ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 268 ฟื้นฟูดินแดนลับ (รีไรท์)
บทที่ 268 ฟื้นฟูดินแดนลับ (รีไรท์)
บทที่ 268 ฟื้นฟูดินแดนลับ (รีไรท์)
จักรพรรดินีถืออาวุธวิเศษด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ
นางยกมือขณะกลิ่นอายจำนวนหนึ่งแผ่ออกมา
กลิ่นอายดังกล่าวเป็นของลู่หยวน เมื่อถ่ายเทเข้าไปในอาวุธวิเศษ ก็จะระบุตำแหน่งของเขาได้!
หลังจากถ่ายกลิ่นอายลงไปอีกครั้ง อาวุธวิเศษยังคงสั่นไหวขณะแสงสว่างวูบไหวไปมา ก่อนจะชี้ตรงไปข้างหน้า
ดูจากระดับการสั่นไหวของมัน ลู่หยวนน่าจะอยู่ห่างจากพวกเขาไม่เกินหนึ่งร้อยหมี่
แต่พอมองรอบข้าง กลับไม่พบวี่แววของอีกฝ่าย
อาวุธวิเศษชิ้นนี้มีปัญหาอย่างนั้นหรือ?!
ทั้งสองลองอีกหน ก่อนจะพบว่าต่อให้ถ่ายกลิ่นอายของลู่หยวนอย่างไร มันก็ชี้ไปข้างหน้า
“อาวุธวิเศษชิ้นนี้อยู่ในระดับศักดิ์สิทธิ์ ไม่เคยทำงานผิดพลาดมาก่อน หรือว่าจะใช้การไม่ได้แล้ว?”
จักรพรรดินียังคงใช้งานต่อไป
มู่พ่านซานระงับกลิ่นอายเล็กน้อย จากนั้นก็ตรวจสอบอาวุธวิเศษ แต่ก็ไม่พบความผิดปกติ “อาจจะมีบางอย่างรบกวนที่นี่ พวกเราออกจากดินแดนลับก่อนแล้วค่อยหารือกันดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
จักรพรรดินีพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
มู่พ่านซานประคองนาง เพียงพริบตาก็ออกมาจากดินแดนลับ
ฮ่วนซิงไป๋ยืนเฝ้ามองทั้งสองคนจากไปอยู่ทางด้านหลัง สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนก่อนจะเดินตามไป
ครั้นพวกเขาจากไป กลิ่นอายมารก็เกิดความผันผวนกลางอากาศ ก่อนสือจิ่วจะปรากฏตัว
ใบหน้าของนางดูสงบจนผิดปกติ
เมื่อเห็นลู่หยวน สือจิ่วจึงประสานมือทำความเคารพ “นายท่าน”
เขายืนเอามือไพล่หลังแล้วพยักหน้า “รีบไปค้นหาเสีย ต้องมีบางอย่างซ่อนอยู่แน่!”
สือจิ่วรับคำ แล้วทะยานออกไปไกลพร้อมกลิ่นอายมาร
ลู่หยวนยืนอยู่กลางอากาศ สายตาของเขาดูมุ่งมั่น
ภายในซากปรักหักพังวิหคเพลิงแห่งนี้ จะต้องมีวาสนามากกว่าที่ฉู่เชิ่งได้รับ!
แม้การต่อสู้เมื่อครู่จะทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้งหลายในดินแดนลับ แต่ลู่หยวนยังเชื่อว่าจะต้องมีวาสนาที่ทำให้ปฐพีสั่นสะเทือนอยู่ใต้ซากปรักหักพังเหล่านั้น!
สายตาของเขากวาดมองไปยังทิศทางหนึ่ง ก่อนจะแผ่กลิ่นอายปกคลุมทั่วทุกระแหง เพื่อพยายามค้นหาสิ่งแปลกปลอม
เจิ้งชิงเทียนกับเขามีความคิดเดียวกัน หลังสือจิ่วออกมาจากหอคอยอสูรสวรรค์ เจิ้งชิงเทียนจึงปลดปล่อยกลิ่นอายส่วนหนึ่งเข้าสำรวจ!
นางเคยได้ยินเกี่ยวกับซากปรักหักพังวิหคเพลิง
เมื่อสามแสนปีก่อน สถานที่แห่งนี้ยังไม่ถูกทำลาย
มันคือสถานที่ซึ่งวิหคเพลิงแห่งเผ่าสัตว์เทวะอาศัยอยู่ ทำให้แผ่นดินทั่วทุกหนแห่งภายในนั้นมีค่าต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์!
แม้มหาสงครามจะทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นพื้นที่รกร้างในดินแดนลับ แต่ก็เป็นหลักฐานว่ามีวาสนาจำนวนมากถูกซ่อนเอาไว้
หากนับเพียงวาสนาของเผ่าวิหคเพลิงที่เจิ้งชิงเทียนรู้จัก ก็มีค่าเท่ากับวิชาเพลิงสวรรค์ผลาญภพที่ฉู่เชิ่งครอบครอง!
แต่บัดนี้สถานที่ดังกล่าวถูกทำลายแล้ว การจะตามหาวาสนาซึ่งซ่อนอยู่ภายในนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
เจิ้งชิงเทียนจึงค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมจากหอคอยอสูรสวรรค์ทีละน้อย โดยอาศัยวาสนาที่ได้รับมาเท่านั้น
ไม่ทราบว่าผ่านไปนานเท่าไร ทั่วทั้งดินแดนลับถูกค้นหาอย่างละเอียด แต่ก็ยังไม่พบอะไร
เจิ้งชิงเทียนค่อนข้างผิดหวัง นางทราบว่ามีมรดกของเผ่าวิหคเพลิงเป็นจำนวนมาก ขอเพียงสืบทอดหนึ่งในมรดกเหล่านั้นได้ก็จะทำให้การบ่มเพาะของลู่หยวนก้าวหน้าขึ้น!
