ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 301 อย่าทำมาเป็นสู่รู้เรื่องของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่!
- Home
- ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา
- บทที่ 301 อย่าทำมาเป็นสู่รู้เรื่องของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่!
บทที่ 301 อย่าทำมาเป็นสู่รู้เรื่องของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่!
บทที่ 301 อย่าทำมาเป็นสู่รู้เรื่องของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่!
“พวกเราสนิทกัน”
ฮ่วนซิงไป๋ตอบเสียงเรียบ สายตายังคงจับจ้องดาบยาวมังกรพลัดถิ่นในมือ ในใจบังเกิดความยินดี
ดาบยาวเล่มนี้มีน้ำหนักมากกว่าดาบยาวทั่วไป
เขาจับดาบยาวไว้ด้วยมือซ้าย ส่วนมือขวาก็ลูบฝักดาบ
วิ้ง!
ฮ่วนซิงไป๋ได้ยินเสียงสะท้อนทันทีที่สัมผัส
“ยามมังกรพลัดถิ่นปรากฏ หมื่นราชันยอมจำนน!”
“ดาบดี!”
“สมกับเป็นดาบไร้คม!”
ฮ่วนซิงไป๋เอ่ยติดต่อกัน มุมปากยกยิ้มด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข
ชิวเฟิงจู้เห็นดังนั้น จึงฉวยโอกาสเอ่ยว่า “ดาบยาวมังกรพลัดถิ่นเล่มนี้เป็นของดี แต่หม่อมฉันได้ยินมาว่าในมือของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่มีกระบี่จักรพรรดิเล่มหนึ่งอยู่ในการครอบครอง ชื่อของมันคือมหันตภัย กระบี่และดาบทั้งสองเล่มนี้ต่างอยู่ระดับเดียวกัน ไม่อาจทราบได้ว่าเล่มไหนดีกว่ากัน”
ฮ่วนซิงไป๋กุมดาบยาวในมือแล้วเอ่ยว่า “แน่นอนว่าต้องเป็นดาบยาวมังกรพลัดถิ่น!”
“มังกรพลัดถิ่นคือดาบยาวอันดับหนึ่งในระดับจักรพรรดิ ฉายานี้สืบต่อกันมาช้านาน”
สิ่งที่ฮ่วนซิงไป๋เอ่ยเป็นความจริง ชื่อเสียงของมันสูงส่งกว่ามหันตภัยอยู่หลายขุม
“ฝ่าบาทพูดได้ถูกต้องแล้วเพคะ”
ชิวเฟิงจู้ยิ้มแล้วพยักหน้า จากนั้นแสร้งทำเป็นครุ่นคิด “หม่อมฉันได้ยินมาว่า…”
นางพลันหยุดเอ่ยในยามนี้ขณะที่แสร้งทำเป็นครุ่นคิด ก่อนปิดปากสนิท
ความผิดปกติดังกล่าวดึงดูดความสนใจของฮ่วนซิงไป๋ เขาจึงชำเลืองมองด้วยความสับสนเล็กน้อย “เจ้าได้ยินมาว่าอะไรหรือ?”
ชิวเฟิงจู้ยิ้มบาง “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเพคะ”
ฮ่วนซิงไป๋คิ้วขมวด “สิ่งนั้นเกี่ยวข้องกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ใช่หรือไม่?”
“ใช่… แต่ว่า… ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็แค่ข่าวลือเพคะ”
ชิวเฟิงจู้พลันแย้มยิ้มขณะที่ปล่อยให้ฮ่วนซิงไป๋ชื่นชมดาบยาวมังกรพลัดถิ่นไป
เมื่อทราบว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับลู่หยวน เขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะดูดาบจนไม่อาจปกปิดสีหน้าร้อนรนเอาไว้ได้ “อย่าทำให้อยากรู้ มีเรื่องอะไรก็พูดมา!”
ชิวเฟิงจู้เอ่ยว่า “หม่อมฉันเพิ่งจำได้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนได้พบกับเสวียนเต้าผู้เป็นสหายซึ่งไม่ได้เจอกันมานาน จึงได้มีโอกาสดื่มชาและร่วมสนทนากันหลายสิ่งหลายอย่าง จากนั้นเขาก็เอ่ยถึงชื่อของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่”
“และเริ่มทำนาย หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูปก็ได้ข้อสรุปหนึ่ง โดยบอกว่าก่อนหน้านี้บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เจอเหตุการณ์บางอย่างจนทำให้สูญเสียโชคชะตา ช่วงนี้จึงอาจประสบปัญหา”
“ปัญหาหรือ?”
