ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 281 ชิวเฟิงจู้พบกับฉู่เชิ่ง
บทที่ 281 ชิวเฟิงจู้พบกับฉู่เชิ่ง
บทที่ 281 ชิวเฟิงจู้พบกับฉู่เชิ่ง
ลู่หยวนดึงหอกพันมังกรเก้าสวรรค์กลับมา ก่อนจะพาดไว้ข้างหลัง
เขากวาดสายตาไป จึงพบกับค่ายกลที่กำลังผันผวนเหนือชุดเกราะซึ่งปกคลุมร่างกายของคุนเผิงไว้
“ค่ายกลปรภพหรือ?” ลู่หยวนเอ่ย
เมื่อครู่คุนเผิงเป็นเพียงร่างมายาซึ่งเต็มไปด้วยพลังสีดำ แต่ผ่านไปเพียงหนึ่งถ้วยชา ร่างจริงของมันกลับปรากฏขึ้น หากบอกว่าไม่มีใครกำลังคอยชักใย เขาย่อมไม่เชื่อ
ยิ่งกว่านั้น ร่างของมันถูกสลักด้วยอักขระค่ายกลปรภพอย่างชัดเจน!
ใครบางคนจงใจอัญเชิญซากศพขนาดใหญ่ของคุนเผิง!
แต่คนผู้นั้นเป็นใคร…
ลู่หยวนยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดในยามนี้ เขาจึงกำหอกไว้มั่น
ส่วนจักรพรรดินีผู้ตั้งท่าพร้อมสู้อยู่ไม่ไกล จะไม่ทราบที่มาของศพคุนเผิงได้อย่างไร?!
นางคิ้วขมวดเมื่อรู้สึกแน่นหน้าอก จึงอดไม่ได้ที่จะไอออกมา
เมื่อปรับลมหายใจให้สม่ำเสมอ พลันเกิดความคิด “หรือว่า…”
…
ภายในจวนซึ่งไม่สะดุดตาบนแดนมัชฌิม ชิวเฟิงจู้เอนกายบนเก้าอี้ไม้โบราณในลานบ้าน โดยมีผู้น้อยตระกูลชิวบางส่วนยืนอยู่ด้านหลังด้วยท่วงท่าสงบเสงี่ยมไม่พูดไม่จา
ผ่านไปสักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้า ก่อนที่ผู้มาเยือนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงน่าหลงใหลมาแต่ไกล “คุณชายฉู่ยังมีอาการบาดเจ็บตามร่างกาย ทำให้เดินเหินไม่สะดวกขอรับ”
ทุกคนในลานบ้านย่อมรับรู้ถึงความลึกล้ำจากคำพูดได้แม้จะยังอยู่ห่างกัน
ผู้น้อยทั้งหลายในตระกูลชิวต่างเย็นสันหลังวาบขณะมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง
พวกเขาทราบทันทีว่าเจ้าของเสียงดังกล่าวคือชิวหลิง ซึ่งคนล่าสุดที่ถูกอีกฝ่ายเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงดังกล่าว กลายเป็นต้นหญ้าสูงสามฉื่ออยู่ในสุสาน!
สาเหตุที่ชิวหลิงปฏิบัติต่อฉู่เชิ่งเช่นนี้ ก็เพราะหลงใหลในร่างของอีกฝ่าย และต้องการบ่มเพาะร่วมกัน เพื่อดูดกลืนรากฐานของอีกฝ่ายมาหล่อเลี้ยงตัวเอง
หากไม่ใช่เพราะชิวเฟิงจู้ห้ามปราม เกรงว่าฉู่เชิ่งคงอยู่ไม่ไกลจากความตาย!
