ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 303 ได้รับร่างทองคงกระพัน
บทที่ 303 ได้รับร่างทองคงกระพัน
บทที่ 303 ได้รับร่างทองคงกระพัน
เมื่อฮ่วนซิงไป๋ขึ้นรถม้าหยกจึงหยิบยันต์ขึ้นมาดู เพียงกวาดสายตาก็อ่านรายละเอียดทั้งหมดเรียบร้อย
เขายกยิ้มพร้อมออกคำสั่งให้รถม้าจอดในที่ไม่มีคนพลุกพล่าน
ฮ่วนซิงไป๋ออกจากรถม้าแล้วสั่งให้ทหารรักษาการณ์กลับวังจักรพรรดิแดนมัชฌิม ทำให้เหลือเขาเพียงลำพังก่อนจะหยิบชุดคลุมสีดำมาคลุมร่าง แล้วมุ่งหน้าสู่ตระกูลหลิง
เขาปรากฏตัวที่ตระกูลหลิงภายในหนึ่งชั่วยาม ก่อนเดินเข้าไปจากค่ายกลลับอย่างใจเย็น
ทันทีที่เข้ามาก็มีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างกาย เขารีบคารวะเมื่อเห็นฮ่วนซิงไป๋พร้อมกับนำไปทางที่ห้องหนังสือลับ
เอี๊ยด!
เมื่อห้องถูกเปิดออก ฮ่วนซิงไป๋ก็สาวเท้าเข้ามาขณะที่เล่นดาบยาวมังกรพลัดถิ่นในมือ มุมปากยกยิ้ม
“เสวียนเทียนชวน ครั้งนี้ข้าได้รับสิ่งที่คาดไม่ถึงมาด้วย ไม่เพียงได้ดาบยาวมังกรพลัดถิ่นเท่านั้น แต่ยังได้อย่างอื่นมาอีก ลองเดามาว่ามันคืออะไร?”
ฮ่วนซิงไป๋เดินเข้ามาสองสามก้าวแล้วหมุนชั้นหนังสือ ก่อนจะพบผู้คนจำนวนมากอยู่ภายในห้องโถงอันกว้างขวาง
แผนที่ขนาดใหญ่ถูกวางอยู่บนโต๊ะ หากมองอย่างละเอียดก็จะทราบทันทีว่ามันคือแผนที่แดนมัชฌิม เนื้อหาค่อนข้างละเอียด แม้กระทั่งร้านขายเนื้อสุนัขก็ถูกระบุไว้
เสวียนเทียนชวนนั่งรถเข็นอยู่ข้างโต๊ะ เขาสวมชุดสีขาวพลางมองแผนที่ตรงหน้า โดยถือหมากสีดำและสีขาวอย่างละตัวเอาไว้ในมือขณะที่เล่นไปมา
ข้างกายเขามีที่ร่างคุ้นเคยจำนวนมาก
ไป๋ชิวเอ๋อร์ผู้กำลังอุ้มสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ไป๋เจ๋อกับฉินอี่หานกำลังโน้มตัวมาดูแผนที่ที่โต๊ะด้วยกัน
นอกจากนี้ยังมีสาวน้อยในชุดคลุมสีดำกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้โบราณ นางมีสีหน้าเย็นชาขณะกินผลไม้ด้วยท่าทางเกียจคร้าน
หลังจากเสวียนเทียนชวนแนะนำให้รู้จัก ฮ่วนซิงไป๋ก็ทราบทันทีว่าคนผู้นี้คือกุ่ยซู่ นางติดตามลู่หยวนมาได้พักหนึ่งแล้ว
ส่วนคนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามคือชิวชิงหลี ผู้ถูกรายล้อมด้วยพลังวิถีคุณธรรม
เมื่อเสวียนเทียนชวนได้ยินเสียงของฮ่วนซิงไป๋ เขาจึงเงยหน้าแล้วเผยรอยยิ้มอ่อนโยน
“โห? ครั้งนี้ท่านฮ่วนได้ของมาเยอะงั้นหรือ?”
