ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 309 ใต้หินหลอมเหลว
บทที่ 309 ใต้หินหลอมเหลว
บทที่ 309 ใต้หินหลอมเหลว
ภายในดินแดนลับของแดนมัชฌิม จักรพรรดินีเดินนำเข้าสู่พื้นที่แกนกลางหุบเหว โดยมีลู่หยวนกับอูโจ้วตามหลัง
ทันทีที่ย่างเข้ามา ปราณวิญญาณจำนวนมากก็กระแทกเข้าที่ใบหน้า
ปราณวิญญาณระดับนี้ไม่อาจควานหาจากโลกภายนอกได้!
ลู่หยวนลองโคจรพลัง ทำให้สัมผัสได้ทันทีว่าปริมาณพลังที่โคจรได้มีมากกว่าปกติหลายเท่า!
หากฝึกฝนที่นี่สักระยะ รากฐานการบ่มเพาะก็ยิ่งพัฒนาขึ้น!
ทว่า… สายตาของลู่หยวนกลับไม่มีอาการสั่นไหว ราวกับสรวงสวรรค์ตรงหน้าไม่ต่างจากที่อื่น หาได้มีค่าในสายตาไม่
เป็นความจริงที่ลู่หยวนไม่ได้สนใจ ถึงอย่างไรเขาก็มีระบบกับวิธีพัฒนารากฐานการบ่มเพาะมากมาย หากฝึกฝนที่นี่ย่อมให้ผลช้าเกินไป!
หากมีเวลาว่างขนาดนั้น สู้ไปรวบรวมบุตรแห่งชะตาเพิ่มยังดีเสียกว่า!
จักรพรรดินีนั่งลงตรงด้านหน้าขณะที่สายตากวาดมองรอบข้างอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเหตุผลบางอย่าง โลหิตในร่างก็เริ่มเดือดพล่านทันทีที่ก้าวเข้ามา นางสัมผัสได้ว่าเพลิงสวรรค์ซึ่งอยู่ในกายมีการตอบสนองที่รุนแรง!
จักรพรรดินียิ่งมั่นใจว่าจะต้องมีโชคชะตาอันยิ่งใหญ่อยู่ที่นี่!
และโชคชะตานี้น่าจะชดเชยการสูญเสียเพลิงสวรรค์ของนางได้!
ส่วนอูโจ้วได้ติดตามลู่หยวนด้วยหวังว่าจะค้นพบขนวิหคเพลิงแท้จริง
เขาไม่กล้าเอ่ยขอขนวิหคเพลิงแท้จริงหรือโชคชะตาใด ๆ!
พวกเขาทั้งสามคนต่างมุ่งหน้าไปทางหนึ่ง
ระหว่างทางมีแมกไม้วัชพืชประปราย แต่กลับไม่มีหญ้าวิญญาณขึ้นสักต้น
ลู่หยวนรู้สึกว่าแปลกประหลาด หากว่ากันตามจริง ในพื้นที่ที่มีปราณวิญญาณสมบูรณ์มักเต็มไปด้วยหญ้าวิญญาณที่เติบโตเต็มที่
วัชพืชจะมาเติบโตในที่แบบนี้ได้อย่างไร?!
ลู่หยวนกวาดสายตาไปไกล จึงพบว่าพื้นที่แกนกลางไร้สิ่งกีดขวาง และไร้สิ่งแปลกปลอม
บัดนี้พวกเขาทั้งสามเดินผ่านพื้นที่แกนกลางมาได้ครึ่งทางแล้ว แต่ยังไม่พบสิ่งใด
ลู่หยวนเดาะลิ้น หากรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เขาคงพาฉู่เชิ่งมาด้วย
บุตรแห่งโชคชะตาจะต้องพบโชคชะตาในที่แบบนี้แน่นอน!
