ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 333 กู่อี้เจี้ยน
บทที่ 333 กู่อี้เจี้ยน
บทที่ 333 กู่อี้เจี้ยน
“กล้าดีอย่างไร?!”
เจ้าของเสียงโบราณคำรามลั่น เจตจำนงกระบี่ตรงหน้าทะยานออกไปพร้อมกับปราณกระบี่นับไม่ถ้วนเพื่อหมายจะปลิดชีพ
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ปราณกระบี่ค่อนข้างเกรี้ยวกราดขณะปกคลุมทั่วท้องนภา พื้นดินใต้เท้าของเนี่ยอิ่งพลันพังทลายลงมา
ร่างของเนี่ยอิ่งไม่สั่นสะท้านเพราะเรื่องนี้แม้แต่น้อย สายตาของเขายังคงคุกรุ่นและเต็มไปด้วยจิตสังหารไร้ที่สิ้นสุด
เจตจำนงกระบี่ฟาดฟันเข้ามาจากทุกทิศทางประหนึ่งเซียนสำแดงอำนาจ พลังของมันช่างสุดหยั่ง!
เนี่ยอิ่งกำดาบยาวแล้วรุกคืบแทนที่จะร่นถอย ก่อนฟาดฟันออกไป
ตู้ม!
พลังทั้งสองชนิดเข้าปะทะกัน ทันใดนั้น ฟ้าดินก็มืดมิด พร้อมทั้งอากาศรอบข้างพังทลายลงมาในชั่วพริบตา
ทันทีที่แสงสว่างวาบ มันก็เข้าปกคลุมร่างของเนี่ยอิ่ง
เจตจำนงกระบี่ในท้องนภาคล้ายกับปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ส่วนเนี่ยอิ่งผู้อยู่ในแสงสว่างชูดาบแล้วเดินออกมา โดยพลังนับไม่ถ้วนในมือสะท้อนไปทั่วทั้งฟ้าดิน
เขาฟาดฟันด้วยโทสะอันแรงกล้า
ตู้ม!
เจตจำนงดาบกวาดลงมาพร้อมกับโจมตีใส่เจตจำนงกระบี่ทั้งหลาย
พลังซึ่งเป็นของวิถีกระบี่หายไปขณะที่เนี่ยอิ่งก้าวจากอากาศมาสู่นอกสุสานกระบี่ จากนั้นฟาดฟันดาบในมือเพื่อทำลายค่ายกลนับสิบแห่งตรงหน้า
ผู้หญิงที่ดูคล้ายกับกู่จินเจานั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นในสุสานกระบี่ โดยมีกระบี่ยาวขึ้นสนิมพาดอยู่บนเข่า บริเวณเบื้องล่างยังมีกระบี่ยาวนับไม่ถ้วนปักอยู่บนพื้น
กระบี่ยาวเหล่านั้นยังคงส่งเสียงไปมาราวกับกำลังคุกเข่าให้กับนาง
คนผู้นี้คือน้องสาวของจักรพรรดินี… กู่อี้เจี้ยน!
กู่อี้เจี้ยนสัมผัสถึงกลิ่นอายของผู้มาเยือนได้ จึงเอ่ยอย่างแผ่วเบาโดยไม่ลืมตาขึ้น “ออกไป”
น้องสาวของจักรพรรดินีนางนี้ขึ้นชื่อเรื่องหมกมุ่นในเคล็ดกระบี่!
นางจึงประสบความสำเร็จในวิถีกระบี่เป็นอย่างมาก!
ไม่เพียงเข้าใจเจตจำนงกระบี่ตั้งแต่อายุยังน้อยเท่านั้น แต่นางยังใช้มันเพื่อทะลวงกฎเกณฑ์ของผู้ฝึกกระบี่คนอื่นได้อีกด้วย
แม้อายุยังน้อย แต่นางกลับทำความเข้าใจเจตจำนงกระบี่ ซึ่งอยู่ในสุสานกระบี่ที่แสนอันตรายเพียงลำพังได้
เจตจำนงกระบี่เหล่านี้ได้หล่อหลอมเข้ากับตัวนาง
นับตั้งแต่เข้าสุสานกระบี่ บางคนก็เริ่มคาดเดาว่าทันทีที่กู่อี้เจี้ยนออกจากการเก็บตัว นางอาจจะกลายเป็นคนที่สามารถติดอันดับของปรมาจารย์กระบี่บนแผ่นดินหลักได้!
