ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 324 ราชันมารปะทะจิ่วเฟิ่ง
บทที่ 324 ราชันมารปะทะจิ่วเฟิ่ง
บทที่ 324 ราชันมารปะทะจิ่วเฟิ่ง
ราชันมารไม่กล้าประมาทเช่นกัน ด้วยจิตสำนึกที่หลงเหลืออยู่ในตอนนี้ หากไม่ระวังก็อาจจะไม่สามารถเอาชนะจิ่วเฟิ่งได้อย่างสมบูรณ์!
นางเหมือนกับเมื่อตอนสามแสนปีก่อน หากต้องการต่อสู้ขึ้นมา ย่อมเป็นอันตรายถึงชีวิต!
หากตัวตนหรือจิตสำนึกที่หลงเหลืออยู่ที่นี่มีมากกว่านี้ ราชันมารย่อมไม่เก็บเรื่องของจิ่วเฟิ่งมาคิดจริงจัง
แต่ตอนนี้เศษเสี้ยวจิตสำนึกของมันอ่อนแอมาก หากตายในวันนี้ จะเป็นอันตรายต่อแผนใหญ่ที่นางวางไว้!
จิ่วเฟิ่งถือกระบี่หนักด้วยสองมือ โดยมีเปลวเพลิงลุกโชนจากหางตา
ทันใดนั้น!
หนึ่งอึดใจต่อมา ปีกของจิ่วเฟิ่งพลันกางออกแล้วทะยานออกไป เพลิงสวรรค์พลันอาบไล้ไปทั่วกระบี่หนัก
ตู้ม!
จิ่วเฟิ่งก็ฟาดฟันลงไปอย่างบ้าคลั่ง จนเพลิงสวรรค์แผดเผาปราณวิญญาณอย่างรวดเร็ว
ราชันมารถือดาบใหญ่ด้วยมือขวา ส่วนมือซ้ายลูบบนใบดาบ พลังมารค่อย ๆ โคจรไปมาทีละชั้น จากนั้นจึงทำการโจมตี
เคร้ง!
ชั่วพริบตา กระบี่หนักและดาบใหญ่ปะทะเข้าหากัน พวกมันฟาดฟันใส่กัน เปลวเพลิงพลันพัดโหมไปทั่วความว่างเปล่า
ราชันมารตวัดดาบทันที ส่วนจิ่วเฟิ่งก็โจมตีไปด้านข้างด้วยกระบี่หนัก
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
พวกเขายังคงต่อสู้กันบนท้องนภา เพียงไม่กี่อึดใจ ก็แลกเปลี่ยนกระบวนท่าไปแล้วนับพันครั้ง ปราณวิญญาณในอากาศถูกใช้จนหมดสิ้น เสียงการโจมตีอันหนักหน่วงดังสนั่นหวั่นไหว
ยิ่งเวลาผ่านไป เศษเสี้ยววิญญาณของทั้งสองฝ่ายต่างก็ลดลงไปมาก ในไม่ช้า การเคลื่อนไหวก็ช้าลง
ร่างที่แบกรับจิตวิญญาณของจิ่วเฟิ่งเอาไว้เริ่มอ่อนกำลัง
นางจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยกกระบี่หนักขึ้น กระแทกดาบใหญ่ตรงหน้าไปทางด้านข้าง จากนั้นปีกด้านหลังก็สั่นไหวแล้วบินถอยออกมาหลายสิบลี้ในทันที
ราชันมารถือดาบใหญ่เอาไว้ขณะชายตามองจิ่วเฟิ่ง
พวกเขาต่างจับจ้องด้วยสายตาเย็นเยือก
จิ่วเฟิ่งสัมผัสได้ชัดเจนว่าร่างซึ่งแบกรับวิญญาณที่หลงเหลืออยู่เอาไว้เริ่มสูญสลาย!
ร่างซึ่งเดิมทีก็ทนทุกข์จากการสูญเสียเปลวเพลิงสวรรค์มาพอแล้ว บัดนี้เส้นลมปราณทั้งหมดกลับถูกฝืนเปิดภายใต้การควบคุมของนาง ทำให้ปราณวิญญาณย้อนกลับเพื่อขับเคลื่อนเพลิงสวรรค์ ยิ่งทำให้ร่างกายถูกใช้งานอย่างรวดเร็ว!
ตอนนี้มันแทบจะแบกรับไม่ไหวแล้ว!
หากการต่อสู้ยังไม่ได้ข้อยุติ ร่างนี้จะหายไปพร้อมกับเศษเสี้ยววิญญาณที่เหลือทันที!