ฮ่วนซิงไป๋คิ้วขมวด ทันในนั้นก็คล้ายกับคิดบางอย่างขึ้นได้ ทำให้สีหน้าของเขามืดมนลง
ชิวเฟิงจู้เห็นดังนั้นก็รู้สึกยินดีเล็กน้อย
ดูท่าว่าฮ่วนซิงไป๋จะรู้อะไรบางอย่าง!
ชิวเฟิงจู้หลุบตาแล้วเอ่ยอีกครั้ง “หลังจากสหายจากไปแล้ว หม่อมฉันก็คิดถึงแต่คำพูดของเขา จึงได้สอบถามจนได้ความว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่คล้ายกับได้รับความเสียหายจากโชคชะตาบางอย่างตอนที่อยู่ในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์”
นางหยิบยันต์ที่มีพื้นหลังเป็นเมฆาม่วงออกมา โดยรอบข้างมีกลิ่นอายสีม่วงแผ่ออกมาบางเบา ซึ่งใจกลางของมันถูกเขียนด้วยพู่กันหมึกแดง เปี่ยมด้วยความหนักแน่นประหนึ่งขุนเขาธารา
ฮ่วนซิงไป๋เป็นผู้มีความรู้เช่นกัน เขามองเพียงปราดเดียวก็ทราบว่ายันต์ใบนี้ไม่ธรรมดา
ยันต์เมฆาม่วงไม่ใช่ของธรรมดา
ของชิ้นนี้ยิ่งแปลกประหลาด แม้จะไม่มีผลร้ายอะไร แต่ถ้ามีอักขระที่ทรงพลังประทับลงมาก็จะสูญสลายสิ้น
มีเพียงการใช้พู่กันหมึกแดงมาสลักอักขระที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มโชคชะตาเท่านั้นจึงจะใช้ได้
แม้ยันต์กระดาษใบนี้จะใช้ได้เพียงครั้งเดียว แต่กลับดึงดูดผู้คนทั้งแผ่นดินได้
นับตั้งแต่แผ่นดินถือกำเนิด โชคชะตาคือคำที่เข้าใจยากที่สุด
ยามผู้ฝึกตนทำการทะลวงก็มักเกี่ยวข้องกับโชคชะตา
หากโชคดี เพียงหนึ่งก้าวก็ทำให้ฟ้าดินกลับตาลปัตร กลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลก
แต่ถ้าโชคไม่ดีก็จะนำไปสู่ความตายของร่างกายและวิถี ไม่มีโอกาสหวนกลับได้อีก
ความแตกต่างของโชคเพียงน้อยนิดกลับเป็นตัวแปรสำคัญที่สร้างความแตกต่างระหว่างความเป็นความตาย!
ไม่ทราบว่ามีกี่คนที่หมดเงินหรือถึงขั้นช่วงชิงเพื่อให้ได้ยันต์เมฆาม่วงนี้มาครอบครอง!
เพราะยันต์ใบนี้คือของที่หาได้ยาก
แม้กระทั่งสำนักอักขระสวรรค์ก็สร้างยันต์เมฆาม่วงได้เพียงปีละยี่สิบถึงสามสิบใบ ส่วนตระกูลชั้นสูงที่มีปรมาจารย์ยันต์ก็ยังสร้างได้ปีละสองสามใบ แต่ถ้าไม่มีก็ทำได้เพียงใช้เงินจำนวนมากซื้อกับทางสำนัก
ผู้ที่มีกำลังซื้อยันต์ดังกล่าวมักเป็นสำนักขนาดกลาง!
มันแสดงให้เห็นว่าของชิ้นนี้มีค่าเพียงใด!
บัดนี้ยันต์เมฆาม่วงได้มาอยู่ในมือของชิวเฟิงจู้ จึงทำให้มีกลิ่นอายสีม่วงโคจรอยู่รอบข้างเพื่อช่วยเพิ่มโชคชะตา
แม้ฮ่วนซิงไป๋จะไม่เข้าใจว่าอักขระที่ถูกวาดด้วยพู่กันหมึกแดงคืออะไร แต่ถ้าสลักลงไปได้ สิ่งนี้จะต้องเป็นของดีบางอย่างไม่ผิดแน่!
ชิวเฟิงจู้กล้ำกลืนความเจ็บปวดเอาไว้ในใจ นางได้รับยันต์เมฆาม่วงใบนี้เมื่อหลายสิบปีก่อน มันยังไม่เคยถูกสลักอักขระลงไป ทำให้ต้องดั้นด้นตามหายอดฝีมือจากโลกภายนอกพร้อมคุกเข่าวิงวอนเพื่อให้ได้พู่กันหมึกแดงมา!