ชิวเฟิงจู้ลืมตาหลังจากได้ยินเสียง ก่อนจะยันกายขึ้นเล็กน้อยแล้วรอคอยอย่างสงบ
เพียงไม่กี่อึดใจ ชิวหลิงก็พยุงฉู่เชิ่งมาถึงตรงหน้าอีกฝ่าย
ฉู่เชิ่งในยามนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่เขาก็ทำได้เพียงเดินไปมาเท่านั้น
เพียงระยะห่างจากห้องไปถึงลานบ้านก็ทำให้เขาหายใจไม่ออก จนกำลังกายหดหาย
ขณะที่ฉู่เชิ่งยืนนิ่ง เขาก็เห็นชิวเฟิงจู้ผู้งดงามมีเสน่ห์อยู่ไม่ไกล จึงประสานมือเพื่อแสดงความเคารพ “คารวะผู้อาวุโสชิว”
นางไม่แสดงท่าทีอะไร เพียงพยักหน้าเล็กน้อย “ไม่ต้องสุภาพหรอก”
ฉู่เชิ่งยืดตัวตรงโดยมีชิวหลิงผู้อยู่ข้างกายช่วยพยุงร่าง ทำให้ใช้เรี่ยวแรงได้ดีขึ้น
ฉู่เชิ่งรู้สึกซาบซึ้งใจ เนื่องจากตอนที่ใช้บงกชพิโรธเพลิงสวรรค์เพื่อหลบหนี เขาคิดว่าจะไม่มีโอกาสรอดก่อนจะหมดสติไป
เมื่อฟื้นขึ้นมา เขาจึงทราบว่าได้รับความช่วยเหลือจากสมาชิกตระกูลชิวจนรอดจากภัยพิบัติไปได้!
พวกเขาดีกว่านังสารเลวชิวชิงหลีหลายขุม!
ไม่เพียงใช้โอสถวิญญาณนานาชนิดเท่านั้น แต่ยังขอให้ชิวหลิงจากตระกูลชิวคอยปรนนิบัติอยู่ตลอดเวลา!
เขาทราบจากเสียงซุบซิบนินทาของผู้อื่นว่านางคือคุณหญิงของตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรมสาขาย่อย
อีกฝ่ายเป็นตัวตนอันดับต้น ๆ ของรุ่นเยาว์ในตระกูลชิว!
ผู้มีสถานะเช่นนี้กลับรับหน้าที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้แก่เขา และคำพูดคำจายังนุ่มนวลและมีน้ำใจ
ในช่วงไม่กี่วันที่ได้รับการดูแล ฉู่เชิ่งคิดว่าตัวเองได้เข้าสู่แดนเซียนแล้ว
เขาส่งยิ้มขอบคุณให้ชิวหลิงผู้อยู่ข้างกาย นางเพียงก้มศีรษะเล็กน้อยด้วยสีหน้าเขินอาย
“ไม่กี่วันมานี้คุณชายฉู่เชิ่งรู้สึกอย่างไรบ้าง?”
ชิวเฟิงจู้เอ่ยขัดจังหวะทั้งสองคนอย่างถูกเวลา
ฉู่เชิ่งกลับมามีสติก่อนจะตอบ “ทำให้ผู้อาวุโสเป็นกังวลเสียแล้ว ตอนนี้ข้าปลอดภัยดี แต่ยังต้องพักฟื้นอีกสองสามวันขอรับ”
“น่ายินดี”
ชิวเฟิงจู้ยกถ้วยชาขึ้นจิบ ก่อนจะเอ่ยเสียงราบเรียบ “ข้าได้ยินมาว่าคุณชายฉู่เชิ่งคือผู้ที่อยู่ในสิบอันดับแรกของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ จึงเข้าไปแสวงหาโชคชะตาที่หอคอยสวรรค์ประทานของวังจักรพรรดินีแดนมัชฌิมได้”
“ชิวชิงหลีผู้เป็นประมุขน้อยแห่งตระกูลชิวก็คือหนึ่งในนั้น นางจึงมีสิทธิ์เข้าไปที่หอคอยสวรรค์ประทานเช่นกัน แต่ข้าได้ยินมาว่ามันใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ตามหลักแล้วนางควรจะกลับมาวันนี้ ถึงกระนั้นกลับไร้วี่แวว ไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือไม่?”
