะไม่รู้ สาเหตุที่เจ้าดูแคลนความสัมพันธ์ระหว่างบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่กับข้า ไม่ใช่เพราะเจ้าถูกพี่น้องของตนเองแทงข้างหลังเมื่อหลายร้อยปีก่อนหรือไร ไม่ใช่แค่การฝึกยุทธ์ที่เกือบจะเสียหาย แม้แต่สตรีที่รักทั้งหมดล้วนถูกผู้อื่นแย่งไป!”
“จะบอกให้ว่าข้าแตกต่างจากเจ้า!”
“ที่ด้านนอกซากปรักหักพังวิหคเพลิงเมื่อครู่นี้ ข้าถูกมารร้ายควบคุมร่างกายและเกือบตายที่นี่ บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เป็นผู้ช่วยชีวิตข้า!”
“ตั้งแต่วันนี้ไป ข้ากับเขาเป็นเพื่อนตายกันแล้ว!”
ทันใดนั้นจิตสังหารก็ฉายวาบในดวงตาของมู่พ่านซาน แสงสีขาวพุ่งเข้ามาปกป้องจักรพรรดินี
แรงกดดันโดยรอบพวยพุ่งขึ้นในชั่วพริบตา หินบนพื้นแตกเป็นเสี่ยง ๆ
แรงกดดันดั่งภูเขาตกลงมาบนร่างของฮ่วนซิงไป๋ จู่ ๆ ร่างของว่าที่น้องเขยจักรพรรดินีก็ตกอยู่ในการควบคุมจนเข่าอ่อนและกำลังจะจรดลงไปกับพื้น
ดวงตาของมู่พ่านซานเต็มไปด้วยความดูถูก ฮ่วนซิงไป๋ปากดีแล้วอย่างไร?
สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนต่อความแข็งแกร่งของเขา!
ในขณะที่สองขาของฮ่วนซิงไป๋กำลังจะแตะพื้น จู่ ๆ กลิ่นอายอันทรงพลังก็ปะทุออกจากทั่วกาย และพลังวิญญาณโดยรอบก็แผ่ไปทั่วอย่างรวดเร็ว ลมกระโชกรุนแรง ต่อต้านการบีบบังคับของมู่พ่านซาน
ฮ่วนซิงไป๋บังคับตัวเองให้ยืนตรง ทั่วทั้งร่างกำลังสั่นสะท้าน ดวงตามองขึ้นจากมุมต่ำ เผยให้เห็นความมุ่งมั่นที่ไม่เคยมีมาก่อน คล้ายกำลังยั่วยุมู่พ่านซาน
ทว่าในเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่ลมหายใจ แรงกดดันก็กดทับฮ่วนซิงไป๋จนขาของเขาจมลึกลงไปใต้ดินแล้ว ถึงกระนั้นก็ไม่ยอมคุกเข่า
“พอแล้ว!”
จักรพรรดินีลั่นวาจา ภายในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธคุกรุ่น
เมื่อเห็นว่านางไม่พอใจ มู่พ่านซานก็ถอนแรงกดดันทันที
พลังที่สั่นสะเทือนทุกสิ่งทั่วท้องฟ้าหายไปพร้อมน้ำหนักที่กดทับบนร่างของฮ่วนซิงไป๋ ทำให้ร่างกายของชายชุดเหลืองทองผ่อนคลายขึ้นมาก
เขาจ้องมองไปยังองครักษ์ใหญ่พลางยกยิ้มน่าหมั่นไส้ ราวกับว่าได้รับชัยชนะ
จักรพรรดินีเม้มปาก จากนั้นดวงตาก็มืดมนลง ทำให้แยกแยะอารมณ์ของนางได้ยาก
นางรู้ว่าจริง ๆ แล้ว ฮ่วนซิงไป๋ในยามปกติจะเคารพมู่พ่านซาน
อีกฝ่ายเป็นผู้คุ้มกันคนสนิทของนางผู้เป็นจักรพรรดินีและการฝึกฝนของเขาก็ยากจะหยั่งรู้ได้ กอปรกับสถานะในพระราชวังฉวนจง แม้แต่พวกแก่ตายยากจากตระกูลฮ่วนก็หวาดกลัวเขา
ดังนั้นฮ่วนซิงไป๋จึงมีความอดทนต่อมู่พ่านซานอย่างมาก
มิฉะนั้น ด้วยอุปนิสัยของว่าที่น้องเขยคนนี้ เกรงว่าคงจะไม่พูดกับองครักษ์ของนางแม้แต่สักประโยค
สถานการณ์ในวันนี้ก็เกี่ยวข้องกับนางด้วย
หากไม่ใช่เพราะความบกพร่องแต่กำเนิดของนาง ในตอนนี้ที่วันหมดอายุขัยใกล้เข้ามาแล้ว มู่พ่านซานคงไม่รีบร้อนที่จะเอาเลือดมังกรเจินหลงจากร่างกายลู่หยวนมาให้ได้
และคงไม่ให้ฮ่วนซิงไป๋นำทางบุตรศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่ซากปรักหักพักวิหคเพลิง
ตลอดจนใช้พลังของซากปรักหักพังเพื่อควบคุมลู่หยวนเพื่อสกัดเลือดของมังกรเจินหลง
หากเป็นคนธรรมดา ฮ่วนซิงไป๋อาจจะไม่เป็นเดือดเป็นร้อนเหมือนวันนี้ แต่คนผู้นี้คือลู่หยวน!