นางพกติดตัวไว้มาหลายปี จึงเป็นธรรมดาที่จะให้ความสำคัญกับมันมาก
แม้จะไม่เต็มใจแยกห่างจากกัน แต่ถ้าไม่ยอมเสียลูกก็ไม่มีทางได้หมาป่า!
ชิวเฟิงจู้กัดฟันขณะปั้นหน้ายิ้มแล้วมอบยันต์ให้ “ฝ่าบาท ยันต์เมฆาม่วงกับพู่กันหมึกแดงนี้คือสิ่งที่สหายของข้าหลงเหลือไว้ให้ เขาบอกว่ามันคือของขวัญที่อยากมอบให้บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ โดยหวังว่ามันจะช่วยบรรเทาสิ่งที่เกิดกับอีกฝ่ายและเพิ่มพูนโชคชะตาให้”
“ฝ่าบาท โปรดมอบยันต์นี้ให้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่แทนข้าด้วย”
ฮ่วนซิงไป๋รับยันต์ด้วยความตกตะลึง “เหตุใดเจ้าไม่มอบด้วยตัวเองเล่า?”
เมื่อชิวเฟิงจู้กำลังจะเอ่ย อีกฝ่ายพลันเข้าใจก่อนจะยกยิ้ม “เข้าใจแล้ว เจ้าพยายามจะใช้ข้าเพื่อตีสนิทบุตรศักดิ์สิทธิ์นี่เอง!”
“ดีเลย ช่วงนี้ข้ากำลังเตรียมบางอย่างเพื่อแสดงคำขอโทษอยู่ ตอนแรกก็กังวลอยู่ว่าของที่เตรียมไว้ไร้ค่าเกินกว่าจะได้รับการเหลียวแล”
“ทว่าตอนนี้ข้ามีทั้งยันต์เมฆาม่วงกับพู่กันหมึกแดง บุตรศักดิ์สิทธิ์จะต้องยกโทษให้อย่างแน่นอน!”
ฮ่วนซิงไป๋เก็บยันต์เข้าไปในแหวนเก็บของ
คำพูดของชิวเฟิงจู้ติดอยู่ที่ริมฝีปากก่อนจะทำได้เพียงกล้ำกลืนลงไป จากนั้นจึงถาม “หม่อมฉันมีเรื่องบางอย่างที่อยากได้คำชี้แนะจากฝ่าบาทเสียหน่อย”
ตอนนี้ฮ่วนซิงไป๋อารมณ์ดี จึงคลี่ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ว่ามา”
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่มีสถานะสูงส่ง แม้จะไม่ทราบว่าเขาทำสิ่งใดถึงได้สูญเสียโชคชะตา แต่ได้ยินมาว่าสิ่งนั้นเกี่ยวข้องกับแดนมัชฌิม”
ชิวเฟิงจู้ยังคังจับจ้องไปที่ฮ่วนซิงไป๋ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบ นางจึงเอ่ยต่อ “หม่อมฉันได้ยินมาว่าสิ่งนี้อาจเกี่ยวข้องกับเสวียนเทียนชวน?”
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ได้ไปพบเสวียนเทียนชวนที่ยอดเขาเสวียนแล้วกระทำบางอย่างหรือไม่เพคะ?”
ชิวเฟิงจู้พยายามชี้นำ ดวงตาของนางเบิกกว้างขณะที่จ้องมองสีหน้าของฮ่วนซิงไป๋
ขอเพียงเขาตอบว่า “ใช่” หรือแสดงสีหน้าบางอย่างออกมา นางย่อมจัดการลู่หยวนก่อนจะหาทางจัดการชิวชิงหลีต่อได้!
ฮ่วนซิงไป๋เม้มริมฝีปากขณะมีสีหน้าขรึม เขาโบกมือไปทางชิวเฟิงจู้ราวกับมีบางอย่างต้องการจะพูด
ดวงตาของนางทอประกายพร้อมตั้งหน้าตั้งตารอฟัง
“ข้าจะบอกเจ้าว่า…”
เมื่อฮ่วนซิงไป๋กดเสียงต่ำ หัวใจของชิวเฟิงจู้ก็ยิ่งตื่นเต้น ในที่สุดนางก็จะจัดการลู่หยวนได้แล้ว!
ทว่าอีกฝ่ายพลันหัวเราะแผ่วเบา ก่อนเปลี่ยนจากสีหน้าจริงจังเป็นสีหน้าคนดูมีภูมิฐาน “คิดว่าเจ้าเป็นใคร?! อย่าทำมาเป็นสู่รู้เรื่องของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่!”