สีหน้าของฉู่เชิ่งแปลกประหลาดยามทราบว่าคนที่ชิวเฟิงจู้เอ่ยถึงคือชิวชิงหลี แต่ไม่ช้าก็สงบลงก่อนจะแย้มยิ้มพร้อมประสานมือให้แก่อีกฝ่าย “พวกข้าเผชิญกับสัตว์ร้ายบางชนิดตอนที่ค้นหาโชคชะตา ข้าจึงต้องสังเวยไพ่ตายทั้งหมดเพื่อหลบหนีออกมา”
“จึงไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับประมุขน้อยแห่งตระกูลชิว”
ฉู่เชิ่งคิดว่าคำพูดนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่เขาไม่ทราบเลยว่าสีหน้าแปลกประหลาดที่แสดงออกไปเมื่อครู่ล้วนอยู่ในสายตาของผู้คนทั่วทั้งลานบ้าน
สมาชิกตระกูลชิวเหล่านี้สืบทราบมาแล้วว่าอีกฝ่ายเคยไปมาหาสู่กับชิวชิงหลี!
เขาจึงถือว่าเป็นคนใกล้ชิดกับนาง!
คนผู้นี้จะต้องรู้บางอย่างเกี่ยวกับชิวชิงหลีเป็นแน่
ขอเพียงฉู่เชิ่งเอ่ยออกมา พวกเขาย่อมทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่เพื่อเล่นงานนางให้ถึงตายได้!
พวกเขาคิดว่าฉู่เชิ่งกับชิวชิงหลียังมีความรักให้กัน จึงโน้มน้าวหรือบีบบังคับอีกฝ่ายไม่ได้ง่าย ๆ แต่สีหน้าแปลกประหลาดเมื่อครู่สื่อว่าเขารังเกียจนาง!
ถ้าอย่างนั้นเรื่องก็ยิ่งง่าย!
ชิวเฟิงจู้สะบัดมือ เก้าอี้หินซึ่งอยู่ไม่ไกลพลันเลื่อนเข้าหา ก่อนจะมาหยุดอยู่ข้างกายของฉู่เชิ่ง “เชิญคุณชายฉู่เชิ่งนั่งลงก่อนเถิด”
เขานั่งลงแต่โดยดี
ชิวเฟิงจู้คร้านเกินกว่าจะพูดจาอ้อมค้อมกับฉู่เชิ่ง นางจึงวางถ้วยชาแล้วเอ่ยตามตรง “คุณชายฉู่เชิ่ง ตระกูลชิวในยามนี้เผชิญกับเรื่องยากลำบาก จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากท่าน มีเพียงท่านเท่านั้นที่ช่วยได้”
ฉู่เชิ่งตื่นตัวแล้วเอามือกุมเข่าไว้มั่น
แม้ตระกูลชิวจะเป็นเพียงสาขาย่อยของตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรมบนแผ่นดินหยวนหง แต่ก็มีขนาดใหญ่โตและภูมิหลังไม่ธรรมดา อีกฝ่ายกลับต้องการให้คนไร้ค่าผู้ยังไม่สร้างชื่อเช่นเขาช่วยอะไรเล่า?!
สายตาของชิวเฟิงจู้จับจ้องไปที่ฉู่เชิ่งพลางเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “เมื่อหลายวันก่อน มีใครบางคนใช้บางสิ่งแอบดูสถานที่สำคัญในตระกูลชิว พอท่านบรรพชนทราบเรื่อง จึงส่งพวกข้ามาจับกุมผู้ที่บังอาจทำตัวกำเริบเสิบสานที่นี่”
“ตอนนี้พวกข้าสงสัยว่าคนที่ลอบดูอยู่คือชิวชิงหลี”
ฉู่เชิ่งขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้น ชิวชิงหลีผู้นี้คือผู้สืบทอดแห่งตระกูลชิว ยังมีสถานที่ที่นางเข้าไม่ถึงจนต้องใช้บางอย่างเพื่อแอบดูอีกหรือ?
เขาเงยหน้ามองชิวเฟิงจู้แล้วกำลังจะพูดบางอย่าง แต่อีกฝ่ายกลับชิงเอ่ยอย่างเนิบช้าว่า “คุณชายฉู่เชิ่ง เรื่องนี้สำคัญกับตระกูลชิวมาก หากท่านยอมมอบเบาะแสมา คุณชายใหญ่ชิวเสวียนย่อมซาบซึ้งใจอย่างแน่นอน!”