กู่อี้เจี้ยนกำลังฝึกฝนไปได้ด้วยดี ราวกับมหาวิถีของเจตจำนงกระบี่กำลังปรากฏอยู่ตรงหน้า
แม้นางจะทราบดีว่าจะต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นหากเนี่ยอิ่งปรากฏตัวในเวลานี้ มันอาจเกี่ยวข้องกับพระเชษฐภคินีผู้เป็นจักรพรรดินีอายุสั้นก็เป็นได้!
กู่อี้เจี้ยนคาดเดาอยู่ในใจ แต่หาได้สนใจเรื่องเหล่านี้ไม่
จักรพรรดินีแดนมัชฌิมอะไรกัน มรดกตระกูลอายุนับพันปีอะไรกัน พวกมันต่างเป็นสิ่งที่อยู่นอกสายตาของนาง
ที่นางสนใจมีเพียงกระบี่ตรงหน้า!
เนี่ยอิ่งปักดาบลงกับพื้นแล้วเอ่ยด้วยเสียงลุ่มลึก “กระหม่อมเนี่ยอิ่ง ต้องการขอให้ฝ่าบาทออกจากการเก็บตัวตอนนี้พ่ะย่ะค่ะ!”
กู่อี้เจี้ยนลืมตา เมื่อเห็นโทสะที่ถูกสะกดไว้ผ่านสีหน้าของอีกฝ่าย รวมถึงจิตสังหารที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ นางจึงยิ่งมั่นใจ
พี่สาวของนางอาจถึงแก่ความตายไปแล้ว
แดนมัชฌิมก็จะกลายเป็นดินแดนที่ไร้ผู้ปกครองอีกครั้ง ในฐานะสายเลือดของราชวงศ์คนสุดท้าย นางจึงต้องออกไปควบคุมสถานการณ์
“เนี่ยอิ่ง ข้าต้องทำความเข้าใจเจตจำนงกระบี่สูงสุด เจ้าสามารถจัดการเรื่องราวในแดนมัชฌิมได้ หรือหากต้องการ เจ้าจะกลายเป็นจักรพรรดิเสียเองก็ย่อมได้!”
กู่อี้เจี้ยนนั่งขัดสมาธิโดยไม่ขยับเขยื้อน นางเพียงเอ่ยคำเหล่านี้จบก็เตรียมฝึกฝนต่อ
เนี่ยอิ่งก้าวต่อไปพร้อมกับลากดาบยาว “กระหม่อมเนี่ยอิ่ง ขอให้ฝ่าบาทออกจากการเก็บตัว เดี๋ยวนี้!”
เนี่ยอิ่งเน้นย้ำทีละคำพร้อมกับจิตสังหารที่แผ่ออกมา ราวกับต้องการจะกลืนกินทุกสิ่งตรงหน้า!
กู่อี้เจี้ยนขมวดคิ้ว
“เนี่ยอิ่ง เจ้ากดดันข้างั้นหรือ?!”
“ลืมแล้วหรือว่าเจ้าเป็นใคร?!”
“เจ้าก็แค่สุนัขที่อยู่ในตระกูลกู่มารุ่นสู่รุ่น! มาตอนนี้ต้องการจะฆ่าเจ้านายตัวเองงั้นหรือ?!”
เนี่ยอิ่งคล้ายกับไม่ได้ยิน เขายังคงเดินเข้าหากู่อี้เจี้ยนทีละก้าว
กู่อี้เจี้ยนยิ้มหยัน ก่อนจะยกมือหยกขึ้นเพื่อสร้างผนึก
ทันใดนั้น เครื่องหมายสีแดงแปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเนี่ยอิ่ง
เครื่องหมายสีแดงกระจายออกไปทันทีก่อนจะปกคลุมทั่วร่างของเขาไว้
พลังอันแก่กล้าพลันเคลื่อนเข้าหาเนี่ยอิ่งพร้อมทั้งกดร่างลงกับพื้นในชั่วพริบตา
ตู้ม!
หินใต้เท้าของเนี่ยอิ่งแตกสลาย พลังนั้นให้ความรู้สึกเหมือนกับโลกทั้งใบกำลังกดทับบนบ่าของเขา โดยมีโลหิตไหลออกจากมุมปาก
มันคือเครื่องหมายในฐานะข้ารับใช้ราชวงศ์แดนมัชฌิมซึ่งจะติดตัวไปชั่วชีวิต
มันไม่เพียงทำให้เขาจงรักภักดีต่อราชวงศ์แดนมัชฌิมตลอดไปเท่านั้น แต่ยังมิอาจแข็งข้อกับผู้เป็นนายได้ด้วย
คนจากราชวงศ์สามารถควบคุมเครื่องหมายนี้เพื่อลงโทษเขาได้!