ขณะที่สือจิ่วปกปิดกลิ่นอายและกำลังจะกลับมา ลู่หยวนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางจ้องมองไปยังเบื้องล่างของดินแดนลับ
นางลงมาอยู่ข้างกายอีกฝ่าย ก่อนประสานมือทำความเคารพ “นายท่าน ข้าทำให้ท่านผิดหวัง!”
ลู่หยวนยกมือหยุดคำพูดของสือจิ่ว
สายตาของเขากวาดมองรอบข้างอย่างละเอียด จากนั้นจึงวกกลับมายังจุดที่ยืนอยู่
ลู่หยวนพลันยกยิ้ม “ข้ารู้แล้ว”
เมื่อเขาขยับฝีเท้า แสงสีทองก็ปกคลุมทั่วดินแดนลับ เส้นสีม่วงพาดผ่านด้านบน ทำให้ลำแสงดังกล่าวแบ่งออกเป็นแปดส่วน
“สือจิ่ว ไปทางทิศเหนือ!”
สิ้นคำของลู่หยวน สือจิ่วก็เข้าใจก่อนจะเคลื่อนไหว ร่างของนางวูบไหวไปมาจนมาถึงทิศเหนือของแสงสีทอง
นางยืนนิ่งขณะที่แสงสีม่วงปรากฏจากใต้เท้า ในที่สุดมันก็สว่างวาบ ก่อนแผ่นหินว่างเปล่าสีทองจะลอยขึ้น
ตัวอักษร ‘ขั่น’ ขนาดใหญ่ปรากฏบนแผ่นหิน
ปราณวิญญาณทั่วหล้าได้รับการฟื้นฟูหลังจากตัวอักษร ‘ขั่น’ ปรากฏขึ้นมา
“ทิศตะวันตกเฉียงใต้!”
ลู่หยวนเอ่ย สือจิ่วขยับมายืนอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้
แผ่นหินแบบเดียวกันที่มีตัวอักษร ‘คุน’ ปรากฏขึ้นตรงหน้าของนาง
การเปลี่ยนแปลงสะเทือนปฐพีเกิดขึ้นทั่วทั้งดินแดนลับหลังจากตัวอักษร ‘ขั่น’ ปรากฏขึ้น
แผ่นดินใต้ดินแดนลับซึ่งเดิมว่างเปล่า เริ่มพลิกกลับและรวมตัวอย่างต่อเนื่อง
สรรพสิ่งที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบเริ่มกลับมามีพลังชีวิต
เจิ้งชิงเทียนประหลาดใจเมื่อเห็นเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าพลังจากการต่อสู้เมื่อครู่ได้กวาดล้างบริเวณนั้นไปแล้ว
แต่พลังชีวิตเริ่มปรากฏอย่างต่อเนื่องภายใต้คำสั่งของลู่หยวน!
เจิ้งชิงเทียนยิ่งไม่เข้าใจ แม้แต่นางก็ไม่เคยเห็นวิธีการเช่นนี้!
“ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ!”
ลู่หยวนตะโกน
สือจิ่วเคลื่อนไหวอีกครา ก่อนจะพบแผ่นหินปรากฏทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
เสียงมหาวิถีดังกึกก้องเหนือสวรรค์ทั้งเก้า
แสงสีทองของค่ายกลใต้เท้าลู่หยวนริบหรี่ก่อนจะเลือนหาย
แผ่นหินทั้งหลายเริ่มแตกสลาย ฟ้าดินเริ่มสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง
หมู่เมฆบนผืนฟ้ารวมตัวกันจนกลายเป็นรูปทรงกรวยคว่ำ
ภายในรูปทรงกรวยนี้ มีลมพัดกระโชกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ก้อนเมฆาเคลื่อนเข้าหากัน เสียงฟ้าร้องดังขึ้นขณะที่แสงสีม่วงแปลกประหลาดสาดส่องลงมา
สายฟ้าแลบประหนึ่งมังกรอัสนีหลบซ่อนในกลุ่มเมฆ ขดและพองตัวอย่างระมัดระวัง ราวกับจะพุ่งลงมาแยกฟ้าดิน!
ลู่หยวนยืนเอามือไพล่หลังขณะที่เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงบนท้องนภา พร้อมยิ้มที่ฉีกกว้าง
เขาก้มมองเบื้องล่าง พร้อมร่ายผนึก
“นัก! รบ! ล้วน! อยู่! แนว! หน้า! การ! ต่อ! สู้!”
ลู่หยวนตะโกนด้วยเสียงอันแจ่มชัด ซึ่งกระจายไปทั่วทั้งห้วงอากาศ
เขาลดมือลงก่อนล่าถอยมาอยู่รอบนอกของดินแดนลับ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในฟ้าดินจากการกระทำดังกล่าว
เมื่อเจิ้งชิงเทียนเห็นเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้วราวกับฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้
วิ้ง!
ผ่านไปหลายอึดใจ ทั่วหล้าสั่นสะเทือนจนเกิดการเปลี่ยนแปลง แผ่นดินยังคงพลิกไปมา สิ่งปลูกสร้างซึ่งกลายเป็นผงธุลีเพราะการต่อสู้เมื่อครู่ เริ่มก่อตัวขึ้นใหม่จากอากาศ!
ทุกสิ่งกำลังฟื้นฟูอย่างเป็นระเบียบ!
เพียงหนึ่งถ้วยชา ดินแดนลับก็กลับมาเป็นปกติ
ทุกอย่างเหมือนกับตอนที่เพิ่งก้าวมาที่นี่ ราวกับไม่เคยมีการต่อสู้เกิดขึ้นมาก่อน