ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 269 ค่ายกลขนาดใหญ่
บทที่ 269 ค่ายกลขนาดใหญ่
บทที่ 269 ค่ายกลขนาดใหญ่
เจิ้งชิงเทียนตกตะลึงขณะจ้องมองทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
ถึงอย่างไร นางก็เป็นผู้มีประสบการณ์ในแผ่นดินแห่งนี้มาหลายแสนปี จึงพบเห็นมาไม่น้อย
แต่นับเป็นครั้งแรกที่ตัวเองได้เห็นสรรพสิ่งซึ่งถูกทำลายไปแล้วกำลังสร้างขึ้นใหม่ ประหนึ่งพลิกฟ้าดิน!
ร่างของสือจิ่ววูบไหวก่อนจะมาอยู่ข้างกายลู่หยวน โดยปกปิดกลิ่นอายมารไว้
ลู่หยวนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพลางกวาดมองเบื้องล่างซึ่งกำลังกลับคืนสู่สภาพเดิม เขายกยิ้มที่มุมปาก
เจิ้งชิงเทียนถามขึ้นว่า “นายท่านทำได้อย่างไร?”
ลู่หยวนคลี่ยิ้มขณะชำเลืองมอง พร้อมชี้ไปยังหลายทิศทาง
สือจิ่วเข้าใจทันที ก่อนจะเอื้อมมือออกไป กลิ่นอายมารแผ่ออกมา จากนั้นมุ่งไปยังทิศทางที่เขาชี้
เมื่อกลิ่นอายดังกล่าวพุ่งถึงจุดหมาย พวกมันก็วนกลับมาทันที
ขณะที่กลิ่นอายมารวนเวียนไปมา ปราณวิญญาณบางส่วนก็เข้าพัวพัน ตามไล่หลังกันไม่ห่าง
พลังทั้งสองยังคงเข้าปะทะกัน ก่อนที่กลิ่นอายมารจะถูกปราณวิญญาณกำจัดในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ
วิ้ง!
ห้วงอากาศสั่นสะเทือน ทำให้กลิ่นอายรอบข้างสือจิ่วเกิดความผันผวน กลิ่นอายมารซึ่งถูกปราณวิญญาณกำจัดก็ปรากฏข้างกายของนางอีกครา
“ดินแดนลับแห่งนี้เคยเป็นค่ายกลขนาดใหญ่”
“ทั้งซากปรักหักพังและแท่นบูชาของเผ่าวิหคเพลิงล้วนถูกสร้างบนค่ายกลนี้”
ลู่หยวนเอ่ยอย่างเนิบช้าพลางหรี่ตา ก่อนเนตรเทวะจะปรากฏขึ้น
ในสายตาของเขา ทุกสิ่งตรงหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก
สิ่งปลูกสร้างทั้งหลายซึ่งกลับคืนสภาพเดิมเริ่มสูญสลาย แผ่นดินพังทลาย แสงสีทองพุ่งออกมาจากใต้ดินแดนลับ เข้าปกคลุมรอบข้าง
แผ่นหินปรากฏขึ้นจากทั้งแปดทิศโดยมีลู่หยวนเป็นศูนย์กลาง
แผ่นหินแต่ละแผ่นเขียนว่า “เฉียน คุน ขั่น หลี เจิ้น ซวิ่น เกิ้น ตุ้ย”
พายุหมุนซึ่งแตกต่างจากพายุทั่วไปก่อตัวขึ้นในห้วงอากาศทั้งแปดทิศ
พายุเหล่านี้ในยามปกติจะไล่ระดับจากตื้นไปถึงลึก ซึ่งปราณวิญญาณจะผันผวนตามความรุนแรงของพายุ
แต่ความผิดปกติของพายุเหล่านี้คือการไล่ระดับจากลึกไปตื้น
สาเหตุดังกล่าวอาจเป็นผลมาจากอิทธิพลของอาวุธวิเศษ
แต่การที่พายุหมุนทั้งแปดลูกยังคงประจำตำแหน่งในแต่ละทิศนั้น อาจกล่าวได้ว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ตอนที่ลู่หยวนเห็นพายุหมุนและตำแหน่งของพวกมันครั้งแรก ทำให้เขานึกถึงค่ายกลหนึ่งซึ่งเคยเห็นผ่านตา
ค่ายกลนั้นสร้างพายุหมุนย้อนกลับทั้งแปดทิศ ทำให้ทั่วทั้งพื้นที่ตกอยู่ในความโกลาหล
เมื่ออยู่ในพื้นที่ของมัน ก็จะตกอยู่ในสภาพเวียนวน โดยไม่สนว่าสิ่งที่อยู่ภายในนั้นจะถูกทำลายหรือได้รับความเสียหายมากเพียงใด
เมื่อกาลเวลาผ่านไป สรรพสิ่งจะพังทลายแล้วเริ่มต้นใหม่!