เนี่ยอิ่งฝืนกลืนโลหิตกลับเข้าไป เขาปักดาบยาวลงกับพื้นแล้วเค้นเรี่ยวแรงเพื่อเดินออกจากหลุม
เนี่ยอิ่งยังคงจับจ้องไปยังกู่อี้เจี้ยนขณะเดินเข้าหาทีละก้าว เขายังคงเน้นย้ำประโยคเดิมซ้ำไปมา “รบกวน! ให้ฝ่าบาท! ออกจากการเก็บตัวเดี๋ยวนี้!”
กู่อี้เจี้ยนเห็นเช่นนี้ พลันยกยิ้มขึ้น
“ข้าไม่ได้ออกไปสู่โลกภายนอกหลายปี ไม่นึกเลยว่ากู่จินเจาจะฝึกให้เจ้าเป็นสุนัขของนางเพียงผู้เดียว”
“เนี่ยอิ่ง ขืนเจ้ายังก้าวเข้ามาอีก ข้าจะทำให้เจ้าตายโดยไม่มีหลุมฝังศพ!”
กู่อี้เจี้ยนขยับผนึกแปลกประหลาดในมือ เพียงชั่วพริบตา อักขระแปลกประหลาดอีกอันก็ปรากฏบนหน้าผากของเนี่ยอิ่ง
เขาพลันหยุดนิ่งขณะรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่บริเวณหน้าอก ราวกับพวกมันจะฉีกกระชากอวัยวะภายในจนสิ้น
ทั้งทะเลลมปราณและจิตเทวะต่างตกอยู่ในภาวะปั่นป่วน
พรวด!
เข่าของเนี่ยอิ่งอ่อนทรุดจนต้องคุกเข่าลงกับพื้น ทันทีที่อ้าปาก โลหิตจำนวนมากก็หลั่งไหลออกมา
เขาเพียงเอ่ยต่อไปโดยไม่สนใจแม้แต่น้อย
“ฝ่าบาท ออกจากการเก็บตัวเดี๋ยวนี้!”
“ออกจากการเก็บตัวเดี๋ยวนี้!”
เนี่ยอิ่งเอ่ยพร้อมน้ำตาไหลอาบราวสายโลหิต กู่อี้เจี้ยนเงียบสักพักก่อนเอ่ยอย่างเย็นชา
“ข้าไม่สนเรื่องราวในแดนมัชฌิม เนี่ยอิ่ง ต่อให้กู่จินเจาตาย นั่นก็เป็นชะตาของนาง ไม่มีใครถือโทษโกรธเคืองหรอก”
“หากเจ้าอยากแก้แค้นให้นาง ก็จงทำด้วยตัวเอง ข้าไม่ออกจากการเก็บตัวเพราะเรื่องนี้แน่นอน”
“หากเจ้ามาต้อนรับข้าที่นี่ในฐานะจักรพรรดินี เช่นนั้นก็ไม่จำเป็น ข้าไม่คิดจะสืบทอดบัลลังก์ของแดนมัชฌิม”
“ต่อให้ไม่มีจักรพรรดิในแดนมัชฌิมสักระยะก็ไม่มีทางเกิดความโกลาหลขึ้นมา ทันทีที่ทำความเข้าใจมหาวิถีของเจตจำนงกระบี่แล้ว ข้าจะออกไปจัดการสถานการณ์เหล่านั้นเอง”
“ดังนั้นกลับไปซะ!”
“พรวด!”
เนี่ยอิ่งกระอักโลหิตจนชโลมไปตามพื้น
เขาคุกเข่าลงกับพื้น หลังจากพักสักครู่ก็ทำให้ความเจ็บปวดบริเวณหน้าอกทุเลาขึ้นมาก
เขาชำเลืองมองกู่อี้เจี้ยนโดยที่ยังถือดาบยาวเอาไว้
ทันใดนั้น!
ร่างของเนี่ยอิ่งพลันพุ่งออกไปพร้อมกับดาบยาวที่ทะยานเข้าหากู่อี้เจี้ยน