ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 260 ทำลายร่างมายา!
บทที่ 260 ทำลายร่างมายา!
บทที่ 260 ทำลายร่างมายา!
ลู่หยวนถอนสายตาจากนอกประตูห้องโถงใหญ่ แล้วมองไปยังร่างมายาที่ถูกสือจิ่วกำราบไว้
หากไม่มีเกล็ดหัวใจ ร่างมายาก็สูญเสียพลังในการต่อสู้ส่วนใหญ่ไป ในตอนนี้ทำได้เพียงติดอยู่ในความว่างเปล่าขององค์หญิงมารด้วยแรงกดดันมหาศาลอย่างเชื่อฟัง
บุตรศักดิ์สิทธิ์หยิบชุดเกราะเกล็ดที่เพิ่งช่วงชิงออกมาเล่นในมือ
ร่างมายาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเฝ้าดูสิ่งของที่เป็นของตนตกอยู่ในมือของผู้อื่นด้วยความคับแค้นใจ
มันชำเลืองมองด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร เพียงหนึ่งความคิด เขาระงับจิตสังหารของตนแล้วแสร้งทำเป็นเหนือกว่า
“ข้าอยากจะแนะนำเจ้าสักประโยค จงคืนเกราะเกล็ดมาดี ๆ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”
“ไม่เช่นนั้น วิญญาณนับไม่ถ้วนของราชวงศ์ฉวนจงจะถูกข้าปลุก ถึงเวลานั้นแม้ว่าเจ้าจะมีโชคชะตายิ่งใหญ่เพียงไหน เจ้าก็ไม่สามารถเอาชีวิตรอดออกไปได้!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ลู่หยวนก็ยกยิ้มที่มุมปาก เขาพลิกเกราะเกล็ดเล่นกับมันไม่หยุด ราวกับมันไม่ใช่อาวุธฟ้าประทานที่แบกพลังมหาศาล แต่เป็นแค่ของเล่นทั่วไป
“โชคชะตายิ่งใหญ่?”
ลู่หยวนยิ้มและโยนหอกในมือลงและได้ยินเสียง ‘แกร๊ง’ เมื่อมันถูกเหวี่ยงลงสู่พื้น
พลังหอกที่ไม่มีที่สิ้นสุดปกคลุมห้องโถงทั้งหมด
“เจ้าควรจะแหกปาก ถ้าเจ้าแหกปากครั้งหนึ่ง วันนี้ก็มีคนตายเพิ่มอีกหนึ่ง! เจ้าควรจะพูดทุกอย่างที่ต้องการออกมาให้หมด”
เมื่อเห็นว่าลู่หยวนไม่กลัว ในใจของร่างมายาพลันกระสับกระส่าย สิ่งที่เขาพูดไปเมื่อครู่ล้วนพยายามข่มบุตรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น
ในสุสานของราชวงศ์ฉวนจง มีเสี้ยววิญญาณอยู่ที่ไหนอีก?
เขายังอาศัยชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์นี้เพื่อปกป้องวิญญาณที่เหลืออยู่และมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบัน
ตอนนี้เกราะเกล็ดถูกผู้อื่นแย่งไป วิญญาณที่เหลืออยู่ของเขาก็จะหายไปในไม่ช้า!
ร่างมายาคิดอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็ส่งเสียงเย้ยหยัน ความเย่อหยิ่งฉายออกมาจากดวงตา
เขาเป็นคนของราชวงศ์ฉวนจง ผู้ได้รับเกียรติจากราชวงศ์ เขาจึงต้องแสดงท่าทางของผู้ทรงเกียรติยศเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ในวันนี้! ปกป้องศักดิ์ศรีนับหมื่นปี!
ร่างมายานั้นยืนเอามือไพล่หลัง ร่างกายปรากฏกลิ่นอายพลังออกมา
สายตาจับจ้องไปยังลู่หยวน และฝืนเหยียดยิ้มกว้างอย่างบิดเบี้ยว
“สหายน้อย ดูสิ เจ้าเองก็มิได้ใช้ดาบเช่นกัน เกราะเกล็ดนี้ไม่มีประโยชน์สำหรับเจ้า”
“หากเจ้าต้องการอะไรก็บอกข้าได้ แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในสุสานนี้ ข้าก็สามารถให้ราชวงศ์ฉวนจงเตรียมไว้ให้เจ้าได้!”
