ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 296 วิหคเพลิงอาบไล้เปลวไฟ…กลายเป็นอมตะ
บทที่ 296 วิหคเพลิงอาบไล้เปลวไฟ…กลายเป็นอมตะ
บทที่ 296 วิหคเพลิงอาบไล้เปลวไฟ…กลายเป็นอมตะ
ภายในดินแดนลับแห่งแดนมัชฌิม พลังมังกรพร่างพราวรวมตัวกันรอบกายของลู่หยวนบนท้องนภา
มังกรสีทองเคลื่อนเข้าหาประกายไฟนับพันบนผืนฟ้าพร้อมกับเขา
เมื่อสิ้นเสียงร้องของวิหคเพลิง สะเก็ดไฟพลันพุ่งเข้าหาลู่หยวนที่ทะยานเข้ามา
เมื่อเห็นประกายไฟจำนวนมากตกลงมาจากท้องฟ้า แม้แต่จักรพรรดินีก็รู้สึกหายใจติดขัด
นางอดไม่ได้ที่จะใช้อาวุธวิเศษสองสามชิ้นเพื่อปกป้องตัวเอง
อูโจ้วผู้อยู่อีกด้านถึงขั้นหาสถานที่ซ่อนตัว ก่อนจะใช้ของดีทั้งหมดคุ้มกันร่างกายจากทุกทิศทาง
ไม่ใช่ว่าเขาไม่จงรักภักดีต่อลู่หยวน แต่เพราะทราบดีว่าอีกฝ่ายจะไม่แพ้พ่ายให้กับการโจมตีนี้ต่างหาก!
ส่วนอูโจ้วจะรอดจากผลกระทบของการโจมตีนี้ได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง!
หากช่วยอะไรไม่ได้ก็อย่าทำให้ผู้อื่นลำบาก!
สิ่งนี้คือหนทางเดียวที่จะอยู่รอดปลอดภัย!
เมื่อลู่หยวนกำลังจะเผชิญกับประกายไฟที่อยู่บนท้องนภา เขาก็แทงหอกยาวประหนึ่งมังกรออกไป!
สะเก็ดไฟที่เหมือนกับวันสิ้นโลกตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง
ลู่หยวนกวัดแกว่งหอกยาวในมือ ปลายหอกประหนึ่งพายุดอกหลีที่ทิ่มแทงผ่านอากาศ พลันกระแทกเข้าใส่ประกายไฟ
ลูกไฟนิ่งงันเล็กน้อยก่อนจะสั่นไหว ชั้นที่เหมือนกับเปลือกถูกกะเทาะ พร้อมกับวิหคเพลิงพุ่งออกมา
เมื่อพวกมันปรากฏกาย สถานการณ์ในสวรรค์ทั้งเก้าพลันเปลี่ยนไป ชั้นเมฆสีขาวก็มืดมิดในบัดดล พร้อมกับแสงสีแดงร้อนแรงปกคลุมท้องนภาไปกว่าครึ่ง
เมื่อสิ้นเสียงร้องของวิหคเพลิง แรงกดดันของสัตว์เทวะโบราณพลันเคลื่อนลงมา กดทับลู่หยวนประหนึ่งโล่ยักษ์อยู่กลางอากาศ
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
อากาศเหนือศีรษะลู่หยวนพังทลายทีละชั้นประหนึ่งต้นไผ่ที่หักโค่น ไม่อาจต้านทานได้
แรงกดดันนับไม่ถ้วนอยู่ห่างจากร่างของเขาเพียงสามฉื่อ
เมื่อสิ้นเสียง ‘ครืน’ ทั่วทั้งปฐพีก็แตกร้าว พลังนั้นยังคงเคลื่อนลงมาราวกับจะบดขยี้สรรพสิ่งให้กลายเป็นผุยผง
พื้นดินแยกออกจากกันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
จักรพรรดินีใช้เคล็ดป้องกันร่างกายทั้งสามชิ้นทันที จึงขัดขืนพลังกดดันนี้ได้!
ร่างของลู่หยวนบนท้องนภาถูกกดทับจนชุดคลุมไหวระริก เผยให้เห็นผิวหนังที่เริ่มยุบลงไป
ทันใดนั้น!
