ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 276 ปล้น
บทที่ 276 ปล้น
บทที่ 276 ปล้น
จักรพรรดินีเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ภายในดวงเนตรเต็มไปด้วยความมั่นใจ
ทั้งสองคนต่างมองตากันเป็นเวลานานโดยไม่พูดอะไร
หลังจากเวลาผ่านไป จักรพรรดินีก็ลดพระเนตรลงและไอเบา ๆ
หลังจากทุกอย่างสงบ จักรพรรดินีเอนพิงเบาะและกระซิบว่า “คนจากตระกูลชิวได้ก้าวเข้าสู่ฉวนจงแล้ว เมื่อพวกเจ้าเข้ามายังหอคอยสวรรค์ประทาน พวกเขาได้ตรวจสอบผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดของชิวชิงหลี ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาต้องการสิ่งใด ทว่าคนเหล่านั้นตายหมดแล้ว”
น้ำเสียงของจักรพรรดิหญิงนั้นเบามาก แต่ลู่หยวนก็ได้ยินอยู่ดี
เขายังคงเงียบ เพียงมองไปยังจักรพรรดินี
ฝ่ายหลังกล่าวต่อ “ตอนนี้พวกเขากำหนดเป้าหมายไปที่เสวียนเทียนชวนแห่งสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ข้าเชื่อว่าเสวียนเทียนชวนก็จะหายตัวไปอย่างน่าประหลาดในอนาคตอันใกล้ ถึงตอนนั้นตระกูลชิวจะตรวจสอบอะไรได้ ข้า…ข้าก็ไม่รู้”
จักรพรรดินีดูจะมีเจตนาซ่อนเร้น ทอดพระเนตรไปทางลู่หยวนตรง ๆ และตรัสว่า “ไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงใด ต้องรู้ว่ามังกรที่แท้จริงไม่สามารถเอาชนะอสรพิษเจ้าถิ่นได้!”
คำพูดของจักรพรรดินีมีบางอย่างแอบแฝง ดูจะมั่นใจว่าตระกูลชิวมาที่นี่เพราะบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่
ลู่หยวนไม่แปลกใจ เพียงเดินมายังเบาะด้านข้างแล้วนั่งลง หยิบขนมอบสองสามชิ้นโยนเข้าปาก
จักรพรรดินีตรัสอย่างจริงจัง “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ตราบใดที่เจ้าเต็มใจช่วยข้า ไม่ว่าต้องการอะไรขอเพียงบอกมา หากราชวงศ์ฉวนจงหามาได้ ข้าก็จะให้เจ้า!”
“ตราบใดที่ยอมช่วย ข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นราชันศักดิ์สิทธิ์ต่างสกุลแห่งฉวนจงทันที! เมื่อประชาชนฉวนจงเห็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ก็เหมือนเห็นข้า! ถึงเวลานั้นทั้งฉวนจงจะสนับสนุนเจ้า แม้แต่ตระกูลชิวก็ยังไม่กล้าทำอะไร!”
ลู่หยวนเคี้ยวและกลืนขนมลงคอ เยาะเย้ยในใจ
จักรพรรดินีผู้นี้ใช้ทั้งพระเดชพระคุณจริง ๆ
เมื่อพูดถึงตระกูลชิว นางรู้แล้วว่าตระกูลชิวมาที่นี่น่าจะเป็นเพราะเขา
ลู่หยวนไม่แปลกใจสำหรับเรื่องนี้
ราชวงศ์ฉวนจงสืบทอดกันมาหลายสมัย และจักรวรรดิฉวนจงเป็นอาณาจักรราชวงศ์ที่ใหญ่ที่สุดในแผ่นดินหยวนหง ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างสี่อาณาจักรของแดนเหนือ ทะเลใต้ อาณาจักรประจิม และเทือกเขาบูรพา จึงมองเห็นเส้นสายในการถ่วงดุลอำนาจกันได้
เหนือสิ่งอื่นใด หูตาของวังจักรพรรดิแดนมัชฌิมเพียงอย่างเดียวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งแผ่นดินหยวนหงแล้ว
ลู่หยวนยืนยันได้ว่าแม้แต่ตระกูลลู่ในอาณาจักรแดนเหนือของเขาจะต้องมีคนจากวังจักรพรรดิแดนมัชฌิมแฝงตัวอยู่ แต่คนคนนั้นน่าจะมีสถานะในตระกูลลู่ไม่สูงนัก
ส่วนตระกูลชิวซึ่งเป็นตระกูลทายาทแห่งวิถีคุณธรรมหนึ่งเดียว ต้องถูกวังจักรพรรดิแดนมัชฌิมสอดส่องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่จักรพรรดินีรู้ว่าผู้ที่ตระกูลชิวต้องการตัวคือใครได้อย่างรวดเร็วเพียงนี้ ดูท่าหูตานี้จะมีสถานะสูงในตระกูลชิวไม่น้อย!