ฮ่วนซิงไป๋หยิบดาบยาวมังกรพลัดถิ่นกับยันต์เมฆาม่วงออกมา พร้อมเผยรอยยิ้มภาคภูมิใจ
“เจ้าน่าจะได้เห็นสีหน้าอันงดงามของชิวเฟิงจู้ มันเหมือนกับข้ากำลังขุดหลุมศพบรรพชนของนางขึ้นมาอย่างนั้นเลย!”
เสวียนเทียนชวนแย้มยิ้มเช่นกัน “นั่นสิ หากท่านฮ่วนลงมือ ย่อมต้องประสบความสำเร็จแน่นอน!”
สิ้นคำ สีหน้าของเขาสงบขณะวางตัวหมากสีดำลงบนแผนที่
ตุบ!
แม้เสียงวางจะไม่ดังนัก แต่ก็มากพอที่จะทำให้ทุกคนได้ยิน
พวกเขาหันมาสนใจแผนที่ แล้วพบว่าสถานที่ที่ตัวหมากอยู่คือที่ตั้งของตระกูลชิวในแดนมัชฌิม
“ทุกท่าน… คราวนี้ถึงตาตระกูลชิวแล้ว!”
…
ดินแดนลับในแดนมัชฌิม
ภายในพื้นที่ขนาดใหญ่ หมู่เมฆทั้งหลายบนท้องนภาถูกย้อมจนกลายเป็นสีแดง จากนั้นเคลื่อนลงมาราวกับถังคว่ำ ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกบดบัง
เมฆลอยกลับหัวกลับหางขณะมีแรงกดดันคลุ้งไปทั่ว
จักรพรรดินีผู้อยู่ด้านนอกมีสีหน้าจริงจังขณะจับจ้องไปยังกลุ่มเมฆา โดยมีอูโจ้วยืนกอดอกจ้องนางอยู่ไม่ห่าง
ท่ามกลางหมู่เมฆนั้น
ทั่วทั้งร่างของลู่หยวนเต็มไปด้วยพลังมารขณะที่หอคอยอสูรสวรรค์ถูกปลดปล่อยออกมา!
หอคอยยิ่งบังเกิดความยินดีเมื่อเห็นร่างของวิหคเพลิง ทำให้พลังมารภายนอกปั่นป่วนผิดปกติราวกับแทบรอไม่ไหวที่จะดูดกลืนมันเข้าไป
ลู่หยวนยกมือเพื่อห้ามปรามหอคอย “มันเป็นของข้า ที่เรียกออกมาก็เพื่อให้ช่วยสนับสนุนเท่านั้น! ไม่ได้จะแบ่งสันปันส่วนแก่เจ้า!”
“สือจิ่ว! เจิ้งชิงเทียน!”
สิ้นคำของลู่หยวน ร่างของทั้งสองคนก็ปรากฏ
“พวกเจ้าช่วยปกป้องข้าด้วย!”
“เจ้าค่ะ!”
ทั้งสองคนประสานมือตอบ
รูปปั้นมารของลู่หยวนปรากฏขึ้นขณะที่พลังมารจำนวนมากแผ่ซ่านออกมา
ร่างวิหคเพลิงซึ่งอยู่ใต้เท้าเขาสั่นสะท้าน ราวกับกำลังจะได้สติกลับมา!
ลู่หยวนไม่ลังเลอีกต่อไปก่อนพลังมารรอบข้างจะปกคลุมร่างของวิหคเพลิง แล้วกลืนกินเข้าไป
ร่างของเขาถูกปกคลุมด้วยเช่นกัน
สือจิ่วกับเจิ้งชิงเทียนยืนขนาบซ้ายขวา เพื่อทำหน้าที่ปกป้องอย่างแข็งขัน!
