ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 262 สองฝ่ายทัดเทียม
บทที่ 262 สองฝ่ายทัดเทียม
บทที่ 262 สองฝ่ายทัดเทียม
“ยังไม่ยอมรับอีกรึ!”
พลังของมู่พ่านซานขยายตัว ทั้งดินแดนเก้าวิหคเพลิงสั่นสะเทือน เสาอันโอ่อ่าสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับมันกำลังจะพังทลายได้ทุกเมื่อ
แรงกดดันหนักหน่วงแผ่ไปทางฉู่เชิ่งอีกครั้ง
ก่อนที่บุตรแห่งโชคชะตาจะทันได้ตอบสนอง เพลิงสวรรค์อันอ่อนแอก็ปะทุออกมาจากร่างกายของเขา ผลักแรงกดดันทั้งหมดออกไป
พลังของมู่พ่านซานด้อยกว่าเพลิงสวรรค์เล็กน้อย แรงกดดันทั้งหมดจึงถูกสกัดถอยห่างจากฉู่เชิ่งไปหนึ่งฉื่อ
มู่พ่านซานเฝ้าดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าและตกอยู่ในความเงียบงัน
บุตรแห่งโชคชะตามองไปยังเพลิงสวรรค์โดยไม่ได้พูดอะไร ทั้งตำหนักเงียบจนแทบได้ยินเสียงเข็มหล่น
“หึ”
มู่พ่านซานแสยะยิ้ม ความโกรธในดวงตาจางหายไปแล้ว แทนที่ด้วยไอสังหารซึ่งปะทุออกมา
“เพลิงสวรรค์เป็นเอกลักษณ์ของเผ่าวิหคเพลิง! ฉู่เชิ่ง เจ้าได้เพลิงสวรรค์มาจากที่ใด?”
มู่พ่านซานยกมือขึ้นกะทันหัน พลังวิญญาณนับไม่ถ้วนก็พัดเข้ามาจากทางด้านนอกตำหนัก เติมเต็มทั้งตำหนัก
ตอนนี้เขาแน่ใจว่าเรื่องทั้งหมดนี้เกิดจากฉู่เชิ่ง!
เพลิงสวรรค์นี้เป็นเอกลักษณ์ของเผ่าวิหคเพลิง และมนุษย์ที่สามารถครอบครองเพลิงสวรรค์ได้ต้องสืบเชื้อสายราชวงศ์ฉวนจงเท่านั้น
ฉู่เชิ่งผู้นี้ไม่ทราบว่ามาจากเมืองชายแดนใด จะมีสายเลือดของราชวงศ์ฉวนจงได้อย่างไร?!
เพลิงสวรรค์จะต้องถูกช่วงชิงไปเป็นแน่!
ทว่าผู้อาวุโสที่อยู่ในสุสานราชวงศ์ฉวนจงเมื่อครู่นี้ มีเพลิงสวรรค์หลงเหลืออยู่เล็กน้อย
ฉู่เชิ่งต้องแย่งชิงเพลิงสวรรค์ของท่านไป จากนั้นจึงทำลายวิญญาณที่เหลืออยู่
มู่พ่านซานยิ่งมั่นใจว่าข้อสรุปของตนคือความจริง
ความโกรธในใจยิ่งหนักหนา เขามองไปยังฉู่เชิ่ง และกดฝ่ามืออย่างหนัก
ตูม!
เสียงระเบิดดังขึ้นในทันที
ตำหนักขนาดใหญ่กลายเป็นฝุ่นผง เหลือเพียงรูปปั้นหินสองสามตัวที่ตั้งตระหง่านอยู่ในความว่างเปล่า
แรงกดดันนับพันพุ่งเข้าหาฉู่เชิ่ง แม้แต่เพลิงสวรรค์ก็หยุดการโจมตีนี้ไม่ได้
แรงกดดันอันมหาศาลยังคงกดลงมา โจมตีไปยังศิษย์ยอดเขาดาบ จนอีกฝ่ายรู้สึกกดดันราวกับกำลังแบกภูเขาลูกใหญ่
แผ่นหลังที่เดิมเหยียดตรงถูกบังคับให้ก้มต่ำ บนหน้าผากมีเหงื่อผุดซึม
“ฉู่เชิ่ง เจ้ากล้าชิงเพลิงสวรรค์เพียงดวงเดียวที่เหลืออยู่บนร่างของผู้อาวุโส เจ้าสมควรตาย!”