จิ่วเฟิ่งมองราชันมารด้วยสายตาร้อนแรง
สถานการณ์ของราชันมารยังดีกว่านางมาก เพราะถึงอย่างไร ร่างนั้นก็มีเมล็ดพันธุ์มารที่สมบูรณ์แบบ!
นอกจากนี้ เมล็ดพันธุ์นี้ไม่เพียงส่งผลดีต่อการบ่มเพาะเท่านั้น แต่ยังมีพลังมารที่เพียงพออยู่ในร่างกายอีกด้วย!
การควบคุมร่างนั้นน่าจะเพิ่มอัตราการชนะได้ แต่หลังจากประมือกันเมื่อครู่ ราชันมารพลันสังเกตเห็นบางอย่าง!
เจ้าเด็กที่ชื่อชิวเสวียนผู้นี้มีพลังแห่งวิถีคุณธรรมซ่อนอยู่ภายในร่างกาย!
ตอนราชันมารโคจรพลังมารเพื่อพยายามโจมตีจุดอ่อนของจิ่วเฟิ่งอยู่หลายครั้ง พลังแห่งวิถีคุณธรรมซึ่งอยู่ภายในร่างกลับเข้ามาขัดขวาง!
ขณะที่เศษเสี้ยวจิตสำนึกถูกเผาไหม้ ราชันมารยิ่งสัมผัสได้ว่าเขาต้านมันไม่ได้อีกต่อไป!
ถ้างั้น…
ราชันมารถือดาบใหญ่ด้วยจิตสังหารที่ก่อตัวขึ้นในใจ
แม้ไม่ทราบว่าการคาดเดานี้ถูกต้องหรือไม่ แต่เจ้าเด็กที่ชื่อชิวเสวียนดูจะมีความสุขมากตอนที่มอบร่างกายให้
แต่หลังจากสู้กับจิ่วเฟิ่งอยู่หลายครั้ง เด็กคนนี้คล้ายกับพยายามควบคุมร่างกลับคืนมาอยู่หลายครั้ง!
หรือว่ามันอยากให้เขากับจิ่วเฟิ่งฆ่าฟันกันจนตายไปข้างก่อน แล้วรอกอบโกยผลประโยชน์ทีหลัง?!
ราชันมารสะกดความคิดเอาไว้ในใจ ตอนนี้ไม่มีภาชนะอื่นที่สามารถรองรับเศษเสี้ยวจิตสำนึกได้ หากฝืนออกจากร่างของชิวเสวียน เขาจะต้องถูกกระบี่ของนางปลิดชีพแน่นอน!
ถ้าอย่างนั้น ยิ่งจบการต่อสู้นี้ได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี!
ขืนล่าช้าจะต้องมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงแน่!
ราชันมารกับจิ่วเฟิ่งสบตากัน พวกเขาต่างเห็นจิตสังหารของอีกฝ่าย
พลังมารและเพลิงสวรรค์ของทั้งสองคนปรากฏขึ้นอีกครั้ง แรงกดดันยังคงทะยานขึ้นจนถึงจุดสูงสุดอีกครั้ง
มือขวาของจิ่วเฟิ่งถือกระบี่หนัก ส่วนมือซ้ายลูบไปตามคมของมัน จนโลหิตไหลออกจากปลายนิ้วชโลมไปทั่วอาวุธ ปีกวิหคเพลิงซึ่งอยู่ด้านหลังก็มีขนาดใหญ่ขึ้นหลายเท่า
เส้นซึ่งอยู่ตรงหว่างคิ้วยิ่งหมองหม่นราวกับจะเลือนหายไปในพริบตา
ดวงตาของจิ่วเฟิ่งสงบนิ่ง สีหน้าภาคภูมิและจริงจังมาพร้อมกับจิตสังหารที่คุกรุ่น นางในยามนี้คล้ายกับผู้ปกครองฟ้าดิน!
ร่างของราชันมารย่อส่วนลงเล็กน้อยขณะมือขวากุมดาบใหญ่ไว้มั่น พลังมารโคจรไปมาพร้อมรูปลักษณ์ของเขาปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง ทำให้กลิ่นอายทะยานถึงขีดสุด
ทั้งสองคนเผชิญหน้ากันในระยะไกล อากาศรอบข้างบิดเบี้ยวและถูกบดขยี้ด้วยพลังที่ออกมาจากพวกเขาอย่างต่อเนื่อง
วิ้ง!
ทันใดนั้น!