แต่คิดตอนนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ลู่หยวนจึงยังคงเดินตามจักรพรรดินีต่อไป
หลังจากผ่านไปสองถ้วยชา พวกเขาก็เดินจนมาถึงอีกด้านหนึ่งของพื้นที่แกนกลาง
จักรพรรดินีขมวดคิ้วเมื่อไม่พบสิ่งใด
แม้จะสัมผัสได้ว่าพลังวิหคเพลิงกำลังเรียกหา แต่นางไม่ทราบว่ามันอยู่ที่ไหน
ผ่านไปสักพัก ลู่หยวนกับจักรพรรดินีต่างตกอยู่ในห้วงความคิด
ส่วนอูโจ้วผู้อยู่ข้างกายไม่กล้าเข้ามารบกวน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงยืนนิ่ง
ลู่หยวนหยิบแผนที่ซึ่งระบบเตรียมไว้ออกมาดูอย่างละเอียด
เพียงแต่แผนที่ในคราวนี้มีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้เห็นพื้นที่แกนกลางได้อย่างชัดเจน
ทว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้แตกต่างจากที่ลู่หยวนเคยเห็นมากนัก
พวกมันเต็มไปด้วยวัชพืชซึ่งไม่มีประโยชน์ใช้สอย
ลู่หยวนมองแผนที่ซ้ำไปมา เมื่อกำลังจะเก็บมันสายตาของเขาพลันจับจ้องไปยังหินหลอมเหลวใต้แกนกลาง
พื้นที่แกนกลางแห่งนี้ถูกห้อมล้อมด้วยหุบเหวธรรมชาติ ซึ่งข้างใต้ก็ยังถูกปกคลุมไปด้วยหินหลอมเหลวที่เต็มไปด้วยไอร้อน
ลู่หยวนพลันนึกขึ้นได้ เมื่อครู่ร่างวิหคเพลิงก็บินออกมาจากหินหลอมเหลวแห่งนี้ไม่ใช่หรือ?!
หรือว่าจะมีความลึกลับซ่อนอยู่เบื้องล่าง?
ลู่หยวนเดินไปสองสามก้าวจนกระทั่งถึงขอบพื้นดิน เห็นไอร้อนพวยพุ่งออกมาจากเบื้องล่างหุบเหว
สิ่งที่เห็นมีเพียงความร้อนสีแดง ไม่มีอะไรพิเศษ
สีหน้าของลู่หยวนสงบขณะครุ่นคิด จากนั้นก็รีบก้าวมาหาจักรพรรดินี
นางที่ยังตกอยู่ในห้วงความคิด ตกตะลึงทันทีที่ลู่หยวนเข้าใกล้
“เจ้าจะทำอะไรน่ะ?!”
จักรพรรดินีพยายามควบคุมหัวใจไม่ให้เต้นแรงพลางถามด้วยความไม่พอใจ
ลู่หยวนยิ้มกว้าง “ข้าอยากให้ฝ่าบาทไปสำรวจเส้นทางหน่อย”
“สำรวจเส้นทางหรือ?”
จักรพรรดินีตกตะลึง นางเดินไปมาทั่วพื้นที่แกนกลางแล้ว ยังมีส่วนอื่นที่ต้องสำรวจอีกหรือ?
ไม่รอให้นางถาม ลู่หยวนก็ก้าวมาข้างหน้าแล้วโน้มตัว แขนของเขาโอบเอวบางของนางด้วยสองมือ ก่อนจะยกขึ้นพาดบ่าโดยใช้เรี่ยวแรงเล็กน้อย
จักรพรรดินีเพียงรู้สึกว่าทุกสิ่งตรงหน้ากลับหัวกลับหาง เมื่อกลับมามีสติ นางก็มาอยู่บนบ่าของลู่หยวนแล้ว
เมื่อรู้สึกถึงท่อนแขนกำยำรอบเอว จักรพรรดินีก็หน้าแดงก่ำทันที
ตั้งแต่เกิดมา ไม่มีใครกล้าดูหมิ่นนางเช่นนี้มาก่อน!
“ลู่หยวน เจ้าคนอวดดี!”
จักรพรรดินีตวาดเสียงต่ำอย่างเกรี้ยวกราด พลางฟาดแผ่นหลังอีกฝ่ายด้วยความสับสน
เพียะ!
สิ้นเสียงนั้น มือของจักรพรรดินีที่ฟาดใส่ลู่หยวนก็หยุดนิ่ง ใบหน้าของนางยิ่งแดงก่ำ
อาการชาที่บั้นท้ายยังคงหลงเหลืออยู่ เพียงชั่วครู่ ความคิดของนางยิ่งสับสนจนหลงลืมถึงสิ่งที่จะกระทำต่อ
ลู่หยวนมีสีหน้าหงุดหงิด “แม่สาวน้อย เป็นเด็กดี ไม่งั้นข้าจะตีเจ้า!”
