ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 275 จักรพรรดินี
บทที่ 275 จักรพรรดินี
บทที่ 275 จักรพรรดินี
สวีชู่และสวี่หลิวอวิ๋นกำลังพูดคุยกับชิวชิงหลี ในขณะที่ทั้งสองคนไม่ทันสังเกต ชิวชิงหลีก็เหลือบมองไปด้านหลังเล็กน้อย
ยันต์ที่ลู่หยวนติดไว้บนร่างของนาง ตราบใดที่เขาเต็มใจ ชิวชิงหลีก็จะรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขาได้
ชิวชิงหลีไม่เข้าใจ เหตุใดบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ถึงจงใจพรางกายของเขา?
ทว่าด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ นางจึงถามไม่สะดวก ดังนั้นจึงแสร้งทำเป็นสนทนากับสวีชู่และสวี่หลิวอวิ๋นตามปกติ และรอคำสั่งของลู่หยวน
ชิวชิงหลีรู้ดีว่าถ้าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ไม่ต้องการ ก็จะไม่เปิดเผยกลิ่นอายของตัวเองให้นางสัมผัสได้
หญิงสาวสังเกตสถานการณ์โดยรอบอย่างระมัดระวัง พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่
นางเพิ่งคุยกับสวีชู่และสวี่หลิวอวิ๋นจบไปไม่กี่ประโยคอย่างขอไปที ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันทรงพลังพุ่งเข้ามาจากที่ห่างไกล
มิติโดยรอบสั่นสะเทือนเล็กน้อยจากการเขย่าของพลัง ทุกคนจึงกวาดสายตาไปทันที
ปรากฏว่าผู้มาเยือนคือมู่พ่านซาน!
ชิวชิงหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ผ่อนคลาย เมื่อมู่พ่านซานลงมายืนบนพื้น นางก็โค้งคำนับอย่างสง่างาม “ชิงหลีคำนับท่านลุงมู่”
แม้มู่พ่านซานจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชิวชิงหลี ทว่าวังจักรพรรดิแดนมัชฌิมก็ติดต่อกับตระกูลชิวมาตลอด ดังนั้นชิงหลีจึงเรียกว่าท่านลุงตามความอาวุโส
มู่พ่านซานไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ ทันทีที่ลงถึงพื้น เขาเพียงสำรวจสภาพแวดล้อม ทว่าค้นหาทั่วทั้งหอคอยสวรรค์ประทานแล้ว ล้วนไม่พบที่ใดผิดแปลก
เขาสัมผัสถึงกลิ่นอายของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ไม่ได้เลย
เมื่อเห็นท่าทางหงุดหงิดของมู่พ่านซาน สวีชู่กับสวี่หลิวอวิ๋นต่างงุนงง
ทั้งสองคนมีพลังกล้าแกร่ง ดังนั้นย่อมเห็นว่ามู่พ่านซานกำลังทุกข์ทรมานจากการบาดเจ็บ และแม้แต่พลังของเขาก็ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
หากทั้งสองคนลงมือในตอนนี้ มู่พ่านซานอาจเอาชนะพวกเขาไม่ได้
สวีชู่และสวี่หลิวอวิ๋นเกิดความสงสัยอยู่หลายส่วน
มู่พ่านซานมีพลังมหาศาลทั่วทั้งทวีป ยกเว้นบุคคลที่ไม่อาจพูดถึงไม่กี่คน เขาสามารถเรียกได้ว่าไร้เทียมทานในโลกนี้แล้ว
ตอนนี้มาอยู่ในสภาพแบบนี้ได้อย่างไร?!
ใครกันที่ทำร้ายเขาได้?!
สิ่งเหล่านี้กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของทั้งสองคน แต่เมื่อเห็นท่าทางรีบร้อนของมู่พ่านซาน พวกเขาก็ไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า
ถึงอย่างไร พวกเขายังรู้ว่าแม้ความแข็งแกร่งของมู่พ่านซานในตอนนี้จะลดลงมาก ทว่าหากทำให้มู่พ่านซานโกรธในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ พวกเขาอาจต้องจ่ายในราคามหาศาล!