เพียงหนึ่งอึดใจ จิ่วเฟิ่งเป็นคนแรกที่ลงมือ ปีกวิหคเพลิงซึ่งอยู่ด้านหลังกระพืออย่างบ้าคลั่ง ปราณวิญญาณปั่นป่วนไปมา ชั่วพริบตาก็สัมผัสได้ถึงการสั่นสะเทือนในอากาศ ก่อนนางจะทะยานออกไปหลายสิบลี้จนเข้าถึงตัวราชันมาร
กระบี่หนักฟาดฟันลงมาอย่างบ้าคลั่ง เพลิงสวรรค์กวาดล้างสรรพสิ่ง ชั้นอากาศพังทลายประหนึ่งคลื่นที่กระทบชายฝั่ง กดดันให้ราชันมารร่นถอยออกไป
รูปลักษณ์มารซึ่งอยู่ด้านหลังเขาถือดาบใหญ่มายาเอาไว้ในมือ เมื่อดาบในมือกวัดแกว่งไปข้างหน้า ร่างมายาซึ่งอยู่ด้านหลังก็ทำตาม
ตู้ม!
กระบี่หนักและดาบใหญ่ปะทะกันอีกครั้ง พลังที่ระเบิดออกมาจากทั้งสองฝ่ายต่างก็กลืนกินทั้งอีกฝ่ายและตนเอง!
พวกเขาถืออาวุธด้วยสองมือ พลันระดมกำลังทั้งหมดภายในร่างออกมาเพื่อขัดขืนอย่างสุดความสามารถ
ในที่สุด!
พลังของจิ่วเฟิ่งก็หมดลงก่อน เส้นตรงหว่างคิ้วเริ่มเลือนหายไป
“เหอะ… จิ่วเฟิ่ง เจ้าจะพยายามช่วยเศษเสี้ยววิญญาณไปไย? ทำไมไม่ยอมตายไปเสียเล่า?!”
รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของราชันมาร รูปลักษณ์มารซึ่งอยู่ด้านหลังออกแรงกดดาบใหญ่ในมือลงมาหาอีกฝ่ายมากขึ้น
“เมื่อกลับมาสู่โลกเมื่อไหร่ ข้าจะขุดกระดูกของเจ้าขึ้นมาเพื่อใช้เป็นพาหนะประจำตัว!”
ราชันมารแผดเสียงคำรามอันเกรี้ยวกราด จากนั้นก็ก้าวถอยหลังไปเล็กน้อยพร้อมเงื้อดาบในมือขึ้น หมายจะปิดฉากจิ่วเฟิ่ง!
ทันใดนั้น!
ร่างของราชันมารนิ่งงันอยู่ในท่าฟัน สีหน้าเย้ยหยันของเขาพลันแข็งทื่อ
ชิวเสวียนควบคุมร่างได้ในเวลาแบบนี้งั้นหรือ?!
จิ่วเฟิ่งฉวยโอกาสฟาดฟันกระบี่หนักออกไป ปราณกระบี่เพลิงสวรรค์กวาดผ่านร่างที่ถูกควบคุมโดยราชันมาร
พรวด!
เพลิงสวรรค์เคลื่อนผ่านร่างประหนึ่งอสรพิษเพลิง ตรงเข้ากัดเศษเสี้ยววิญญาณของราชันมาร
ตอนที่ราชันมารฝืนกำราบชิวเสวียน เปลวเพลิงก็ลุกลามไปทั่วร่างแล้ว
ใบหน้าของราชันมารหมองคล้ำขณะฟาดดาบใหญ่ออกไป
ตู้ม!
พลังมารและปราณดาบเคลื่อนเข้าหาร่างของจักรพรรดินี ซึ่งล้มลงกับพื้นหลังจากเส้นตรงที่หว่างคิ้วเลือนหายไป
จากนั้นราชันมารก็ยกดาบขึ้น ทำให้พลังมารเคลื่อนกลับมาสู่ร่างอย่างรวดเร็วเพื่อขับไล่เพลิงสวรรค์ออกไป
แต่ในตอนนี้!
เสียงที่เปี่ยมด้วยความขี้เล่นดังขึ้นจากส่วนลึกของร่างเขา “ราชันมาร เหตุใดต้องกังวลด้วย? เศษเสี้ยวจิตสำนึกเหลือแค่นี้จะไปทำอะไรได้? มอบมันให้ข้าเสียยังดีกว่า!”
ราชันมารหันไปทางต้นเสียงขณะจิตสังหารคุกรุ่น “ชิวเสวียน เจ้ามันเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวนัก! เจ้าจงใจยินยอมเพื่อทำให้ทั้งข้าและจิ่วเฟิ่งต่างหมดแรง แล้วค่อยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์สินะ!”
ชิวเสวียนยิ้มหยัน “ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นข้าจะให้เจ้าควบคุมร่างไปทำไมเล่า?!”
ราชันมารตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้ากล้าเรอะ?!”
ชิวเสวียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ทำไมข้าจะไม่กล้า?!”