ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 315 พลังมารของราชันมาร
บทที่ 315 พลังมารของราชันมาร
บทที่ 315 พลังมารของราชันมาร
เมื่อร่างของคุนเผิงวูบไหว อูโจ้วจึงเปิดใช้งานค่ายกลอักขระในโลกปรภพเพื่อพยายามควบคุมการกระทำของมัน
ไกลออกไป เชือกสีแดงปรากฏขึ้นบริเวณมหาวิถีสีทองที่คุนเผิงอยู่ พวกมันเต็มไปด้วยพลังไร้ที่สิ้นสุดแห่งโลกปรภพ
เชือกพุ่งออกไปในหนึ่งอึดใจ ก่อนพันรอบร่างของอีกฝ่ายจากทั่วทุกทิศทาง
คุนเผิงถูกพันธนาการทันทีจนแผดเสียงคำรามออกมา แล้วพลังอันมหาศาลก็ปรากฏขึ้นจากร่างของมัน ทำให้เชือกที่พัวพันพลันหยุดนิ่ง
มันฉวยจังหวะที่เชือกชะงักงัน กางปีกขนาดใหญ่ ก่อนจะทำลายสิ้น
พรวด!
เมื่อเชือกถูกทำลาย อักขระที่อยู่บนฝ่ามือของอูโจ้วก็แตกสลายเช่นกัน
สายโลหิตเคลื่อนจากช่วงหน้าอกมาที่ลำคอของเขา จากนั้นทะลักออกมา ย้อมพื้นที่รอบข้างให้กลายเป็นสีแดง
สรรพสิ่งที่เข้าสู่โลกปรภพต้องทำตามกฎเกณฑ์ที่วางไว้ อูโจ้วคือหนึ่งในผู้ที่ยอมเสี่ยงชีวิตเข้าไป หลังจากผ่านการสังเวยสมาชิกเผ่านับไม่ถ้วนมารุ่นสู่รุ่น เผ่าสาปมารในยามนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นเจ้าโลกปรภพ!
ยามอักขระในมือของเขาทำงาน สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนในโลกปรภพต่างต้องจำนน!
อูโจ้วควบคุมสรรพสิ่งซึ่งอยู่ภายในโลกนั้น แม้กระทั่งซากศพของสัตว์เทวะก็ต้องน้อมรับคำสั่งของเขา!
ในช่วงหลายอายุคนของเผ่าสาปมาร ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดจากโลกปรภพที่ทำลายอักขระจนทำให้กฎเกณฑ์ไร้ผลได้!
อูโจ้วกุมหน้าอก เขารู้สึกแสบร้อนจนไม่อาจปรับตัวได้
หลังจากสงบสติได้สักพัก เขาก็เตรียมจะใช้งานอักขระอีกหนเพื่อพยายามควบคุมร่างของคุนเผิง!
ยามนี้ลู่หยวนยกมือขึ้นเพื่อห้ามปรามอีกฝ่าย
สายตาของลู่หยวนจับจ้องไปยังร่างของคุนเผิงที่บัดนี้มีขนาดเล็กจนดูไม่ต่างจากลิงน่าขัน มันทะยานสู่ท้องนภาที่มีมหาวิถีสีทอง
“ข้าจำได้ว่าเผ่าคุนเผิงเสียชีวิตอยู่ในประตูสวรรค์”
ในอดีตเผ่าคุนเผิงเป็นที่โปรดปรานของวิถีสวรรค์ ยามที่วิถีนี้เคลื่อนลงมา ประตูสวรรค์ก็จะเปิดออก ทำให้พวกมันสามารถเข้าสู่แดนเซียนได้
แต่เพราะความอิจฉาของสรรพสิ่งในใต้หล้า จึงทำให้เผ่าคุนเผิงไม่อาจเข้าสู่แดนเซียนได้ พวกมันกลับถูกสังหารจนทำให้ทั้งเผ่าถูกกวาดล้าง!
อูโจ้วสงบสติลงแล้วพยักหน้า “ขอรับ นายท่าน”
คุนเผิงเคลื่อนเข้าหามหาวิถีสีทองอย่างรวดเร็ว ก่อนที่โครงกระดูกสัตว์ประหลาดทะยานจะไปถึงครึ่งทาง ร่างของมันก็ไปถึงจุดสูงสุดของท้องนภาแล้ว
ร่างของลู่หยวนวูบไหวขณะทะยานเข้าสู่มหาวิถีนั้น โดยมีอูโจ้วตามหลังอยู่ไม่ห่าง
ทันทีที่ก้าวเข้าสู่มหาวิถีสีทอง ลู่หยวนก็รู้สึกถึงพลังอันสงบที่เคลื่อนลงมา พลังนั้นกดดันให้ปราณวิญญาณในร่างลอยออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งการโคจรพลังก็ถูกเร่งความเร็วขึ้นหลายสิบเท่า!
ลู่หยวนติดตามโครงกระดูกขนาดใหญ่มุ่งหน้าสู่ท้องนภาช้า ๆ มหาวิถีที่ปรากฏขึ้นมาเริ่มเลือนหาย
ราวครึ่งชั่วยามต่อมา ในที่สุดร่างโครงกระดูกก็มาถึงท้องนภา
ลู่หยวนเหยียบหมู่เมฆก่อนจะมายืนอยู่หน้าประตูสวรรค์
ภาพมายาสีทองที่มองเห็นได้อย่างแจ่มชัดจากเบื้องล่างกลับดูเลือนราง
เซียนผู้มีรูปลักษณ์แตกต่างกันเป็นเพียงก้อนเมฆาที่ก่อตัวขึ้นมา
ร่างของคุนเผิงถึงกับทำท่าสักการะต่อหน้าเมฆเหล่านี้ด้วยศรัทธาแรงกล้า
ปากของมันขยับ “แดนเซียน… ข้า… แดนเซียน…”
เศษเสี้ยววิญญาณขนาดเล็กถึงกับปรากฏขึ้นเหนือร่างของคุนเผิง
เศษเสี้ยววิญญาณนี้พยายามออกจากร่างของมันอย่างสุดความสามารถ เพื่อมุ่งหน้าสู่เมฆมายาตรงหน้า
“ราชาคุนเผิงหรือ?”