ลู่หยวนจำได้ว่า มีผู้แข็งแกร่งจำแนกสถานที่ซึ่งเป็นเขตแดนของตน โดยใช้ค่ายกลนี้เมื่อนานมาแล้ว
หลังจากใช้งาน พื้นที่ดังกล่าวจะไม่ถูกทำลาย ไม่พังทลายและไม่ได้รับความเสียหาย
ทว่าการใช้งานค่ายกลจะต้องระดมพลังมหาศาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต่อให้เป็นผู้อยู่ขั้นอมตยุทธ์ก็เปิดใช้งานไม่ได้ง่าย ๆ
ลู่หยวนสะบัดหอกพันมังกรเก้าสวรรค์กับกระบี่วิถีโลกาไปทางซ้ายและขวา
กลิ่นอายของเขาลึกล้ำยิ่งขึ้น อำนาจมังกรปรากฏที่ปลายหอกในมือขวา ส่วนกระบี่ในมือซ้ายก็สำแดงกลิ่นอายแห่งวิถีคุณธรรมออกมา
“เจิ้งชิงเทียน ข้าอยากใช้พลังของเจ้า!”
นางตอบรับพร้อมถ่ายเทกลิ่นอายมารทั้งหมดให้แก่อีกฝ่าย
กลิ่นอายขนาดใหญ่แผ่ออกจากแผ่นหลังของลู่หยวน ทำให้ปราณวิญญาณรอบข้างปั่นป่วน
กลิ่นอายมารเหล่านี้เคลื่อนไปมาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่มังกรยักษ์สีดำจะปรากฏจากทางด้านหลังของเขา ทำให้ปราณวิญญาณปั่นป่วน และอากาศรอบข้างสั่นสะเทือน
โฮก!
มังกรสีดำแผดเสียงคำรามต่ำ ทำให้สิ่งปลูกสร้างเบื้องล่างพังทลายและทรุดตัว
เมื่อลู่หยวนยกมือ เสียงของกระบี่วิถีโลกาก็ดังขึ้น กลิ่นอายแห่งวิถีคุณธรรมขยายตัว ก่อนจะทะยานขึ้นท้องนภา แล้วหายลับไปในหมู่เมฆสีดำที่มีรูปทรงกรวยคว่ำ
เสียงฟ้าร้องเงียบหาย กลิ่นอายแห่งวิถีคุณธรรมทะยานขึ้นจากพื้นประหนึ่งเสายักษ์ ก่อนจะเข้าสู่ปากกรวยดังกล่าว
สิ่งปลูกสร้างเหนือพื้นบางส่วนเริ่มฟื้นฟูอีกครั้ง
ทั่วหล้าถูกแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกกำลังทรุดตัวและถูกทำลาย อีกส่วนกำลังถูกสร้างขึ้นใหม่ ดูแปลกประหลาดยิ่ง
ลู่หยวนยืนอยู่กลางอากาศขณะที่สายลมพัดกระโชกจนชุดคลุมพลิ้วไหว ราวกับเขาคือผู้สร้างโลกใบนี้
ท่ามกลางความปั่นป่วนของพลังทั้งสอง ทำให้ปราณวิญญาณในโลกพังทลาย สรรพสิ่งสูญสิ้น
ลู่หยวนขยับมือขวา ทำให้มังกรเจินหลงซึ่งอยู่บนร่างเคลื่อนไหวตาม มันขดตัวรอบหอกยาวในมือของเขา
อำนาจมังกรปรากฏขึ้นเหนือหอกยาว เมื่อมังกรเจินหลงขยับ กลิ่นอายที่สามจึงเกิดขึ้นจากร่างของลู่หยวน
วิ้ง!