ลู่หยวนหลอมรวมเข้ากับพลังมารจนก้าวเข้าสู่ความว่างเปล่า เขานั่งขัดสมาธิแล้วทำการสัมผัสพลัง
เมื่อเขาหลับตา ร่างขนาดใหญ่ของวิหคเพลิงก็ปรากฏในห้วงอากาศตรงหน้า
โซ่จากพลังมารนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาก่อนจะพันรอบร่างของมัน
พวกมันเริงร่าขณะแสวงหาพลังจากร่างวิหคเพลิงอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนหนึ่งยังคงอยู่รอบข้างคล้ายกับค่อย ๆ กลืนกิน
ไม่ช้า ปลายอีกด้านโซ่มารก็โยงเข้าหาลู่หยวน
พลังที่ได้รับจากร่างวิหคเพลิงถูกถ่ายทอดมาที่เขา
[แจ้งเตือนจากระบบ ท่านเริ่มทำการดึงพลังของวิหคเพลิง ระบบกำลังรับ…]
[ความคืบหน้าในตอนนี้ หนึ่งเปอร์เซ็นต์…]
ผ่านไปสักพัก ร่างวิหคเพลิงก็ได้สติ เมื่อเห็นพลังมารอยู่รอบข้าง มันก็พลิกตัวไปมาด้วยความตกตะลึง
เมื่อมันอ้าปากขนาดมหึมา ลูกไฟขนาดเล็กนับหมื่นก็ปรากฏ
โซ่จากพลังมารยิ่งเข้าพัวพัน โดยโอบรัดแน่นยิ่งขึ้น
พลังที่มันครอบครองเริ่มหายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ลูกไฟขนาดเล็กนับหมื่นที่เพิ่งก่อตัวเมื่อครู่ลดลงไปกว่าครึ่ง
คราวนี้หอคอยอสูรสวรรค์ก็ปรากฏขึ้น ร่างของมันหมุนไปมาขณะพลังมารอันทรงพลังแผ่ซ่าน กระบี่ยักษ์ซึ่งเกิดจากพลังดังกล่าวลอยอยู่เหนือร่างของวิหคเพลิง
ยามนี้แรงกดดันอันทรงพลังของเผ่ามารเคลื่อนลงมา ทำให้ร่างวิหคเพลิงที่เพิ่งยันกายขึ้นมาถูกกดลงไปทันที
ปากมหึมาของมันหุบลง
ลูกไฟที่ปรากฏขึ้นสูญเสียเป้าหมายในทันที ก่อนจะกระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศทางอย่างไร้จุดหมาย ไม่มีลูกไหนโจมตีเข้าเป้า
วิหคเพลิงแผดเสียงคำรามขณะที่ทั่วร่างเริ่มสูญสลาย เสียงของมันยิ่งแผ่วเบา
ลู่หยวนหลับตาราวกับตกอยู่ในห้วงนิทรา ก่อนทุกอย่างจะกลับคืนสู่ความสงบ
หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง เขาก็สัมผัสได้ว่ากระแสพลังอันมั่นคงเริ่มอ่อนกำลังลงมาก
จากข้อมูลที่ระบบแจ้งไว้ มันน่าจะใกล้ถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว
หลังจากผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วยาม แม้พลังจากวิหคเพลิงยังคงถูกถ่ายออกมา แต่สภาพของมันคล้ายกับจะหายไปได้ทุกเมื่อ
[แจ้งเตือนจากระบบ ความคืบหน้าในการช่วงชิงพลังวิหคเพลิงของท่าน หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์!]
[กำลังแปลงพลังวิหคเพลิง… โปรดรอสักครู่!]
สิ้นเสียงระบบ พลังของวิหคเพลิงก็ถูกตัดขาดทันที
คราวนี้ลู่หยวนลืมตาขึ้น เขาพบว่าร่างวิหคเพลิงที่เดิมมีขนาดใหญ่ดูเลือนราง
มันนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ปีกที่เคยสว่างไสวสูญเสียความมันเงา เพลิงสวรรค์ซึ่งเป็นของวิหคเพลิงหมองหม่นก่อนจะหายไป
กระบี่ยักษ์พลังมารซึ่งอยู่เหนือศีรษะวิหคตัวนั้นถูกดึงกลับเข้าไปในหอคอยอสูรสวรรค์พร้อมกับโซ่ที่พันธนาการมันเอาไว้
[แจ้งเตือนจากระบบ ได้รับทักษะเทวะ ‘ร่างทองคงกระพัน’ แล้ว! เชิญท่านตรวจสอบ!]