วังไฉ่ก็คำรามขณะที่ร่างมังกรเจินหลงหายไป ชั่วพริบตานั้น ศีรษะของมังกรสีทองขนาดใหญ่พลันปรากฏจากด้านหลังของลู่หยวน ทำให้แรงกดดันจากท้องนภาถูกต้านเอาไว้อย่างสมบูรณ์
เมื่อชุดคลุมที่พลิ้วไหวหยุดนิ่ง เขาก็เงยหน้ามองวิหคเพลิงบนท้องนภา
ศีรษะมังกรซึ่งอยู่ด้านหลังแหงนขึ้นเช่นกัน
การกำราบสายเลือดที่มาจากมังกรเจินหลงโบราณปรากฏขึ้น
สัตว์เทวะทั้งสองตนเผชิญหน้ากันจากระยะไกล การต่อสู้แห่งโชคชะตากำลังจะอุบัติ!
ชั่วพริบตา เสียงคำรามของมังกรและวิหคเพลิงก็ดังขึ้น
พลังทั้งสองกลุ่มกระจายออกไปทุกทิศทาง
โล่ที่ปกป้องร่างของจักรพรรดินีพังทลายทันที!
ยามนี้ อาวุธวิเศษทั้งสองชิ้นล้วนหม่นแสง พลันกลายเป็นเศษโลหะในชั่วพริบตา
โล่ชั้นสุดท้ายต้านได้เพียงสามอึดใจ ก่อนที่รอยร้าวจะปรากฏ ราวกับกำลังจะพังทลายเพราะพลังภายนอก
จักรพรรดินีรีบกระตุ้นโล่ทั้งห้ามาคุ้มกันอีกครั้ง หลังจากถูกทะลวงไปสามชั้น ถึงหยุดแรงดันนั้นไว้ได้
ส่วนอูโจ้วผู้อยู่อีกด้านมีอุบายไม่มาก จึงต้องอาศัยความสามารถของตัวเองในการเอาตัวรอด
แต่ผ่านไปสักพัก พลังชีวิตของเขาก็เลือนหายไปกว่าครึ่งขณะที่ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยโลหิต เมื่อสิ้นเสียงครวญคราง ร่างก็ทรุดลง โลหิตไหลออกจากมุมปาก
บนท้องนภา
ลู่หยวนหรี่ตาลงขณะที่เนตรเทวะปรากฏขึ้น ภาพมายาของเนตรเทวะวูบไหว ก่อนที่หมอกสีแดงจะกระจายไปรอบข้าง
เขาจ้องตรงไปยังร่างวิหคเพลิง ผ่านไปหลายอึดใจก็หันไปมองหมู่เมฆในท้องนภา
ยามนี้วิหคเพลิงซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพลันสยายปีก บินเข้าหาลู่หยวน
เมื่อมันกางปีก ขนวิหคเพลิงสามพันเส้นก็ปรากฏขึ้นรอบข้าง พวกมันสั่นไหวไปมาขณะที่พลังอันแท้จริงซ่อนอยู่ภายในนั้น
เมื่อร่างวิหคเพลิงแน่นิ่ง ขนแต่ละเส้นก็กลายเป็นกระบี่ยาวสามฉื่อ มีจิตสังหารทอประกายอยู่บนคมกระบี่
วิ้ง!
กระบี่ยาวทั้งหลายพลันพุ่งลงมาอย่างบ้าคลั่ง โดยแต่ละเล่มปกคลุมไปด้วยพลังแท้จริงราวกับมีวิหคเพลิงอยู่ข้างใน!
ขนวิหคเพลิงสามพันเส้นพุ่งลงมาอย่างเกรี้ยวกราด ขณะที่เข้าโจมตีลู่หยวนจากทุกทิศทาง เกินกว่าจะหยุดยั้งได้
ส่วนลู่หยวนก็หมุนข้อมือที่ถือหอก เมื่อเงยหน้าขึ้น พลังพลันหายไป
เขาย่อตัวขณะที่หมอกสีแดงสลายหายไป ทำให้ภาพมายาของเนตรเทวะซึ่งอยู่ด้านหลังวูบไหวไม่มั่นคง
เคร้ง!