ลำแสงสีทองพลันเคลื่อนลงมาจากสวรรค์ทั้งเก้า แล้วปกคลุมโลกทั้งใบ
บัดนี้สรรพสิ่งหยุดนิ่ง
หมู่เมฆเหนือท้องนภาหยุดเคลื่อนไหว เสียงฟ้าร้องที่เคยเงียบสงบพลันดังขึ้น
สิ่งปลูกสร้างซึ่งกำลังพังทลายหยุดนิ่ง ทั่วทั้งสวรรค์และปฐพีมีเพียงลู่หยวนที่ยืนอยู่ ทั้งกลิ่นอายแห่งวิถีคุณธรรม กลิ่นอายมารและอำนาจมังกรทรงพลังกำลังโคจรไปมา
เมื่อลู่หยวนสะบัดมือขวา หอกพันมังกรเก้าสวรรค์ก็เคลื่อนตาม
กลิ่นอายมหาศาลระเบิดออก แสงสีทองปรากฏที่ปลายหอก ขณะที่อำนาจหอกสูงสุดพุ่งออกมาอย่างรุนแรง
เมื่อลู่หยวนถอนหายใจ แสงจากหอกในมือยิ่งเจิดจ้า
โฮก! โฮก! โฮก!
มังกรเจินหลงซึ่งดุร้ายและคลุ้มคลั่งโอบรัดทั่วทั้งหอก
ทันใดนั้น
ลู่หยวนตวัดหอกออกไป
วิ้ง!
ฟ้าดินสั่นไหว คลื่นอากาศกระจายทั่วทุกสารทิศ
ตูม! ตูม! ตูม!
ยามคลื่นดังกล่าวกวาดผ่าน สรรพสิ่งทั่วหล้าล้วนพังทลาย
สายฟ้า หมู่เมฆ แท่นบูชา แผ่นดิน
ทุกสิ่งที่มองเห็นด้วยตาเปล่าสูญสลายไปในชั่วพริบตา
“สวรรค์และปฐพี!”
ลู่หยวนตะโกนเสียงต่ำ แสงสีทองจากหอกยาวในมือยังคงเจิดจ้า
“เฉียน! คุน!”
สิ้นคำของลู่หยวน แสงสีทองจางหาย กลิ่นอายมารกับวิถีคุณธรรมกลายเป็นมังกรยักษ์สองตัว ก่อนจะขดตัวแล้วทะยานเข้าสู่ร่างของเขา
กลิ่นอายบนร่างเพิ่มทวีขณะที่ดวงตาของเขาหรี่ลง ผิวบริเวณหน้าผากปริแยก แล้วดวงตาโลหิตที่สามก็ปรากฏขึ้น
ยามแสงสีแดงเลือนหาย ฟ้าดินก็ถูกหมอกสีแดงปกคลุม
ลู่หยวนเก็บหอกพันมังกรเก้าสวรรค์และกระบี่วิถีโลกา กลุ่มก้อนกลิ่นอายรอบข้างยังคงผันผวนอยู่
เขาสร้างผนึกด้วยสองมือ ทำให้กลิ่นอายเกาะกลุ่มกับ ก่อนจะกระจายออกไป
ทุกสิ่งเบื้องล่างอยู่ในระหว่างการก่อร่างและการสูญสลายอย่างต่อเนื่อง
ผ่านไปหลายอึดใจ ลู่หยวนก็เงยหน้าขึ้นก่อนที่กลิ่นอายอันหนักอึ้งจะปรากฏบนเนตรเทวะ
“สลาย!”
ลู่หยวนตะโกน ก่อนที่กลิ่นอายจะระเบิด
เสียงดังกล่าวเคลื่อนผ่านทั่วทุกหนแห่ง ทำให้ฟ้าดินเริ่มสั่นสะเทือน