แรงกดดันอันเย็นยะเยือกกระจายไปทั่วความว่างเปล่าในทันที แรงบีบอัดกลางอากาศก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง กดร่างของฉู่เชิ่งจนเกือบหมอบลงไป
ครั้นบุตรแห่งโชคชะตาถูกกดข่ม เพลิงสวรรค์ก็พัดไปทั่วร่าง เพียงฉู่เชิ่งลืมตา เพลิงเมหันต์สงัดก็ลุกโชนบนฝ่ามือของเขา เข้าพัวพันกับเพลิงสวรรค์
เมื่อเพลิงสวรรค์ลุกโชนเป็นรูปวิหคเพลิง อ้าปากเหมือนสัตว์ร้ายและกลืนกินเพลิงเมหันต์สงัดลงไป
หลังจากหนึ่งอึดใจ จู่ ๆ เพลิงสวรรค์ที่เคยวูบไหวไปมาเป็นเปลวไฟอ่อน ๆ ก็ระเบิดในทันที กลิ่นอายของบุตรแห่งโชคชะตาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ฉู่เชิ่งยันพื้นด้วยมือข้างเดียวแล้วลุกขึ้นช้า ๆ
ในสายตาของเขา มีร่องรอยความเย่อหยิ่งของคนหนุ่มสาว
เมื่อเพลิงสวรรค์ม้วนตัว มันก็กลายเป็นวิหคเพลิงเก้าสวรรค์ โบยบินวนเวียนอยู่รอบตัวฉู่เชิ่ง
เขาลูบหัวของวิหคเพลิงสวรรค์ มีไฟขนาดเล็กรอบตัวเขา ราวบุตรแห่งเทพอัคคี
“ในเมื่อเจ้าไม่ฟังสิ่งที่ข้าพูด ก็ไม่จำเป็นต้องพูดอีกต่อไป!”
ทั้งสองคนแผ่กลิ่นอายดุร้ายยามเผชิญหน้ากันจากระยะไกล การต่อสู้พร้อมปะทุได้ทุกเมื่อ
องครักษ์ใหญ่กับบุตรแห่งโชคชะตาคงคาดไม่ถึงว่าในเวลานี้ วายร้ายจะหลบอยู่ในมุมหนึ่งของท้องฟ้า ใช้ยันต์ที่ระบบมอบให้มองพวกเขาเหมือนดูละครลิง
เสียงของระบบดังขึ้นในใจของลู่หยวน
[ระบบแจ้งเตือน ท่านแลกเปลี่ยนยันต์สลับที่ และยันต์ซ่อนเร้น ค่าชะตาวายร้ายลดลง 8,000 แต้ม!]
[ค่าชะตาวายร้ายของท่านในปัจจุบันคือ 26,000 แต้ม!]
ลู่หยวนลูบคางพลางมองไปยังฉู่เชิ่งผู้มีท่าทางปราศจากความเกรงกลัว เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีไพ่ตายอยู่ในมือ
ไพ่ใบนี้เป็นโชคดีที่ทำให้ค่าชะตาของฉู่เชิ่งเพิ่มขึ้น!
แม้จะกล่าวว่าเพลิงสวรรค์เป็นโชคชะตาที่บุตรแห่งโชคชะตาเพิ่งได้รับ แต่ลู่หยวนรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องได้รับมากกว่าแค่เพลิงสวรรค์
เขาสงสัยมากว่าไพ่ที่ยังไม่เปิดเผยออกมาของฉู่เชิ่งคืออะไรกันแน่?!
ลู่หยวนเพียงนั่งขัดสมาธิอยู่ในความว่างเปล่า เฝ้าดูทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน
ทันใดนั้นเอง!
ฉู่เชิ่งซึ่งยืนอยู่เหนือความว่างเปล่าดูจะไม่เกรงกลัว แต่เขาก็ไม่กล้าลงมือก่อน
สิ่งเดียวที่พึ่งพาได้ในตอนนี้คือวิชาเพลิงสวรรค์ผลาญภพในทะเลลมปราณ แม้มู่พ่านซานจะเป็นคนที่แข็งแกร่งชนิดหาได้ยากในโลกนี้ แต่เคล็ดวิชาอัคคีนี้ก็มีพลังมากจริง ๆ
แม้ว่าตำราในมือจะเป็นเศษซาก แต่ฉู่เชิ่งก็ยังพร้อมจะเสี่ยงชีวิต ด้วยเศษซากตำรานี้ เขามีโอกาสสามในสิบที่จะหลบหนีจากเงื้อมมือของมู่พ่านซาน
แม้จะเป็นเพียงสามในสิบส่วน แต่ก็คุ้มค่าที่จะต่อสู้!