“ตราบใดที่เจ้าคืนเกราะเกล็ดนี้ให้ข้า เจ้าก็จะได้ทุกอย่างที่ต้องการ!”
ร่างมายารักษารอยยิ้มบนใบหน้า
ช่างความรุ่งโรจน์!
ช่างกิริยาท่าทาง!
วิญญาณไม่ถูกทำลายสิเรื่องใหญ่ที่สุด!
หากวิญญาณที่เหลืออยู่ของเขาสลายไปในวันนี้ ก็จะไม่มีอะไรเหลืออยู่!
ตราบใดที่สามารถรักษาวิญญาณไว้ได้ แม้ให้เรียกว่าบิดา เขาก็ทำได้
เมื่อเห็นท่าทีของวิญญาณเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ท่าทีของลู่หยวนก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ยังคงมีรอยยิ้มเย้ยหยันอยู่บนใบหน้า
ลู่หยวนรู้ดีว่าตาเฒ่านี่กำลังคิดอะไรอยู่
อย่ามองว่ามันเจรจาด้วยได้ ครั้นได้คืนไป เกรงว่าระเบิดโทสะทันทีและฆ่าเขากับสือจิ่วที่นี่…
“อยากได้เกราะเกล็ดรึ?”
ลู่หยวนถือมันไว้แล้วยกยิ้มที่มุมปาก
ร่างมายาพยักหน้าอย่างมีความหวัง
เมื่อเจ้าเด็กนี่เสนอเงื่อนไข ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม เขาจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อทำให้มันพอใจ!
ขอเพียงเขาได้เกราะเกล็ดมา เขาจะคืนความอัปยศกลับไปเป็นเท่าตัว!
ลู่หยวนถือมันไว้ในมือและเก็บเกราะเกล็ดนั้นไป ชายหนุ่มยื่นมือขวาออกมา ก่อนกระบี่วิถีโลกาจะปรากฏขึ้นในมือ
เมื่อเห็นอีกฝ่ายแสยะยิ้มอย่างมุ่งร้าย หัวใจร่างมายาก็เต้นตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ “เจ้า…เจ้าจะทำอะไร?”
บุตรศักดิ์สิทธิ์ยกกระบี่ขึ้น จนอากาศรอบตัวหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง เขากระซิบ “ข้าแค่ขอแทงเจ้าสักหนึ่งกระบี่!”
ทันทีที่พูดจบ ลู่หยวนก็ฟันอาวุธออกไป สือจิ่วเองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นางปลดปล่อยแรงกดดันจากพลังมารนับหมื่นตกลงบนร่างมายา และกดเขาไว้อย่างแน่นหนา
ปราณกระบี่โจมตีร่างมายาเข้าเต็มรัก
เปรี้ยง!
“อ๊าก อ๊า อ๊าก!!!”
เมื่อปราณกระบี่แทงลงไป เสียงร้องโหยหวนก็ดังสะท้อนไปทั่วห้องโถงใหญ่ โหยหวนราวกับวิญญาณคร่ำครวญจากขุมนรก
สือจิ่วปล่อยอีกฝ่าย ดวงตาของร่างมายาเบิกโพลงจนหลุดออกจากเบ้า ขณะถูกกระบี่วิถีโลกายังคงกัดกร่อนวิญญาณที่เหลืออยู่อย่างต่อเนื่อง
ความเจ็บปวดแทบจะแทรกซึมเข้าไปถึงจิตวิญญาณ แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของร่างมายา
มันหลับตา และส่งเสียงโหยหวนไม่หยุด ร่างกายเริ่มเลือนรางราวกับจะหายไปในชั่วอึดใจ
“ไอ้สารเลว! แกเป็นใครกันแน่!!”