จักรพรรดินีกลัวว่าจะถูกลู่หยวนฟาดซ้ำ จึงไม่กล้ากระทำการบุ่มบ่ามอีก
นางรู้สึกหงุดหงิดและนึกสงสัยว่าอีกฝ่ายใช้เล่ห์กลใดถึงทำให้ใช้ปราณวิญญาณไม่ได้ แม้กระทั่งอาวุธวิเศษก็ไม่อาจสังเวยได้!
บัดนี้ร่างของนางอยู่ในมือของลู่หยวน แม้กระทั่งเนี่ยอิ่งผู้เป็นไพ่ตายสุดท้าย ก็ยังถูกค้นพบก่อนจะถูกตัดการเชื่อมต่อ
ลู่หยวนอุ้มจักรพรรดินีไว้บนบ่า เพียงไม่กี่ก้าวก็มาถึงขอบพื้นดิน
หินหลอมเหลวเบื้องล่างหลั่งไหล รวมถึงไอความร้อนที่สัมผัสได้อย่างชัดเจน ทั้งหมดนี้ล้วนบ่งบอกได้ว่าเบื้องล่างหุบเหวมีหินหลอมเหลวอยู่
ส่วนจะมีโชคชะตาอยู่ด้านล่างหรือไม่ก็มิอาจล่วงรู้ได้
เช่นนั้นต้องให้ใครสักคนลงไปสำรวจก่อน
จักรพรรดินีย่อมทราบว่าลู่หยวนจะพาไปไหน รวมถึงคาดเดาสิ่งที่จะทำได้ ดังนั้นนางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกวิตกกังวล
“ลู่หยวน… ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้!”
แม้สถานที่ที่เต็มไปด้วยโชคชะตาแห่งนี้จะมีเพียงหินหลอมเหลวอยู่ใต้แกนกลางก็ตาม
แต่ถ้าเป็นจักรพรรดินี นางย่อมต้องส่งใครสักคนลงไปสำรวจก่อน
ถึงนางจะสนับสนุนให้คนลงไปสำรวจ แต่ใช่ว่านางจะยอมลงไปสำรวจด้วยตัวเอง!
สิ่งนี้ก็แค่การคาดเดาว่ามีบางอย่างอยู่ใต้หินหลอมเหลว ไม่อาจทราบได้ว่ามีสิ่งใดอยู่จริงหรือไม่!
หากไม่เป็นไปตามที่คาดเดา เช่นนั้นการที่จักรพรรดินีลงไปในวันนี้เท่ากับเป็นการรนหาที่ตาย!
“ลู่หยวน โปรดใจเย็นแล้ววางข้าลงก่อน มีอะไรค่อยพูดค่อยจากัน!”
จักรพรรดินีวิตกเล็กน้อย หากต้องถูกโยนลงไปจริง นางก็มีโอกาสรอดจากปากเหยี่ยวปากกาเพียงเล็กน้อย!
ทว่าลู่หยวนไม่เก็บคำพูดมาใส่ใจขณะที่มองหินหลอมเหลวเบื้องล่าง เมื่อเห็นจุดที่ต้องการก็ตัดสินใจ
ลู่หยวนสร้างค่ายกลด้วยมือซ้ายก่อนประทับลงบนร่างของจักรพรรดินี
ชั่วพริบตา ค่ายกลก็ถูกสลักลงไป
“ฝ่าบาท อย่าลืมหาโชคชะตาละ”
สิ้นคำ ลู่หยวนโยนร่างของนางลงไปในหินหลอมเหลว
จักรพรรดินีรู้สึกว่าทุกสิ่งตรงหน้ากลับหัวกลับหางอย่างรวดเร็ว นางอยากสังเวยอาวุธวิเศษ แต่กลับพบว่ารากฐานการบ่มเพาะทั่วร่างถูกจำกัดไว้ ทำให้ไม่สามารถเรียกอาวุธออกมาปกป้องตัวเองได้!