การพูดถึงตระกูลชิวคือการแสดงพระเดชต่อลู่หยวน และการมอบตำแหน่งราชันศักดิ์สิทธิ์ต่างสกุลก็คือการแสดงพระคุณ
หากเป็นผู้อื่นอาจลองชั่งข้อดีข้อเสียดู ไม่แน่อาจตอบรับจักรพรรดินีจริง ๆ ก็ได้
เพราะไม่ว่าตระกูลที่อยู่เบื้องหลังจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ต่อสู้กับตระกูลชิวไม่ได้ในทันที!
หากได้รับความช่วยเหลือจากราชวงศ์ฉวนจงแม้ว่าตระกูลชิวจะพลิกคว่ำฟ้าก็ทำอะไรเขาไม่ได้ชั่วขณะ!
ลู่หยวนหยิบขนมชิ้นสุดท้ายขึ้นมาเคี้ยวและกลืนลงไป
“พูดจบแล้ว?”
น้ำเสียงไร้อารมณ์ลอยเข้าพระกรรณของจักรพรรดินี ทำให้ไม่อาจเข้าใจว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่กำลังสื่อถึงอะไรกันแน่
ลู่หยวนลุกขึ้น เดินยืนอยู่เบื้องหน้าจักรพรรดินีในไม่กี่ก้าว จากนั้นยกมือขึ้น กระบี่วิถีโลกาก็ปรากฏขึ้นทันที
จักรพรรดินีขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่านางไม่ค่อยเข้าใจว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่กำลังจะทำอะไร “เจ้าจะทำอะไร?”
ลู่หยวนถือกระบี่ยาวไว้ในมือ เหวี่ยงมันเล็กน้อยและแตะที่คอของจักรพรรดินี แล้วยิ้ม “ทำอะไร? แน่นอนว่า…ปล้นน่ะสิ!”
ปล้น?!
จักรพรรดินีตกตะลึงและมึนงงเล็กน้อย ราวกับว่าไม่เข้าใจสิ่งที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่กำลังพูด
ตอนนี้ไม่ได้กำลังพูดถึงตระกูลชิวกันอยู่หรือ?
และ… นางได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่?
บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่กำลังปล้นจักรพรรดินีฉวนจงในวัวังจักรพรรดิแดนมัชฌิม?!
ลู่หยวนใช้กระบี่ตบหน้าจักรพรรดิหญิงที่กำลังงุนงงเบา ๆ “อย่าสับสนไปเลย ข้ารู้ว่ามีหอคอยสมบัติอยู่ในวังจักรพรรดิแดนมัชฌิม รีบนำทางไป”
จักรพรรดินีเงยพระพักตร์มองบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ด้วยความงุนงง “เจ้าไม่สนใจเรื่องที่ตระกูลชิวจะตามหาเจ้ารึ?”
มุมปากของลู่หยวนโค้งขึ้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยความดูถูก “ตระกูลชิว? แม้พวกเขาจะพลิกท้องฟ้าก็ไม่สามารถฆ่าบุตรรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ได้!”
“นอกจากนี้ เจ้าควรนำทางโดยเร็วหรือจะลองดูก็ได้ว่ากระบี่วิถีโลกานี้รวดเร็วหรือไม่!”