ร่างของลู่หยวนทะยานเข้าหาวิหคเพลิงผู้อยู่บนท้องนภาอย่างรวดเร็วประหนึ่งกระบี่
กระบี่ยาวที่ล้อมเขาไว้พลันหันตาม ก่อนจะรวมเข้าด้วยกัน ก่อตัวเป็นกระบี่ที่ซ้อนทับกันกลายเป็นกระบี่ใหญ่ในชั่วพริบตา
พลังของวิหคเพลิงซึ่งอยู่บนปลายกระบี่ใหญ่เกินกว่าจะหยุดยั้งได้
กระบี่ใหญ่วิหคเพลิงพุ่งเข้าหาลู่หยวนที่กำลังตรงเข้ามาราวกับพบเป้าหมาย
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
ชั้นอากาศยังไม่ทันกระจายตัวก็ถูกกระบี่ใหญ่วิหคเพลิงกดทับลงมา
ความเร็วของลู่หยวนเพิ่มขึ้นแทนที่จะลดลง จนร่างเริ่มเลือนราง
ส่วนกระบี่ใหญ่ก็ฟาดฟันเข้าใส่อีกฝ่าย
ทันใดนั้น!
ร่างมายาสีทองที่มีขนาดเท่ากระบี่ยักษ์พลันปรากฏที่เบื้องหน้าของลู่หยวน
ร่างมายาตนนั้นถือหอกยาวและสวมชุดเกราะสีทอง แม้จะเห็นใบหน้าไม่ชัด แต่เค้าโครงของมันคล้ายคลึงกับลู่หยวน
ร่างมายานั้นคือ ‘ร่างเงา’ ที่ได้รับมาหลังจากสังหารหยางอวิ๋น!
ลู่หยวนไม่ได้ใช้โชคชะตะดังกล่าวมานานแล้ว
หอกมายายาวสีทองตวัดไปข้างหน้า ขณะที่แสงสีทองวูบไหว เพื่อปัดป้องกระบี่ใหญ่อันทรงพลัง!
ตอนนี้ร่างของลู่หยวนหายไป เพียงสามอึดใจก็เคลื่อนผ่านกระบี่ใหญ่แล้วเข้าโจมตีวิหคเพลิง
สายตาของเขามืดมนลง ขณะที่ถือหอกด้วยสองมือ กลิ่นอายอันทรงพลังก็ปรากฏขึ้นที่ปลายหอก
ชั่วพริบตา ลู่หยวนก็แทงหอกเข้าที่ท้องของวิหคเพลิง
สวบ!
เสียงโลหะทะลวงเนื้อ โลหิตสีแดงกระเซ็นออกมา ย้อมหมู่เมฆรอบข้างวิหคเพลิง
ลู่หยวนเดินถอยมาสองสามก้าว จ่อปลายหอกเล็งไปที่หัวใจของวิหคเพลิง
หลังจากพบตำแหน่งที่ต้องการ เขาก็แทงออกไป
เมื่อหอกพันมังกรเก้าสวรรค์แทงออกไปได้สามเฟิน แรงขัดขืนพลันปรากฏขึ้นจนทำให้มันหยุดนิ่ง ไม่ว่าลู่หยวนจะออกแรงแค่ไหนก็ไม่สามารถขยับได้!
ลู่หยวนหรี่ตาลง เมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็พบว่ารูขนาดใหญ่ที่เกิดจากการแทงกลับสมานตัว
บาดแผลที่หายดียึดหอกพันมังกรเก้าสวรรค์เอาไว้
หอกในยามนี้เหมือนกับส่วนหนึ่งบนร่างวิหคเพลิง จึงไม่อาจเคลื่อนไปไหนได้
ลู่หยวนกุมหอกเอาไว้ขณะที่นึกถึงข่าวลือในใจ ไม่ช้าเขาก็พึมพำออกมา
“วิหคเพลิงอาบไล้เปลวไฟ… กลายเป็นอมตะงั้นหรือ?!”