ตั้งแต่คุณชายแห่งตำหนักธารสุญญะผู้นั้นก้าวเข้าสู่สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ วีรกรรมทุกอย่างก็เลื่องลือไปทั่วทั้งวังจักรพรรดิแดนมัชฌิม
แม้ว่าฮ่วนซิงไป๋จะอยู่ในตำหนักก็ยังได้ยินมาทั้งหมด ตัวเขานั้นชื่นชมลู่หยวนมากและต้องการผูกมิตรด้วย
ดูเหมือนว่าปกติแล้ว ฝั่งลู่หยวนก็ปฏิบัติต่อฮ่วนซิงไป๋ไม่เลวเช่นกัน
ตอนนี้ว่าที่น้องเขยของนางรู้ว่าการนำทางลู่หยวนมาสู่แท่นบูชาวิหคเพลิง เขาไม่เพียงต้องการเลือดของมังกรเจินหลงเท่านั้น แต่ยังต้องการร่างของมิตรสหายตนด้วย เขาจะไม่โกรธได้อย่างไร?!
ถึงอย่างไร พวกเขาก็เป็นฝ่ายหลอกใช้ฮ่วนซิงไป๋ ย่อมหลีกเลี่ยงความบาดหมางในวันนี้ไม่ได้
หลายลมหายใจต่อมา มู่พ่านซานก็สร้างค่ายกลขึ้นสองสามวงเพื่อปกป้องจักรพรรดินี ก่อนจับจ้องไปที่ชายชุดเหลืองทอง “เรื่องระหว่างเจ้ากับข้าค่อยคุยกันทีหลัง แต่วันนี้ความปลอดภัยของฝ่าบาทต้องมาก่อน ถ้าเจ้าสร้างปัญหา เช่นนั้นอย่าได้โทษข้าเลย!”
พูดแล้วร่างของมู่พ่านซานก็วูบไหว มุ่งหน้าไปยังสุสานราชวงศ์ทางทิศใต้ของฉวนจง
หลังมู่พ่านซานจากไป ฮ่วนซิงไป๋ก็คลุมสองมือด้วยเสื้อคลุมขนาดใหญ่
ในมุมที่จักรพรรดินีมองไม่เห็น เขาหยิบยันต์ที่ลู่หยวนมอบให้ก่อนจะเข้าไปในหอคอยออกมา
ชายชุดเหลืองทองใช้มือแทนพู่กัน ระดมพลังวิญญาณแทนหมึก และเขียนคำสองสามคำลงไป
ยันต์หายไปทันที…
ลู่หยวนซึ่งอยู่ภายในสุสานราชวงศ์แดนมัชฌิมต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเก็บทุกสิ่งในห้องโถงทั้งหมด โดยเก็บแหวนเก็บของไปแล้วถึงสองสามวง
ห้องโถงที่แต่เดิมละลานตา ตอนนี้กลับว่างเปล่า
บุตรศักดิ์สิทธิ์ทอดถอนใจ บุตรแห่งโชคชะตานั้นดียิ่ง สามารถมาถึงสถานที่ที่มีทรัพยากรไม่เลวเช่นนี้เมื่อใดก็ย่อมได้!
ทันทีที่หยุดความคิด เสียงของระบบก็ดังขึ้นจากก้นบึ้งหัวใจ
[ระบบแจ้งเตือน บุตรแห่งโชคชะตาฉู่เชิ่งได้รับโชคพิเศษ ค่าชะตาของเขาเพิ่มขึ้น 8,000 แต้ม!]
[ค่าชะตาปัจจุบันของบุตรแห่งโชคชะตาฉู่เชิ่งคือ 20,000 แต้ม!]