หลังจากสำรวจแล้ว มู่พ่านซานก็หันไปมองสวีชู่และสวี่หลิวอวิ๋นทันที “พบลู่หยวนบ้างหรือไม่?”
ทั้งสวีชู่และสวี่หลิวอวิ๋นต่างตกตะลึง
ลู่หยวน?!
ชื่อนี้ไม่ค่อยคุ้นหูพวกเขา
สวี่หลิวอวิ๋นก้าวออกไปก่อน และเผยร่างของสาวกสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ข้างหลังเขา “ข้าหยุดคนเหล่านี้ไว้ที่นี่เท่านั้น เจ้าดูว่ามีคนที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือไม่?”
ดวงตาของมู่พ่านซานกวาดมอง คิ้วขมวดหากันและพูดด้วยเสียงทุ้ม “ไม่ใช่พวกเขา!”
โชคดีที่ชิวชิงหลีมีผ้าโปร่งสีขาวปิดใบหน้า การแสดงออกทางสีหน้าจึงไม่มีใครเห็น
นางมองไปทางลู่หยวนเงียบ ๆ ด้วยความสงสัยในใจ
เหตุใดมู่พ่านซานจึงร้อนรนหาบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ถึงเพียงนี้?!
“ห้องบรรทมจักรพรรดินีอยู่ที่ใด?”
จู่ ๆ เสียงของลู่หยวนก็ดังขึ้นข้างหูของชิวชิงหลี นางพลันตัวแข็งทื่อจนเกือบจะเสียอาการ
ต่อมาหลายลมหายใจ ก็รู้ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ใช้พลังของยันต์ที่ติดไว้บนร่างเพื่อคุยกับนาง
ชิวชิงหลีพลันบอกรายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทางไปยังห้องบรรทมของจักรพรรดินีสั้น ๆ
ลู่หยวนออกคำสั่งอีกครั้ง “ยื้อมู่พ่านซานไว้”
หลังจากนั้นชิวชิงหลีก็สัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่หายไปทางห้องบรรทมของจักรพรรดินี
ตอนนี้นางกลับมามีสติ คำพูดที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เพิ่งกล่าวนั้นยังก้องอยู่ในหู
ยื้อมู่พ่านซาน?!
ยื้ออย่างไร?!
จู่ ๆ ชิวชิงหลีก็รู้สึกว่ายุ่งยากแล้ว มู่พ่านซานผู้นี้แข็งแกร่ง แต่นางในตอนนี้ไม่ใช่ว่าคิดจะรั้งก็รั้งไว้ได้!
มู่พ่านซานที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ได้สังเกตว่าท่าทีของชิวชิงหลีในตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาทำเพียงมองไปรอบ ๆ และขมวดคิ้วครุ่นคิด
สถานการณ์ปัจจุบันของจักรพรรดินีไม่สู้ดี หากยังคงอยู่ที่นี่ต่อไป ความสูญเสียจากเพลิงสวรรค์จะยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
เป็นไปได้ที่จะเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ!
การมาถึงของผู้รับโชคชะตาของเผ่ามังกรอย่างลู่หยวนจะปรากฏตัวไม่ง่ายนัก แต่แม้จะเสี่ยงชีวิตของตน ก็ต้องถ่ายเลือดของลู่หยวนและมังกรเจินหลงเข้าสู่ร่างของจักรพรรดินีให้จงได้!
มู่พ่านซานเงยหน้าขึ้นและกำลังจะจากไป
“ข้ารู้ว่าลู่หยวนอยู่ที่ไหน!”
ชิวชิงหลีที่อยู่ด้านหลังพูดขึ้นมา
มู่พ่านซานหยุดเดินและมองกลับไป เมื่อเห็นท่าทางที่มุ่งมั่นของชิวชิงหลี เขาก็ถามทันทีว่า “อยู่ที่ไหน?!”