จักรพรรดินีเงียบไปครู่หนึ่งและในที่สุดก็ยันตัวลุกขึ้นยืนและนำบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ไปที่ห้องโถงด้านข้าง
…
ภายในบริเวณลานกว้างที่ไม่สะดุดตาในฉวนจง ชิวเฟิงจู้นั่งบนเก้าอี้ในลานบ้าน หลับตาและทำสมาธิ
สตรีนางหนึ่งในชุดสีชมพูเดินมาที่ด้านข้างของชิวเฟิงจู้และยิ้มอย่างอ่อนโยน “ท่านป้าเฟิงจู้ ฉู่เชิ่งผู้นั้นได้จัดเตรียมพร้อมแล้ว”
ชิวเฟิงจู้ลืมตาขึ้น “อาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ย่อมปลอดภัยไร้กังวล แค่ก… ร่างกายของเด็กคนนี้แตกต่าง เขาไม่ได้ตายหลังจากได้รับบาดเจ็บสาหัส เพียงป้อนลูกกลอนวิญญาณไม่กี่เม็ด ทะเลแห่งพลังแต่เดิมที่แตกสลายของเขาก็เริ่มฟื้นตัวแล้ว!”
สตรีในชุดสีชมพูเอนกายลงบนโต๊ะหินด้านข้าง แลบลิ้นสีชมพูเลียริมฝีปากแล้วยิ้มอย่างเย้ายวน ความละโมบเล็กน้อยผุดขึ้นในดวงตา “ร่างกายของฉู่เชิ่งนี้แตกต่างมาก หากฝึกฝนคู่ร่วมกับข้า จะต้องทำให้ข้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน!”
คิ้วของชิวเฟิงจู้ขมวด ส่งความเยือกเย็นในดวงตา พลังวิถีคุณธรรมสายหนึ่งที่ปราศจากความโกรธและหยิ่งทะนงในตัวเองพวยพุ่งขึ้นในลาน ตรงเข้าหาสตรีในชุดสีชมพู “ชิวหลิง ข้าขอเตือน ฉู่เชิ่งคนนี้ยังมีประโยชน์ หากเจ้ากล้าแตะต้อง ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ชิวหลิงรู้สึกเย็นวาบที่หลังและจิตสังหารที่กระทบหัวใจเกือบจะทิ่มแทงนาง
นางยับยั้งท่าทีของตัวเองทันที “หลิงเอ๋อร์รู้ ท่านป้าเฟิงจู้ไม่ต้องกังวลหรอกเจ้าค่ะ”
จากนั้นชิวเฟิงจู้ก็เก็บพลังคุณธรรมของตัวเองกลับคืนแล้วกำชับว่า “ฉู่เชิ่งจะได้รับการดูแลอยู่ที่นี่ชั่วคราวและเมื่อเขาตื่นก็แจ้งให้ข้าทราบทันที สำหรับเสวียนเทียนชวนผู้นั้นที่อยู่เหนือยอดเขาเสวียน หาโอกาสพามาที่นี่”
“เจ้าค่ะ!”
ชิวหลิงตอบรับด้วยความเคารพ
ชิวเฟิงจู้ชำเลืองมองชิวหลิงหลายอึดใจ ก่อนเอ่ยช้า ๆ ว่า “เมื่อเรื่องนี้จบลง หากเจ้าส่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ไปเป็นนายน้อยของตระกูลชิวได้ ย่อมไม่ขาดแคลนผลประโยชน์ เมื่อเวลานั้นมาถึง ฉู่เชิ่งก็จะเป็นของเจ้าเช่นกัน”
ชิวหลิงยิ้ม นัยน์ตากับมุมปากก็ยกขึ้นอีกครั้ง “ท่านป้าเฟิงจู้โปรดวางใจ ข้าจะทำให้ดีที่สุด!”
ชิวหลิงยกมือขึ้นเพื่อแสดงความเคารพแล้วออกจากลานบ้านไป
ภายในลานกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
ชิวเฟิงจู้ยังคงหลับตาทำสมาธิ ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด ชิวเฟิงจู้ก็ลืมตาอีกครั้ง พลังของนางกระจายออกไป แต่ไม่มีใครในรัศมีหลายลี้
นางนั่งตัวตรง เมื่อยกมือยันต์ก็ลอยขึ้น นางใช้มือเขียนคำหลายคำบนยันต์ จากนั้นก็โบกมือ พลังก็ห่อหุ้มยันต์และหายไปจากอากาศ
ชิวเฟิงจู้หันหน้าไปทางวังจักรพรรดิแดนมัชฌิม ในดวงตามีความกังวล ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่