ทว่า…ฉู่เชิ่งมีสิ่งที่กังวล
วิชาเพลิงสวรรค์ผลาญภพเป็นวิชาระดับสูงที่ไม่มีใครเคยเห็นมาหลายปีแล้ว มันมีอยู่ในตำราเก่าแก่เท่านั้น แต่เคล็ดวิชาอัคคีและนามของจักพรรดิเพลิงนั้นโด่งดังระบือไกล
หากเขาเปิดเผยเคล็ดวิชาอัคคีในวันนี้ สิ่งที่รอเขาอยู่ในอนาคตก็คือการไล่ฆ่าซึ่งไม่มีที่สิ้นสุด!
ฉู่เชิ่งยังคงหวังว่าเขาจะหาทางหนีจากที่นี่ได้ โดยไม่เปิดเผยเคล็ดวิชาอัคคีออกไป!
มู่พ่านซานยืนอยู่ที่เดิม ด้วยสายตาเคร่งขรึม ราวกับว่าเขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
เหตุผลที่ชิงลงมือก่อนมาจนถึงตอนนี้เพราะเขาพ่ายแพ้เพลิงสวรรค์
แม้รากฐานการบ่มเพาะจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็ยังเป็นเพียงองครักษ์ประจำพระองค์ของจักรพรรดินี
พูดให้น่าฟังก็คือองครักษ์ แต่ถ้าพูดตรง ๆ ก็แค่สุนัขผู้ซื่อสัตย์ที่อยู่เคียงข้างนางเท่านั้น
ตระกูลของมู่พ่านซานเป็นขุนนางราชวงศ์ฉวนจงมาหลายสิบชั่วอายุคน
เชื้อสายของตระกูลมู่จะสัมผัสถึงความน่ากลัวของเพลิงสวรรค์มาตั้งแต่เกิด เพราะราชวงศ์ใช้วิถีลับสลักเพลิงสวรรค์ ประทับความกลัวไว้ในหัวใจของสมาชิกตระกูลมู่มาหลายชั่วอายุคน!
สมาชิกของตระกูลมู่จะได้รับการคัดเลือกตั้งแต่จำความได้ ผู้มีพรสวรรค์หรือดูคล่องแคล่วว่องไวจะถูกส่งไปยังพระราชวังเพื่อติดตามเชื้อพระวงศ์ตั้งแต่ยังเยาว์วัย
และความหวาดกลัวเพลิงสวรรค์ที่มีอยู่ในใจของพวกเขา ไม่เพียงทำให้ภักดีต่อราชวงศ์ แต่ยังหวาดกลัวราชวงศ์ด้วย!
แม้ว่าฐานการบ่มเพาะของมู่พ่านซานจะแข็งแกร่ง ทั้งราชวงศ์ฉวนจงก็หาผู้ที่เอาชนะเขาไม่ได้สักคนเดียว
แต่ข้าผู้ถูกฝึกฝนด้วยวิธีลับตั้งแต่เยาว์วัย จะยอมจำนนต่อหน้าเพลิงสวรรค์ที่ผู้อื่นใช้ได้อย่างไร!
แม้จะมีเพลิงสวรรค์ แต่อีกฝ่ายก็เป็นเพียงเด็กหน้าละอ่อน
ยามมู่พ่านซานเคลื่อนไหว แม้เพลิงสวรรค์บนร่างของฉู่เชิ่งจะอ่อนแอ แต่ก็ต้านทานเขาได้
แม้ชายวัยกลางคนจะหายใจเข้าลึก ๆ แล้วโจมตีอีกครั้งก็ไม่อาจรุกล้ำได้ เขาแค่ใช้แรงกดดัน ส่วนฉู่เชิ่งก็ปลดปล่อยเพลิงสวรรค์กลืนเพลิงเมหันต์สงัด หลังจากที่เพลิงสวรรค์แข็งแกร่งขึ้น แรงกดดันของมู่พ่านซานก็ไร้ประโยชน์
ราชองครักษ์หรี่ตาลง เขาต้องการสังหารฉู่เชิ่ง ทว่าความกลัวในใจกำลังกลืนกินเขา ชายวัยกลางคนจึงไม่สามารถรวบรวมพลังใด เพื่อเปิดศึกกับฝ่ายตรงข้ามได้อีกต่อไป
ทั้งสองมีความยำเกรงคู่ต่อสู้จึงได้หยุดนิ่งไม่ไหวติง ไม่มีใครกล้าเป็นผู้ลงมือก่อน
เหนือฟากฟ้า ลู่หยวนเห็นว่าทั้งสองคนไม่มีผู้ใดลงมือเสียที จึงอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา
“สู้ไม่ได้หรือ? เช่นนั้นข้าบุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะช่วยพวกเจ้าเอง!”