เศษเสี้ยววิญญาณที่กำลังดิ้นรนเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่เป็นของเผ่าคุนเผิง กลิ่นอายนี้บริสุทธิ์ยิ่ง มีพลังของสัตว์เทวะจากแปดหุบเขาเปล่งออกมาจากร่างของมัน
แม้กระทั่งมังกรเจินหลงที่หลับใหลอยู่บนแขนของลู่หยวนก็สัมผัสถึงกลิ่นอายนี้ได้ มันจึงเงยหน้าขึ้นดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่โลกภายนอกด้วยความสับสน
เศษเสี้ยววิญญาณพุ่งเข้าหากลุ่มเมฆอย่างสุดกำลัง แต่ร่างซากศพกลับผูกมัดมันเอาไว้
เมื่อสายลมพัดผ่าน เมฆที่ก่อตัวก็เริ่มสูญสลาย เศษเสี้ยววิญญาณของราชาคุนเผิงจึงเริ่มวิตกอย่างเห็นได้ชัด มันหันหลังแล้วใช้ปีกอันแหลมคมฟาดฟันไปที่เบื้องล่าง
เมื่อปีกกวาดผ่าน เศษเสี้ยววิญญาณจึงแยกออกจากร่างอย่างสมบูรณ์
“แดนเซียน… แดนเซียน…”
ราชาคุนเผิงยังคงพึมพำสองคำนี้ไปมา
เศษเสี้ยววิญญาณบินไปทางหมู่เมฆ ขณะใช้ปีกของราชาคุนเผิงโอบล้อมเอาไว้ เมื่อสัมผัสเมฆดังกล่าว ร่างสีทองประหนึ่งเซียนตรงหน้าก็พังทลาย
เศษเสี้ยววิญญาณเริ่มถูกแผดเผา ส่วนร่างของคุนเผิงที่ยังคงคุกเข่าด้วยศรัทธาแรงกล้าก็ยืนนิ่งงัน
เพียงไม่กี่อึดใจ หมู่เมฆก็สูญสลายหายไป
ส่วนเศษเสี้ยววิญญาณของคุนเผิงก็สลายไปเช่นกัน เสียงสะท้อนของแดนเซียนเองก็ยังคงดังอยู่ในท้องนภา
อูโจ้วเห็นดังนี้ก็รู้สึกเศร้าโศก
ถึงอย่างไรในตอนนั้นก็เกิดเรื่องพลิกผันมากมายกับราชาคุนเผิง ซึ่งเผ่าสัตว์เทวะคุนเผิงถูกทำลายก็เพราะเหตุการณ์นี้
บัดนี้เวลาผันผ่านมาเกือบหนึ่งล้านปีแล้ว เหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมาจึงกลายเป็นเพียงหมอกควัน แต่เศษเสี้ยววิญญาณราชาคุนเผิงที่ซ่อนอยู่ในร่างซากศพถึงกับระเบิดเพราะการสัมผัสสิ่งนี้
มันยอมตัดขาดเศษเสี้ยววิญญาณหมายจะมุ่งหน้าไปสู่สิ่งที่เรียกว่าแดนเซียน เพียงเพื่อจะได้เห็นร่างสีทองตรงหน้า จนในที่สุดก็สูญสลายหายไปจากโลก
อูโจ้วสูดหายใจยาวขณะอารมณ์หลากหลายก่อตัวขึ้นภายในใจ
แต่ลู่หยวนไม่มีเวลามาแสดงความรู้สึกเหล่านี้ สายตาของเขายังคงจับจ้องร่างขนาดใหญ่ของคุนเผิง
ดวงตาของเขาหรี่ลงขณะอากาศรอบข้างสั่นไหว พริบตาต่อมาก็ปรากฏตัวข้างร่างของมัน
เขาพบพลังสีดำลอยออกมาจากรอยบากที่ราชาคุนเผิงตัดขาดวิญญาณตัวเอง
ขณะที่ลู่หยวนตรวจสอบพลังนั้นด้วยสองนิ้ว หอคอยอสูรสวรรค์ในจิตเทวะก็เกิดความตื่นเต้น
เขาขมวดคิ้วด้วยความสับสน เหตุใดหอคอยอสูรสวรรค์ถึงตื่นเต้นกับสิ่งนี้?
พลังสีดำตรงหน้าดูธรรมดาและไม่มีพลังแปลกประหลาด
ตอนที่ลู่หยวนสงสัย เสียงของเจิ้งชิงเทียนก็ดังขึ้นในใจ “นายท่าน พลังสีดำในมือของท่านคือพลังมารไม่ผิดแน่!”
“พลังมารคือสิ่งที่ราชันมารครอบครองในตอนนั้น!”
“ข้าไม่มีทางจำผิดอย่างแน่นอน มันคือสิ่งที่ข้าสัมผัสได้ตอนอยู่ข้างกายราชันมาร!”
ทันทีที่สิ้นคำของเจิ้งชิงเทียน พลังสีดำตรงหน้าของเขาก็สลายไปกับสายลม ทำให้ร่างซากศพของคุนเผิงนิ่งงัน
ลู่หยวนดึงนิ้วกลับแล้วยิ้มออกมา “พลังมารของราชันมารหรือ? นับว่าน่าสนใจ…”