ชิวชิงหลีเหงื่อออกอย่างมาก เมื่อเห็นพลังที่แข็งแกร่งของมู่พ่านซาน นางก็รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้น
หากมู่พ่านซานรู้ว่านางพูดโกหกในวันนี้
เกรงว่าแม้กระทั่งฐานะสมาชิกตระกูลชิวของนางก็คงถูกบดขยี้แม้แต่กระดูก!
ทว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่สั่งมา นางจึงต้องทำ!
ชิวชิงหลีกัดฟันและพูดทันที “ใช่! หากท่านตามข้ามาก็จะพบเขา!”
มู่พ่านซานเชื่ออย่างไร้ข้อสงสัย ตอนนี้จิตใจกำลังเสาะหาลู่หยวนจึงไม่มีข้อสงสัยใด ๆ เลย
เมื่อเห็นร่างของชิวชิงหลีเดินไปยังทางตรงกันข้ามกับวังจักรพรรดิแดนมัชฌิม มู่พ่านซานก็รีบตามไปเช่นกัน
ร่างของทั้งสองหายไปทันที เหลือเพียงสวีชู่ สวี่หลิวอวิ๋น และคนอื่น ๆ
…
จักรพรรดินีกำลังนอนอยู่ในห้องบรรทม โดยมีสาวใช้คอยปรนนิบัติ นางรู้สึกอึดอัดอยู่เต็มอก และไออย่างควบคุมไม่ได้
สาวใช้นำอาหารมาให้ จักรพรรดินีไม่สนใจแม้แต่จะมอง ทำเพียงโบกมือให้องครักษ์ทั้งหมดถอยออกไป
จักรพรรดินีนอนหลับตาพิงเบาะเพื่อพักผ่อน ผ่านไปสักครู่ ควันจากกระถางธูปในห้องบรรทมก็จางลง
“แสดงตัวเถอะ”
จู่ ๆ จักรพรรดินีก็ตรัสขึ้น แต่ไม่มีใครอยู่ในห้องโถง
หลังจากหลายอึดใจ จักรพรรดินีทอดพระเนตรไปยังพื้นที่ว่างเปล่าข้างหน้า ราวกับเห็นอะไรบางอย่าง
“มู่พ่านซานออกจากวัง มิใช่ว่าเปิดทางให้เจ้าหรอกหรือ?”
“งั้นหรือ?!”
“ลู่หยวน!”
จักรพรรดินีพูดอย่างใจเย็น น้ำเสียงราบเรียบยิ่งนัก
ทันใดนั้นความว่างเปล่าข้างกายก็สั่นไหว ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า
ผู้มาเยือนแต่งกายด้วยชุดสีขาว มีรอยยิ้มอ่อนโยนที่มุมปาก หน้าตาหล่อเหลา ใบหน้าราวกับหยก รอยยิ้มที่หางตามีความประชดประชันอยู่เสมอ
คนผู้นี้คือลู่หยวน!
“ไม่เลว องค์จักรพรรดินีทรงคาดเดาได้ว่าข้าบุตรศักดิ์สิทธิ์มาถึงแล้ว”
แม้ลู่หยวนจะพูดด้วยรอยยิ้ม แต่ก็ไม่มีรอยยิ้มในดวงตา
จักรพรรดินีเอนกายบนเบาะและไออีกสองสามครั้ง เรี่ยวแรงทั้งหมดในร่างกายของนางดูจะหายไปกับการไอเพียงไม่กี่ครั้ง
นางพิงเบาะด้านหลังอย่างอ่อนแรง
“พูดมา เจ้ามาที่นี่ต้องการอะไร?”
“หรือต้องการสิ่งใดถึงจะยอมยกเลือดของมังกรเจินหลงและเลือดของเจ้ามา เพื่อช่วยชีวิตข้า?”
ลู่หยวนยิ้ม “ฝ่าบาททรงแน่ใจหรือว่าข้าบุตรศักดิ์สิทธิ์จะช่วยฝ่าบาทง่าย ๆ?”
จักรพรรดินีก็ยิ้มทันที “ข้ารู้ก็แล้วกัน!”