ข้างนอกห้องโถง ณ ขณะนี้ กลิ่นอายอันทรงพลังก็ผันผวนไปมา
สือจิ่วกลับไปยังหอคอยอสูรสวรรค์ในจิตเทวะของลู่หยวนในชั่วพริบตา
บุตรศักดิ์สิทธิ์ชำเลืองมองและเย้ยหยัน “มู่พ่านซานผู้นี้มาเร็วนัก”
ลู่หยวนถือยันต์ไว้ในมือ ข้างตัวมีค่ายกลปรากฏขึ้นในแนวตั้งและแนวนอนจากพื้น ก่อนร่างของชายหนุ่มจะกลายเป็นภาพลวงตาเช่นกัน
เขาขึ้นเสียงเพื่อให้ร่างมายาได้ยิน “จงจำไว้ ข้าชื่อฉู่เชิ่ง!”
ว่าแล้วค่ายกลใต้เท้าของคุณชายแห่งตำหนักธารสุญญะก็สั่นไหว ก่อนร่างจะหายไปทันที
ตูม!
ประตูห้องโถงใหญ่ถูกเปิดออก จากนั้นมู่พ่านซานก็บุกเข้าไปอย่างรวดเร็ว
เขากวาดตาไปโดยรอบและพบว่าสมบัติหายากทั้งหมดในสุสานของราชวงศ์หายไป
ไม่มีกองสมุนไพรวิญญาณและยาวิญญาณหลงเหลืออยู่เลยสักอย่าง!
ดวงตาของมู่พ่านซานจับจ้องไปที่ร่างมายากลางอากาศอย่างรวดเร็ว เขาโค้งคำนับด้วยความเคารพทันที “คารวะผู้อาวุโส!”
ร่างมายานั้นกำลังเจ็บปวดอย่างมาก พลังในร่างกายเหือดหายไปอย่างต่อเนื่อง
ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความทรมานแสนสาหัส ตอนนี้ดวงตาของเขาถูกทำลายจนมองไม่เห็นคนตรงหน้าแม้แต่น้อย
มู่พ่านซานยังสังเกตเห็นว่าบรรยากาศโดยรอบผู้อาวุโสปั่นป่วนมาก จนเขาไม่กล้าบุ่มบ่ามก้าวไปข้างหน้า
วิญญาณดวงนี้ดำรงอยู่มาเป็นเวลานาน หากมีปัญหาใด ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาก็ไม่สามารถแทรกแซงได้
ร่างมายานั้นพยายามทนความเจ็บปวด และเสียงก็อ่อนลง “เจ้า…เจ้าเป็นคนของราชวงศ์ข้าใช่หรือไม่!”
มู่พ่านซานตอบด้วยความเคารพ “ข้าเป็นองครักษ์ส่วนพระองค์ของจักรพรรดินีฉวนจง หากผู้อาวุโสมีคำสั่งใด โปรดรับสั่ง!”
ผู้ฟังกายาสั่นไหวราวกับว่าจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ
เขาคำรามเสียงดังด้วยพละกำลังเฮือกสุดท้าย “ทำตามคำสั่งของข้า! ฆ่าฉู่เชิ่งซะ! ทายาทแห่งราชวงศ์ของข้าทุกคนจงน้อมรับคำสั่งนี้!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ร่างมายาก็สลายไปในอากาศ
มู่พ่านซานยังคงยืนอยู่ที่เดิม ดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยความมืดมน
เขารวบรวมพลังและเดินไปรอบทั่วทั้งห้องโถง แต่กลับไม่พบกลิ่นอายของลู่หยวนแม้แต่น้อย
ราชองครักษ์ใหญ่ขมวดคิ้ว หรือว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้อยู่ที่นี่จริง ๆ?!
รูปลักษณ์ของผู้อาวุโสก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะถูกกัดกร่อนวิญญาณด้วยบางสิ่ง
ผู้อาวุโสเอ็ดตะโรหาฉู่เชิ่ง หรือว่าเจ้านี่ทำอะไรผิดเอาไว้
แต่เด็กคนนี้อยู่ในซากปรักหักพังวิหคเพลิงมิใช่หรือ?
ผู้อาวุโสจะพาดพิงถึงเขาได้อย่างไร?
ความสงสัยทับถมใจมู่พ่านซานเป็นชั้น ๆ
ลมหายใจต่อมา ราชองครักษ์ก็ทะยานขึ้นฟ้า มุ่งหน้ากลับไปที่ซากปรักหักพังวิหคเพลิง